สธ. แจง เสพยาไม่ผิดกฎหมาย! สังคมเข้าใจผิด ยืนยัน ครอบครองไม่เกิน 5 เม็ดถือเป็นผู้เสพ ไม่ยอมบำบัดมีโทษฐานครอบครองเพื่อเสพ แต่หากมีพฤติการณ์เป็นผู้ค้าแม้มีเม็ดเดียว ต้องถูกดำเนินคดี
เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 67 กระทรวงสาธารณสุข แถลงมาตรการรองรับหลังการประกาศกฎกระทรวงกำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ. 2567
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงกรณีความเข้าใจผิดที่ปรากฏทางสื่อโซเชียล ว่า การเสพยาเสพติดต่อไปนี้ไม่ถือเป็นความผิดทางกฎหมายนั้น ขอย้ำว่า การเสพยาเสพติดให้โทษ โดยเฉพาะเมทแอมเฟตามีน หากไม่เกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด คือ 5 เม็ด และไม่มีพฤติการณ์แวดล้อมที่ระบุว่าเป็นผู้ค้า ให้ถือเป็นผู้เสพ ต้องเข้ารับการบำบัด แต่ถ้ามีพฤติการณ์หรือสภาพแวดล้อมเชื่อมโยงได้ว่าเป็นผู้ค้า แม้เพียง 1 เม็ด ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
การออกกฎกระทรวงครั้งนี้ เป็นมติเอกฉันท์ร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางหลักเกณฑ์ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดประเภทยาบ้า โดยผู้ที่มียาบ้าในครอบครองไม่เกิน 5 เม็ด ให้สันนิษฐานว่า มีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ และถือเป็นผู้ป่วยที่ต้องนำไปบำบัดรักษาให้หาย แต่ทั้งนี้ขึ้นกับความสมัครใจของผู้นั้น ถ้าไม่สมัครใจรับการบำบัด ก็จะถูกดำเนินคดีข้อหา ‘ครอบครองเพื่อเสพ‘ ตาม มาตรา 164 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากพิสูจน์ได้ว่ามีพฤติการณ์ที่เป็นการครอบครองเพื่อขาย ไม่ว่าจะกี่เม็ด ต้องถูกดำเนินคดีและลงโทษตามกฎหมายฐานเป็นผู้ค้า
พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. บอกว่า ป.ป.ส มีหน้าที่บูรณาการทั้งการบำบัด ฟื้นฟู สนับสนุน การบังคับใช้กฎหมาย และกำหนดนโยบาย ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติด มติที่มีความเห็นร่วมกันเรื่องปริมาณการเสพและการครอบครองที่ออกมาแล้วนั้น ถือเป็นเอกฉันท์
ขณะนี้มีตัวเลขผู้เสพของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ประมาณ 530,000 คน เป็นกลุ่มสีแดง เป็นอันตรายต่อสังคมถึง 32,000 คน นโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล คือ นำผู้เสพ 32,000 คนนี้ เข้ามาสู่การบำบัดให้ได้ ทั้งนี้ การครอบครองยาเสพติดไม่ว่าจำนวนกี่เม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิจารณาจากพฤติกรรมและรายงานการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ด้วย การมี 1-2 เม็ด แล้วจะอ้างว่ามีไว้เพื่อเสพ แต่เจ้าหน้าที่สืบสวนพบมีพฤติการณ์เป็นผู้ขายก็ต้องได้รับโทษ
ขณะที่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ ป.ป.ส. ดำเนินการป้องปรามและบังคับใช้กฎหมายมาโดยตลอด จากข้อมูลในปีงบประมาณ 2564 ถึงล่าสุดเดือนมกราคม 2567 มีการจับกุมทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทั้งสิ้น 827,552 คดี
สำหรับกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวออกตามความในมาตรา 107 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งกำหนดให้ การมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ ในประเภท 1 ประเภท 2 หรือประเภท 5 หรือวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 หรือประเภท 2 ในปริมาณเล็กน้อย ตามที่กำหนดไว้ ให้ สันนิษฐานไว้ก่อนว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ ซึ่งจะช่วยให้การจำแนกความผิดข้อหา ‘ครอบครองเพื่อเสพ’ และข้อหา ‘ครอบครอง’ มีความชัดเจนมากขึ้น