คณะละครมาร็องดู ชวนผู้สูงวัยออกจากบ้าน ฝึกเล่นละครป้องกันสมองเสื่อม

คณะละครมาร็องดู จัดกิจกรรมเล่นละคร เน้น สูงวัยใช้ร่างกาย อารมณ์ ท้าทายความคิด เพื่อกระตุ้นสมอง ออกจากคอมฟอร์ทโซน ป้องกันสมองเสื่อม

วันนี้ (29 มิ.ย.2568) สถานการณ์ประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นในประเทศเกิดขึ้นทั่วโลก สังคมต้องเตรียมรับมือหลายด้าน โดยเฉพาะการรับมือกับผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม ที่มาพร้อมกับผู้สูงอายุที่นับวันจะยิ่งมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ 

รายงานจาก WHO ในปี 2021 เปิดเผยว่า ตอนนี้มีผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม (dementia)  55 ล้านคนทั่วโลก และมีอัตราการเพิ่มสูงขึ้น 10 ล้านคนต่อปี โดยอัลไซเมอร์เป็นสาเหตุหลักของโรคสมองเสื่อม คิดเป็น 60–70% ของผู้ป่วยทั้งหมด และมีการคาดว่าจำนวนผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมจะเพิ่มขึ้นเป็น 78 ล้านคน ในปี 2030 และถึง 139–152 ล้านคนในปี 2050 และแน่นอนว่า สถานการณ์เช่นนี้กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นกัน

วานนี้ (29 มิ.ย.68) คณะละครมาร็องดู จัดเวิร์กชอป “ละครเพื่อสุขภาวะสมอง ครั้งที่ 9” โดยใช้ศาสตร์ของ “ละครประยุกต์” เพื่อใช้ในการป้องกันภาวะสมองเสื่อม โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ

ศรชัย ฉัตรวิริยะชัย ผู้ก่อตั้ง คณะละครมาร็องดู อธิบายว่า ผู้สูงอายุส่วนมาก จะใช้เวลาแต่ละวันไปกับการนั่งฟัง หรือนั่งคิดเรื่องต่าง ๆ ซ้ำ ๆ อยู่ในหัว หรือพูดแต่เรื่องเก่า ๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับสมองในระยะยาว

การเล่นละคร แม้จะไม่ใช่การรักษาความเสื่อมถอยทางสมอง แต่ก็เป็นศาสตร์หนึ่งที่มีส่วนในการช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้

การที่ผู้สูงอายุได้เคลื่อนไหวร่างกายผ่านการเล่นบทบาทสมมุติ เป็นการกระตุ้นระบบประสาทในการควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกาย (Motor function) ที่ไม่ใช่แค่กล้ามเนื้อ แต่ไปรวมถึงสมอง และฝึกการใช้อารมณ์ความรู้สึก ซึ่งเป็นทักษะสำคัญ

“หากลองไปคุยกับผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่ท่านจะพูดน้ำไหลไฟดับเลยใช่ไหม แต่เป็นการพูดเรื่องเดิม ๆ วนอยู่ในอดีต ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง หรือไม่ก็นั่งเหม่อลอย อยู่กับเสียงในหัวตัวเองทั้งวัน”

ศรชัย ฉัตรวิริยะชัย
ผู้ก่อตั้ง คณะละครมาร็องดู

“การเล่นละคร จะทำให้เขาเอาตัวเองออกมาจากความคิด ผ่านการเคลื่อนไหว และการมีบทบาทสมมุติ จะทำให้เขาต้องคิดเล่าเรื่อง หรือหากอยากเล่าเรื่องในอดีตก็ย่อมทำได้ แต่มันจะถูกคิดให้แสดงออกอย่างจับต้องได้ ผ่านการแสดงออกทางร่างกาย แล้วละครจะพาเขากลับมาอยู่กับปัจจุบัน” ศรชัย อธิบาย

