‘มูลนิธิทำทาง’ บุกทวงถามประกันสังคม เหตุผู้ประกันตนใช้สิทธิ แต่ยังถูกสถานพยาบาลปฎิเสธให้บริการ ‘ยุติการตั้งครรภ์’ เจ้าหน้าที่ไม่ทราบนโยบาย ให้ข้อมูลสับสน จี้ บังคับใช้ได้จริงในทางปฏิบัติ หลังออกคำสั่งครบ 3 เดือน
วันนี้ (10 มิ.ย. 68) ตัวแทนเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิทำทาง องค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานในประเด็นการเรียกร้องและปกป้องสิทธิทางเพศ สิทธิอนามัยเจริญพันธุ์ และส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ยื่นหนังสือติดตามความคืบหน้าของการบังคับใช้นโยบาย “ทำแท้งถือเป็นสิทธิรักษา” ภายหลังจากสำนักงานประกันสังคมมี ประกาศเรื่องแนวทางการให้การดูแลผู้ประกันตนที่มีความจำเป็นต้องได้รับการยุติการตั้งครรภ์ เลขที่ รง 0626/ว2225 ออกมาเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 68 เนื่องจากครบกำหนด 3 เดือนหลังเผยแพร่คำสั่ง แต่การบังคับใช้ยังไม่คืบหน้า ส่งผลให้มีผู้ประกันตนไทย และต่างชาติถูกปฏิเสธบริการทำแท้ง หรือต้องควักค่าใช้จ่ายเอง
การขอเข้าพบครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 หลังมีประกาศฉบับดังกล่าวออกมา โดยมูลนิธิทำทาง เคยขอเข้าพบเลขาธิการประกันสังคมครั้งแรกเมื่อ 26 มี.ค. 68 เพื่อซักถามรายละเอียด และได้เผยแพร่ข้อมูลเพื่อประชาสัมพันธ์สิทธิลงบนเพจเฟซบุ๊ก คุยกับผู้หญิงที่ทำแท้ง ซึ่งภายหลังจากยื่นหนังสือ มูลนิธิฯ ได้เสนอวันนัดพบเพื่อพูดคุยอย่างละเอียดอีกครั้งกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ เลขาธิการประกันสังคม, คณะกรรมการการแพทย์, สำนักจัดระบบบริการทางการแพทย์ และผู้แทนฝั่งผู้ประกันตน (บอร์ดลูกจ้าง) เพื่อหารือแนวทางการส่งต่อบริการและการริเริ่มเปิดให้บริการยุติการตั้งครรภ์ในโรงพยาบาลประกันสังคม ในวันที่ 17 มิ.ย. 68 ณ สำนักงานประกันสังคม

“แม้ประธานคณะกรรมการการแพทย์จะยังไม่ตอบรับยืนยันนัดในทันทีวันนี้ แต่ก็สนับสนุนว่า การยุติการตั้งครรภ์เป็นสิทธิประกันสังคม ที่โรงพยาบาลต้องให้บริการ หรืออย่างน้อยต้องออกใบส่งตัวให้คนไข้ได้รับบริการโดยเร็ว”
ย้ำชัดการ ‘ยุติการตั้งครรภ์’ ของผู้ประกันตน ถือเป็นสิทธิรักษา
สำหรับประกาศฉบับดังกล่าวอ้างถึงการเปลี่ยนแปลงกฎหมายทำแท้งเมื่อปี 2564 ยืนยันว่าการ ยุติการตั้งครรภ์ หรือ การทำแท้ง ในปัจจุบันถือเป็นบริการการแพทย์ที่ถูกกฎหมาย คนไข้สามารถขอรับบริการจากแพทย์ได้อย่างถูกต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 305 นอกจากนี้ยังอ้างถึงประกาศของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่ให้สิทธิผู้ท้องไม่พร้อมสัญชาติไทยทุกคนสามารถรับบริการยุติการตั้งครรภ์และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในฐานะบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
