คกก.นโยบายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าฯ เผยความคืบหน้า ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เตรียมเสนอเข้าอนุกรรมการกฎหมาย บอร์ดควบคุมยาสูบ หวังเป็นเครื่องมือช่วยป้องกันการแทรกแซงนโยบายจากภาคธุรกิจบุหรี่
ตามที่ คณะกรรมการพัฒนานโยบายสาธารณะประเด็นการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ประชุมครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 68 พิจารณาแนวทางการดำเนินงานตาม มาตรา 5.3 กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก (WHO FCTC) เพื่อเดินหน้าให้เกิดแนวปฏิบัติที่ชัดเจนในการป้องกันไม่ให้ธุรกิจยาสูบ เข้ามาแทรกแซงนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมยาสูบภายในประเทศ
ลุยป้องกันการแทรกแซงจากอุตสาหกรรมยาสูบ
ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ ประธานกรรมการพัฒนานโยบายสาธารณะประเด็นการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า บอกว่า หลังจากที่มติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น การปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า ได้รับฉันทามติเห็นชอบร่วมกันจากภาคีเครือข่ายสมัชชาสุขภาพ ไปเมื่อ 13 พ.ค. 67 ซึ่งมีทิศทางนโยบายที่สำคัญหลายข้อ ทั้งการสร้างความตระหนักรู้ การเฝ้าระวัง การบังคับใช้กฎหมาย สร้างการมีส่วนร่วม เป็นต้น โดยพบว่าที่ผ่านมาภาคีเครือข่ายภาคส่วนต่าง ๆ ได้ดำเนินงานที่ก้าวหน้าไปเป็นลำดับ ยกเว้นข้อหนึ่งที่ยังถูกมองว่าเป็นจุดอ่อนอยู่ นั่นคือในเชิงของการป้องกันการแทรกแซงจากอุตสาหกรรมยาสูบ

ศ.พญ.สุวรรณา ระบุว่า ประเด็นดังกล่าวสอดคล้องตาม มาตรา 5.3 ของกรอบอนุสัญญา WHO FCTC ที่ประเทศไทยได้ร่วมลงนามรับรองมาตั้งแต่ปี 2546 โดย สช. และภาคีเครือข่ายได้มีการจัดประชุมปรึกษาหารือร่วมกันในประเด็นนี้ไปเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 67 จนสรุปออกมาเป็นแนวทางการดำเนินการต่าง ๆ อาทิ ผลักดันและยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี สื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจแก่สาธารณชน จัดประชุมหารือประเด็นเขตการค้าเสรี (FTA) ร่วมกับหน่วยงานด้านการค้าระหว่างประเทศ ในประเด็น Commercial Determinants of Health สินค้าที่ทำลายสุขภาพ เป็นต้น
ล่าสุด กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ เตรียมจะเสนอร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อป้องกันการแทรกแซงนโยบายจากธุรกิจบุหรี่ เข้าสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย ภายในเดือน ก.พ. นี้ หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ สาระสำคัญของหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการให้คำมั่นอันเป็นหนึ่งเดียวของประเทศสมาชิกอาเซียนในการปกป้องสุขภาพของประชาชนจากการแทรกแซงของอุตสาหกรรมยาสูบ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการควบคุมยาสูบ หรือ ASEAN FCTC ไปแล้ว
“เรื่องนี้ก็ถือว่ามีความก้าวหน้า เพราะทุกคนก็หวังให้มีระเบียบออกมาเพื่อที่จะเอาไปดำเนินการป้องกันการแทรกแซงจากภาคธุรกิจอุตสาหกรรมบุหรี่ เพราะหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าควรมีปฏิสัมพันธ์อย่างไร คือไม่ใช่ว่าห้ามพูด ห้ามคุย แต่เราจะไม่ให้ฝ่ายธุรกิจเข้ามามีส่วนกับการออกนโยบายสาธารณะ รวมถึงในการประชุมที่เกี่ยวกับนโยบายของเรา เพราะจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน”
ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์
ร่วมปกป้อง เด็ก-เยาวชน จากบุหรี่ไฟฟ้า
ศ.พญ.สุวรรณา ยังเปิดเผยด้วยว่า ที่ประชุมยังพิจารณา แผนขับเคลื่อนประเด็นการปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งภาคีภาคส่วนต่าง ๆ กว่า 42 หน่วยงานได้ร่วมกันหารือและสรุปออกมาเป็นเป้าหมาย ประกอบด้วย
- สร้างความรู้ความเข้าใจ ติดตามประเมินผล รวมถึงการจัดการ Dropbox ในสถานศึกษา
- การควบคุมกำกับสื่อรูปแบบใหม่ในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อป้องกันการตลาดการโฆษณา
- ผลักดันให้กลไกคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ มีการบรรจุวาระบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนงานในระดับท้องถิ่น
- ผลักดันให้เครือข่ายในท้องถิ่นร่วมเฝ้าระวัง รับเรื่อง ประสานงานต่าง ๆ
- ให้มีการสำรวจความชุกการใช้บุหรี่ไฟฟ้าทุก ๆ 2 ปี