โดยเฉพาะในยุคที่มีสื่อโซเชียลมีเดียมากมาย ที่ชวนให้เราเปิดฟัง เปิดดูสิ่งต่าง ๆ ทั้งวันไปเรื่อย ๆ โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเฉย ๆ และทำให้เป็นเพียงผู้รับสาร แต่กลับไม่เคยได้ลองสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้ ทำให้ขาดหายทักษะที่สัมพันธ์กับการใช้สมองโดยตรง

“ตอนนี้พวกเราทุกคนเป็น consumer โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ที่เราจะเห็นเขาเปิดฟัง เปิดดูจอมือถือไปเรื่อย ๆ วันหนึ่งเป็นสิบชั่วโมง แต่ไม่เกิดความ active 

“ความสามารถของศิลปะ คือ การสร้างสรรค์ (creation) หรือการสร้างสรรค์อะไรขึ้นมาใหม่ กลไกของการเล่นละคร จะช่วยเปลี่ยนคนจากเป็นเพียง consumer ให้กลายเป็น creator นอกจากกระตุ้นร่างกายและสมอง ยังทำให้ผู้สูงอายุสนุก เพราะเขาได้คิด ได้ออกแบบด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโอกาสที่พวกเขาแทบจะหาไม่ได้ในชีวิตประจำวัน” ศรชัย เล่า

และด้วย วัฒนธรรมบ้านเราไม่ให้โอกาสผู้สูงอายุในการ create สิ่งต่าง ๆ มากนัก ลำพังแค่อยู่ในบ้าน การจะทำอะไรสักอย่าง ก็มักจะโดนลูกห้ามไปหมด ว่าพ่ออย่าทำนั่น แม่อย่าทำนี่ ด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่จริง ๆ แล้วผู้สูงอายุจำเป็นต้องทำกิจกรรมที่  create ให้มาก ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ เต้นรำ ร้องเพลง หรือแม้แต่การเล่นละคร

สำหรับกิจกรรมนี้ จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 9 แล้ว ศรชัย อธิบายว่า กิจกรรมแต่ละครั้งจะถูกปรับเปลี่ยนไปตามบริบท แต่ไม่ได้มีบทเรียนที่ต่อเนื่อง หรือเพิ่มความยากขึ้นไปเรื่อย ๆ

ทำให้ไม่ว่าผู้เข้าร่วมจะไม่ได้มาต่อเนื่อง หรือมาแค่บางครั้ง ก็สามารถทำกิจกรรมไปพร้อมกับเพื่อน ๆ ในคลาสได้อย่างสนุกสนาน เพราะเป็นการออกแบบกิจกรรมผ่านหลักการ “การทำซ้ำ” เพราะเป็นหัวใจที่ทำให้เกิดทักษะ

“เรามักคิดว่า การทำกิจกรรมแต่ละครั้งจะต้อง create สิ่งใหม่ไปเรื่อย ๆ แต่สำหรับทุกคน โดยเฉพาะผู้สูงอายุแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการทำซ้ำ (repetition) เพราะการทำซ้ำจะทำให้เกิดทักษะ (skill) แล้วพัฒนาการจะเกิดขึ้นเอง”

ศรชัยย้ำว่า เกือบ 10 ครั้งที่ผ่านมา มีผู้สูงอายุหลายคนที่มาร่วมอย่างต่อเนื่อง และได้เห็นพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนแล้ว

ด้าน อัจฉราพร ชีวะสวัสดิ์ วัย 52 ปี หนึ่งในผู้เข้าร่วม เล่าว่า ที่ตนเองตัดสินใจเข้าร่วมการเล่นละครครั้งนี้ เพราะเริ่มมีปัญหาสมองเสื่อมในระยะเริ่มต้น ซึ่งเกิดขึ้นเร็วกว่าวัยมาก จึงพยายามที่จะค้นหาหลาย ๆ วิธีในการดูแลตนเอง และการเล่นละคร เป็นศาสตร์ใหม่ที่เธอเพิ่งค้นพบ

“วันหนึ่ง เรากำลังนั่งรถไฟฟ้าไปหาเพื่อนที่บางหว้า นั่งไปได้แล้วครึ่งทาง อยู่ ๆ ก็นึกไม่ออกว่าตัวเองกำลังจะไปไหน ตอนนั้นตกใจมาก เหมือนตัวเองตกอยู่ในพะวัง ต้องลงจากรถไฟฟ้ากลางทางแล้วรีบโทรหาลูกสาว”