ส่วนใจความของประกาศประกันสังคมฉบับวันที่ 19 ก.พ. 68 ยืนยันว่า “การยุติการตั้งครรภ์ของผู้ประกันตนประกันสังคม ถือเป็นสิทธิรักษา” เช่นเดียวกับการรักษาโรคอื่น ๆ โดยมีแนวทางการเบิกจ่ายดังนี้
- สำหรับผู้ท้องไม่พร้อมสัญชาติไทย ให้ใช้สิทธิบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (สปสช.) เป็นลำดับแรก โดยจะรับบริการยุติการตั้งครรภ์ที่สถานพยาบาลตามสิทธิ หรือให้สถานพยาบาลตามสิทธิออกเอกสารส่งตัวไปรักษาที่สถานพยาบาลอื่นได้ หากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากงบที่ สปสช. ตั้งไว้ หรือมีความจำเป็นต้องรักษาอาการแทรกซ้อนจากการยุติการตั้งครรภ์ ให้ใช้สิทธิประกันสังคม
- สำหรับผู้ท้องไม่พร้อมสัญชาติอื่น ให้ใช้สิทธิประกันสังคม โดยจะรับบริการยุติการตั้งครรภ์ หรือรักษาอาการแทรกซ้อนจากการยุติการตั้งครรภ์ที่สถานพยาบาลตามสิทธิ หรือให้สถานพยาบาลตามสิทธิออกเอกสารส่งตัวไปรักษาที่สถานพยาบาลอื่นก็ได้
พบปัญหาหน้างานไม่รู้นโยบาย ปฏิเสธให้บริการ
มูลนิธิฯ ระบุด้วยว่า จากการให้คำปรึกษาและส่งต่อบริการแก่ผู้ท้องไม่พร้อมทั่วประเทศ ในช่วงเดือน ก.พ. – มิ.ย. 68 พบว่า มีปัญหาคนไข้ถูกปฏิเสธบริการจำนวนมาก เช่น โรงพยาบาลประกันสังคมส่วนหนึ่งอ้างว่าไม่ทราบประกาศจึงไม่ให้บริการ หรือไม่ให้บริการและไม่ออกเอกสารส่งตัวเนื่องจากไม่ใช่ผู้ประกันตนชาวไทย ทั้งที่ประกาศประกันสังคมฯ ยืนยันว่า สามารถเบิกสิทธิได้โดยไม่จำกัดสัญชาติ ขอเพียงแค่เป็นผู้ประกันตนที่มีสิทธิรักษาโรคตามปกติ
รวมถึงมีผู้ตั้งครรภ์ไม่พร้อมบางรายที่สะท้อนว่า เจ้าหน้าที่ตอบคำถามทางโทรศัพท์ของสำนักงานประกันสังคมเองยังไม่ทราบนโยบาย และได้ให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนแก่ประชาชน ว่า สำนักงานประกันสังคมไม่มีสิทธิประโยชน์ด้านการยุติการตั้งครรภ์ หรือไม่สามารถให้บริการได้ในกรณีท้องไม่พร้อมที่ไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ แม้ว่ารายละเอียดในประกาศไม่ได้มีระบุยกเว้นเอาไว้ก็ตาม
นอกจากนี้ ขั้นตอนการใช้สิทธิที่บังคับให้ผู้ประกันตนต้องไปติดต่อโรงพยาบาลประกันสังคมเป็นอันดับแรก ในขณะที่โรงพยาบาลประกันสังคมจำนวนมากยังไม่ทราบนโยบาย และไม่ยอมให้บริการยุติการตั้งครรภ์ ก็สร้างความสับสน กังวลใจ และความล่าช้าในการเข้ารับบริการด้วย ทั้งที่บริการยุติการตั้งครรภ์และการรักษาอาการแทรกซ้อนถือเป็นบริการการแพทย์ที่มีความจำเป็นเร่งด่วน แต่การสื่อสารนโยบายที่คลาดเคลื่อน ความล่าช้าในการประสานสิทธิ และการถูกปฏิเสธบริการ ทำให้ผู้ประกันตนที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมต้องเสียสิทธิไปอย่างน่าเสียดาย
ทั้งนี้ผู้ที่กำลังประสบปัญหาการเข้าถึงบริการ สามารถขอรับคำปรึกษา-ส่งต่อบริการยุติการตั้งครรภ์แก่ผู้ตั้งครรภ์ไม่พร้อมทั่วประเทศ กับ มูลนิธิทำทาง (Tamtang Foundation) ผ่านไลน์ @tamtang