โดยในเรื่องนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2568 ที่ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธาน ได้พิจารณาให้ความ เห็นชอบมาตรการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง โดยบังคับใช้กฎหมายกับผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กโดยเฉพาะร้านจำหน่ายรอบสถานศึกษา รวมถึงบังคับใช้กฎหมายกับผู้ปกครองที่จงใจหรือละเลยปล่อยให้เด็กและเยาวชนซื้อใช้หรือเป็นตัวแทนจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า
กังวลผลการศึกษา กมธ.บุหรี่ไฟฟ้า
ขณะที่ ผศ.ลักขณา เติมศิริกุลชัย รองประธานคณะกรรมการพัฒนานโยบายสาธารณะประเด็นการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า สช. บอกว่า ที่ผ่านมาภาคีเครือข่ายมีความกังวลต่อผลการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้า ที่ได้มีข้อสรุปออกมาเป็น 3 แนวทางคือ
- ยังคงกฎหมายห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า และให้มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง
- ให้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าชนิด Heated Tobacco
- ให้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าได้ทุกชนิด
โดยเตรียมที่จะส่งรายงานนี้เข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาว่าจะใช้แนวทางใด ซึ่งภาคีเครือข่ายต่างเห็นว่า แนวทางที่ 2 และ 3 จะทำให้การทำงานควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าทำได้ยากลำบากมากยิ่งขึ้น จึงได้มีกิจกรรมรวมตัวแสดงพลัง “เสียงประชาชนถึงรัฐบาลและรัฐสภา: คนไทยไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า” โดยสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ และภาคีเครือข่ายต่างๆ อีกกว่า 972 องค์กร เพื่อให้คงกฎหมายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า โดยมีประชาชนที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนล่าสุดขณะนี้มากกว่า 6.5 แสนคน

“นอกจากส่งข้อเรียกร้องไปถึงรัฐบาลแล้ว เรายังมีการส่งหนังสือไปถึงหัวหน้าพรรคการเมืองต่าง ๆ เพื่อให้รับรู้ถึงความเห็นของผู้คนส่วนใหญ่ ที่ต้องการให้มีการบังคับใช้กฎหมายห้ามนำเข้าและขายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวด ส่วนจังหวะก้าวต่อไปยังมองไปถึงบทบาท ของ อสม. ที่สามารถพัฒนาศักยภาพเข้ามาร่วมเป็นเครือข่ายในการดูแลเรื่องนี้ได้อีกมาก”
ผศ.ลักขณา เติมศิริกุลชัย
ดึง ท้องถิ่น-สถานศึกษา ร่วมป้องกันบุหรี่ไฟฟ้า
สำหรับความคืบหน้าของการดำเนินงานต่าง ๆ ทั้ง โครงการพัฒนาประสิทธิภาพระบบและกลไกการดำเนินงานเขตสุขภาพเพื่อประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาภัยคุกคามทางสุขภาพ (บุหรี่ไฟฟ้า) ในเขตพื้นที่ ซึ่งมีการใช้กลไกเขตสุขภาพเพื่อประชาชนทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงาน รณรงค์ เฝ้าระวัง บังคับใช้กฎหมายในท้องถิ่น รวมถึงพัฒนากลยุทธ์ที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละท้องถิ่น เพื่อลดการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน และส่งเสริมการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยจากบุหรี่ไฟฟ้า โดยปัจจุบันได้มีการดำเนินงานใน 8 เขตพื้นที่ทั่วประเทศ
รวมไปถึง ร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา (ฉบับที่..) พ.ศ…. ของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ได้มีการเสนอปรับปรุงถ้อยคำจากกฎกระทรวงฉบับเดิมเมื่อปี 2548 ให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน เพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนนักศึกษาเข้าไปข้องเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ขณะเดียวกันยังเตรียมเพิ่มอำนาจให้ผู้อำนวยการหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในโรงเรียน ตรวจยึดและทำลายบุหรี่ไฟฟ้าได้ควบคู่ไปด้วย โดยล่าสุดร่างกฎกระทรวงฯ ดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม. ครั้งที่ 1/2568 และอยู่ระหว่างส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณา อีกทั้งการเตรียมยื่นข้อเสนอต่อกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้ดำเนินการปิดกั้นการซื้อขาย โฆษณา หรือส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มเติม
เช่นเดียวกับ นาตยา พรหมทอง ผู้อำนวยการสำนักนโยบายสาธารณะภาคกลาง สช. บอกว่า การประชุมหารือประเด็นเขตการค้าเสรี (FTA) ร่วมกับหน่วยงานด้านการค้าระหว่างประเทศ ในประเด็น Commercial Determinants of Health สินค้าที่ทำลายสุขภาพ ทาง สช. เตรียมที่จะนำไปหารือร่วมกับคณะกรรมการสนับสนุนการศึกษาและติดตามการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและนโยบายสุขภาพ (NCITHS) ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 20 – 21 ก.พ. 68 เพื่อพิจารณาแนวทางร่วมกันต่อไป