เครือข่ายนักวิชาการ ภาคประชาชน ออกจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องรัฐบาล ปิดสภาวะสุญญากาศกัญชาเสรี หลัง 1 เดือนปลดล็อก เกิดผลกระทบต่อสังคม เด็ก และเยาวชน
9 ก.ค.ที่ผ่านมา ครบรอบ 1 เดือน ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ‘ปลดกัญชาจากการเป็นยาเสพติด’ เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านยาเสพติด ทำจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ขอให้รัฐบาลออกมาตรการ ‘ปิดสภาวะกัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศทันที’ และ “จัดให้มีกระบวนการรับฟังผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านเพื่อร่วมกันออกแบบนโยบายกัญชาของประเทศไทย” ส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี, อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, รวมทั้งประธานสภาผู้แทนราษฎร, ประธานวุฒิสภา, ประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…
โดยระบุว่า หลังจากมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด ทำให้เกิดสถานการณ์กัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศ เนื่องจากยังไม่มีนโยบายควบคุมการใช้กัญชาอย่างเพียงพอ ส่งผลให้เกิดปรากฎการณ์ผลกระทบจากการใช้กัญชา ทั้งการบริโภคแบบรู้ตัว เช่น สูบดอกกัญชา และแบบไม่รู้ตัว เช่น กินอาหาร หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกัญชาที่ไม่มีใครบอก ซึ่งเกิดกับทั้งผู้ใหญ่ เยาวชน และเด็กเล็ก ตลอดจนมีการขายกัญชาเพื่อนันทนาการ (ความบันเทิง)
สถานการณ์เช่นนี้จะรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อประชาชนปลูกกัญชาในครัวเรือนมากขึ้นในอนาคต หากสถานการณ์กัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศนี้ยังต่อเนื่องไปนาน จะเกิดความเสียหายต่อประเทศอย่างรุนแรง โดยเฉพาะต่ออนาคตของเด็กและเยาวชนไทยในระยะยาว ประเทศไทยจึงไม่ควรตกอยู่ในสภาวะสุญญากาศนาน ต้องมีนโยบายควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดอย่างเพียงพอโดยเร็ว
เสนอทบทวนนโยบาย ‘กัญชาเสรี’ ก่อนเข้าสู่สภาฯ
เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด เสนอให้รัฐบาล คณะกรรมการป้องกันและปรามปรามยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา พิจารณาทบทวนนโยบายกัญชาเสรี ซึ่งเป็นอำนาจและความรับผิดชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น โดยควรที่จะต้อง ปิดสภาวะสุญญากาศทันที และ “จัดให้มีกระบวนการรับฟังผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านเพื่อร่วมกันออกแบบนโยบายกัญชาของประเทศไทย ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาต่อไป” บนจุดยืนการสนับสนุนนโยบายกัญชาทางสายกลาง คือ การใช้ประโยชน์จากกัญชาอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ในทางการแพทย์ และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับนโยบายกัญชาเสรี โดยระบุรายละเอียดไว้ในจดหมายเปิดผนึก ดังนี้
- ปิดสภาวะสุญญากาศทันที โดย ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขชะลอการบังคับใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับปลดกัญชาจากการเป็นยาเสพติดออกไปก่อนจนกว่าจะมีมาตรการควบคุมที่เพียงพอ หรือ ประกาศให้กัญชา (ครอบคลุมดอก ยาง สารสกัด และทิงเจอร์ จากดอกและยางกัญชา) เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 2 (ซึ่งจะใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ได้ เหมือนมอร์ฟีน และประเทศไทยจะไม่ผิดฐานละเมิดอนุสัญญายาเสพติด 1961 และ 1972 ที่ได้ลงนามสัตยาบันไว้อีกด้วย) หรือ ออกพระราชกำหนดกำหนดให้กัญชายังเป็นยาเสพติดจนกว่าจะมีกฎหมายกัญชาออกมาบังคับใช้ เป็นต้น
- การปิดสภาวะสุญญากาศ จะต้องจัดให้มีกระบวนการรับฟังผู้เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านเพื่อร่วมกันออกแบบนโยบายกัญชาของประเทศไทย อย่างน้อย 1 – 2 ปี เพื่อจัดทำข้อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อพิจารณาออกกฎหมายกัญชาต่อไป หากทำเช่นนี้ จะทำให้สามารถปิดสภาวะสุญญากาศได้ทันที จะทำให้สถานการณ์นโยบายกัญชากลับไปยังก่อนปลดล็อก คือ กัญชายังเป็นยาเสพติด แต่อนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ได้ แต่ผลกระทบร้ายแรงจะบรรเทาลงทันที ทุกฝ่ายจะได้รับการยอมรับจากสังคมว่าห่วงใยประชาชนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง และจะทำให้มีเวลาเพียงพอที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะมีส่วนร่วมออกแบบนโยบายกัญชาของประเทศไทยร่วมกัน อันจะทำให้ผลประโยชน์และผลเสียหายของทุกฝ่ายได้รับการคำนึงถึงอย่างครบถ้วน และจะทำให้ได้นโยบายกัญชา ที่เกิดประโยชน์สูงสุดและป้องกันโทษได้ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย และอนาคตของเด็กและเยาวชนไทยจะได้รับการปกป้อง จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติดได้มีการริเริ่มแคมเปญ “ชะลอกัญชาเสรี ขอกฎหมายคุ้มครองไม่ให้เด็กใช้กัญชาออกมาก่อน” บนช่องทาง Change.org ซึ่งปัจจุบันมีผู้สนับสนุนมากกว่า 5,000 คน และในวันจันทร์ ที่ 11 กรกฎาคม เวลา 20.00 น. ตัวแทนของกลุ่ม ร่วมกับ Change.org จะจัดรายการทาง ClubHouse“1 เดือนปลดล็อกกัญชา กับปัญหาที่ยังน่าเป็นห่วง” ทบทวนนโยบายการปลดล็อกกัญชา เมื่อผ่านเวลาผ่านไป ยิ่งกลายเป็นข้อถกเถียงในสังคมฟังมุมมองของแพทย์ และตัวแทนภาคการศึกษา ในฐานะคนที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหา จะทำอย่างไรให้เด็กไทยห่างไกลกัญชา และกัญชาถูกนำไปใช้ทางการแพทย์อย่างถูกต้อง พบกับ
- ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย และผู้ริเริ่มแคมเปญ “ชะลอกัญชาเสรี ขอกฎหมายคุ้มครองไม่ให้เด็กใช้กัญชาออกมาก่อน
- ผศ.นพ.สหภูมิ ศรีสุมะ อายุรแพทย์พิษวิทยา แพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
- สัญญา มัครินทร์ (ครูสอญอ) เจ้าของการเรียนรู้พื้นที่กัญชาปลอดภัยโรงเรียนสีชมพูศึกษา จังหวัดขอนแก่น