อัจฉราพร ชีวะสวัสดิ์ วัย 52 ปี
ผู้เข้าร่วมกิจกรรม

“ล่าสุด เราขับรถไปตลาดแถวบ้าน แล้วอยู่ๆ ก็เหวอ จำไม่ได้ว่าบ้านเราอยู่ซอยไหน ขับวนอยู่แบบนั้น ทั้งที่เราอยู่ที่นี่มา 23 ปีแล้ว ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนเราไม่ทันได้ตั้งตัว”

อัจฉราพร เล่าว่า ช่วงแรกเธอคิดว่าตัวเองแค่เป็นคนขี้ลืมตามปกติ แต่เหตุการณ์เหล่านี้กลับเกิดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เฉลี่ย 1-2 ครั้งต่อเดือน จึงเริ่มปรึกษาแพทย์ เมื่อไปตรวจร่างกายและสมอง พบว่าสมองเธอเริ่มเข้าสู่ภาวะเสื่อมถอยแล้ว ซึ่งเร็วกว่าวัยอันควรมาก แม้ตอนนี้ยังไม่ถึงกับต้องใช้ยา แต่ต้องเข้าโปรแกรมการฝึกสมองที่ รพ.จุฬาฯ เป็นประจำ

“หมอให้เราทำแบบทดสอบสมอง ปรากฏว่าสอบตกหมด ไม่ผ่านเกณฑ์ของสมองในคนวัย 50+ เลย จึงเริ่มรักษาจริงจัง มีการนัดหมายมาฝึกสมองทุกเดือน

“โปรแกรมการฝึกสมองช่วยเราได้มาก แต่เราอยากลองหาทางเลือกอื่น ๆ ด้วย พอมาเจอศาสตร์เรื่องการเล่นละคร เลยลองดู เราพบว่ามันฝึกสมอง ได้เจอเพื่อนใหม่หลายวัย แล้วยังสนุกด้วย” อัจฉราพร เล่า

หากถามถึง ข้อจำกัดของการเล่นละครในผู้สูงอายุ ศรชัย อธิบายว่า การเล่นละครสามารถทำได้ทุกวัย ทุกคน ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร แต่อาจมีข้อจำกัดทางวัฒนธรรมบ้างในบางกลุ่ม หากเป็นผู้สูงอายุจะมีข้อจำกัดทางร่างกายและจิตใจบ้าง ต่างจากเด็กที่จะโดดเด่นเรื่องการใช้ร่างกาย

“เด็กจะถนัดการใช้ร่างกายมากกว่า ต่างจากผู้สูงอายุที่มีข้อจำกัดเรื่องการเคลื่อนไหวร่างกาย แต่จุดเด่นคือ ผู้สูงอายุจะมีเรื่องราวมากมาย ซึ่งเป็นต้นทุนที่ดีในการเล่นละคร”

“อีกข้อจำกัดหนึ่งของผู้สูงอายุ คือ การไม่คุ้นชินกับการสวมบทบาท หรือรู้สึกไม่สบายใจกับการต้องเปลี่ยนแปลง แต่การเล่นละครจะทำให้เขาได้ challenge ตัวเอง เพื่อให้ก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเองไปทีละนิด สิ่งนี้เองจะทำให้เกิดความสนุกและพัฒนาการด้วย” ศรชัยทิ้งท้าย

สำหรับคณะละคร มาร็องดู เป็นคณะละครเพื่อการขับเคลื่อนสังคม ที่ใช้ศิลปะการละครเพื่อการส่งเสียงแทนผู้ที่ไร้เสียงที่ไม่เคยมีพื้นที่ได้เล่าเรื่องราวของตนเอง ที่ผ่านมา คณะละคร มาร็องดู ทำงานร่วมกับกลุ่มคนเปราะบางหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการ คนไร้บ้าน หรือแรงงานต่างด้าว เพื่อสะท้อนปัญหาในสังคม

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active