หมอบอกอยู่ได้อีก 8 เดือน ขอใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายด้วยความสุข ทำในสิ่งที่อยากทำ แพทย์ชี้สาเหตุมาจากภาวะตับแข็ง ติดเชื้อ และการดื่มสุรา
วันนี้ (5 ส.ค.2566) ยังคงเป็นกระแสถูกพูดถึง สำหรับการเปิดเผยของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ว่าเขาป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ และขอใช้ชีวิตในช่วงสุดท้ายต่างจากคนอื่น โดยยังคงกินเหล้า สูบบุหรี่ และออกมาแฉ ที่เขาใช้คำว่า แฉเพื่อชาติ ออกมาพูด สิ่งที่คนอื่นไม่กล้า ยืนยันว่าทำด้วยความเต็มใจ และทำด้วยความสุขของตัวเอง ตั้งใจใช้ชีวิตแต่ละวันให้เหมือนเป็นวันสุดท้าย
“หมอบอกว่าอย่าทำ ผมจึงถามว่า ถ้าผมไม่ทำแล้วมันจะหายหรือไม่ เมื่อหมอบอกไม่หาย ถ้างั้นก็อย่าบอกผมอย่าทำแล้วกัน เพราะผมทำแล้วมีความสุข”
ชูวิทย์ บอกอีกว่า การกระทำของผมทำให้กับประเทศ และสังคม ผมมีความสุขผมไม่ต้องการตำแหน่ง จะให้เงินหรือไม่ ผมก็ไม่ต้องการ คุณให้เงินผม ผมก็ไปให้โรงพยาบาล ดังนั้นถ้าถามว่าผมเป็นอะไรไหม สิ่งที่ผมเป็น มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่ผมทำเลย ผมเป็นคนที่ใช้ชีวิตด้วยความสุขในวัยสุดท้าย และวันสุดท้ายอย่างมีความสุข และผมก็เลือกใช้ชีวิตแบบนั้น
“หมอระบุไว้ว่าไม่เกิน 8 เดือน และเชื่อว่าหลายคนคงดีใจ และอาจจะคิดถึงตนเองในวันที่ไม่อยู่แล้ว ซึ่งจะรู้สึกว่าอะไรขาดหายไป แต่วันต่อไปทุกอย่างก็จะกลับสู่สภาวะเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน โดยตนเองก็จะได้ไปในที่สวยงาม ไปในที่ที่ไปแล้วทุกคนมีความสุข”
ชูวิทย์ สั่งเสียลูกหลานไม่ต้องไปจัดงานให้สิ้นเปลือง เพราะตนเองได้บริจาคร่างกาย และมองว่าเรื่องเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา ขออย่าไปคิดมากหรือกลัว ส่วนตนเองไม่กลัว คนอื่นจึงกลัวตน เพราะหวังจะเป็นใหญ่เป็นโต ได้รับตำแหน่ง ซึ่งตนเห็นว่าไม่เหมาะสมก็เลยนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชนให้ประชาชนเป็นผู้พิจารณาว่าพฤติกรรมของนายเศรษฐาเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่
คนไทยป่วยมะเร็งตับอันดับ 1
ด้านกรมการแพทย์ โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่า มะเร็งตับ พบมากเป็นอันดับ 1 ของมะเร็งที่พบทั้งหมดในคนไทย นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งทั้งหมดประมาณ 139,000 คน จากข้อมูลทะเบียนมะเร็งประเทศไทยรายงานผู้ป่วยมะเร็งตับและท่อน้ำดีรายใหม่ 22,213 คน ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 16,288 คน
มะเร็งตับที่พบมากในประเทศไทยมี 2 ชนิด คือ มะเร็งของเซลล์ตับและมะเร็ง ท่อน้ำดีตับ สาเหตุของมะเร็งเซลล์ตับอาจเป็นผลมาจากการมีภาวะตับแข็ง การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี และการดื่มสุรา ส่วนสาเหตุของมะเร็งท่อน้ำดีอาจเกิดจากการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับจากการรับประทานปลาน้ำจืดดิบ รวมถึงการมีภาวะท่อน้ำดีอักเสบเรื้อรัง เป็นต้น
นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเกี่ยวกับอาการของมะเร็งตับว่า ผู้ป่วยแต่ละรายอาจมีอาการแสดงแตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปมักไม่มีอาการในระยะแรก อาการส่วนใหญ่ที่พบ คือ แน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อเรื้อรัง อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ปวดหรือเสียดชายโครงขวา อาจคลำพบก้อนในช่องท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องโต และมีอาการบวมบริเวณขาทั้ง 2 ข้าง เป็นต้น
ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า การป้องกันโรคทำได้โดยการให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบีในเด็กแรกเกิดทุกคน ปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตและพฤติกรรมสุขภาพ เช่น หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา รับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ เช่น ไม่รับประทานปลาน้ำจืดดิบ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีสารก่อมะเร็ง เช่น อาหารที่อาจปนเปื้อนสารอะฟลาทอกซิน หากสงสัยว่ามีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคตับเรื้อรังหรือมีประวัติเป็นโรคตับอักเสบ ควรรับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเพื่อสามารถพบรอยโรคได้เร็ว ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับลงได้