“เอิ้นขวัญ ปันน้ำใจ ” พลังชาติพันธุ์ส่วนร่วมฝ่าวิกฤต

เครือข่ายชาติพันธุ์ชนเผ่าพื้นเมือง ร่วมส่งกำลังใจ ต่อยอดศักยภาพทุนวัฒนธรรมชาติพันธุ์กว่า 40 กลุ่ม ระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และวิกฤตน้ำท่วมภาคเหนือผ่านกิจกรรม“ เอิ้นขวัญ ปันน้ำใจ “เนื่องในวันชนเผ่าพื้นเมืองสากล 

เมื่อวันที่ 9 ส.ค.68 ซึ่งตรงกับวันชนเผ่าพื้นเมืองสากล วันชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ทางเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) ได้จัดกิจกรรม “เอิ้นขวัญ ปันน้ำใจ : รวมพลังชนเผ่าพื้นเมืองทุกกลุ่มชาติพันธุ์ สานสัมพันธ์และความห่วงใยให้ผู้ประสบภัย

นิตยา  เอียรการนา  ผู้อำนวยการ สมาคม IMPECT กล่าวว่าจากสถานการณ์และปัญหาที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งพบว่ามีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากมาย โดยเฉพาะความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งที่เกิดขึ้นจากการยิงอาวุธโรงพยาบาล ร้านค้า และอาคารบ้านเรือน ซึ่งมีพี่น้องชนเผ่าพื้นเมืองหลายกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก จำเป็นต้องอพยพโยกย้ายไปอยู่สถานพักพิงชั่วคราวที่ทางองค์กรและหน่วยงานต่างๆ จัดให้ และบางส่วนได้ไปอาศัยอยู่กับบ้านญาติด้วย ซึ่งสถานการณ์ในการปะทะที่ผ่านมา ทำให้ร้านอาหารในอําเภอที่อยู่ตามแนวชายแดนต้องปิด ประชาชนไม่สามารถหาร้านอาหารเพื่อรับประทานได้ แม้แต่ร้านฟาสต์ฟู้ดบางร้านก็ให้พนักงานหยุด เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกในอนาคตที่ไม่แน่นอน ฉะนั้นระบบเศรษฐกิจ ความมั่นคงในชีวิต ความมั่นคงทางอาหารที่ได้รับผลกระทบนานวันเข้าจะเสียหายมากขึ้น

นอกจากนี้ทางภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะที่จังหวัดน่าน พะเยา และเชียงราย ประชาชนยังต้องประสบภัยจากน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วม ซึ่งมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งที่อยู่ในชุมชนบนพื้นที่สูงและในเขตเมืองในจังหวัดดังกล่าวด้วย

ด้วยสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น สร้างความยากลำบากเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ทาง คชท.และภาคีองค์กรและเครือข่ายเห็นถึงความทุกข์ยากและความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องจัดกิจกรรมรณรงค์สร้างความตระหนักถึงการช่วยเหลือแบ่งปันและสร้างสันติภาพร่วมกัน และระดมทุนเพื่อช่วยเหล่อผู้ประสบภัย ทั้งกรณีที่เกิดขึ้นจากน้ำท่วมและสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 

“ เราอาจจะไม่ได้ช่วยเหลือได้ทั้งหมด แต่เราขอเป็นส่วนร่วมส่วนหนึ่งที่จะไปช่วยเติมเต็มในสิ่งที่พี่น้องขาดหายจากความช่วยเหลือ หรือบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้อง ณ เวลานี้  โดยเน้นรูปแบบการระดมเงินทุนจากเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองทุกภูมิภาค รวมทั้งสิ่งของ หรือพืชผลต่างๆ ไปยังกลไกเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองในระดับพื้นที่ เป็นหน่วยในการเข้าไปสนับสนุน  ซึ่งในส่วนของพี่น้องที่อยู่ทางอีสาน โดยเฉพาะพี่น้องชาติพันธุ์กูยที่ได้รับผลกระทบ ก็จะผ่านกลไกของสภาชนเผ่าพื้นเมืองภาคอีสาน แล้วก็ส่งน้ำใจไปยังพี่น้องที่ได้รับผลกระทบ ” นิตยา กล่าว 

ศุรวิษฐ์  ศิริพาณิชย์ศกุนต์  ผู้แทนสภาชนเผ่าพื้นเมืองจากภาคอีสาน ย้ำว่า สถานการณ์ปัญหาชายแดนอีสานใต้เวลานี้ยังหนัก เพราะเป็นสถานการณ์เร่งด่วน ที่ไม่มีใครตั้งตัวได้ทัน กระทบวิถีชีวิตวัฒนธรรมของผู้คนสองฝั่งที่เป็นพี่น้องไปมาหาสู่กัน ทั้ง ชาติพันธุ์กูย ลาว และเขมร  รวมทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจ การค้าชายแดน ไปจนถึงการทำเกษตร สูญเสียรายได้ กระทบความมั่นคงในชีวิต ไปจนถึงความมั่นคงทางอาหาร 

ที่ผ่านมาสมาคมชาติพันธ์กูย เป็นศูนย์หลักในการเปิดศูนย์พักพิง โดยสมาคมเร่งในการเข้าไปช่วยเหลือสอบถามความต้องการต่างๆ  จึงขอขอบคุณทางสมาคม IMPECT ที่ได้มองเห็นปัญหาแล้วระดมส่งไปช่วยเหลือพี่น้อง ช่วยกันเล็กๆน้อยๆคนละไม้คนละมือในการซื้อน้ำดื่ม ของจำเป็นต่างๆไปทุกศูนย์ ทั้งจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้บรรเทาลง เพราะแม้ตอนนี้ทางรัฐบาลจะอนุมัติวงเงินช่วยเหลือจังหวัดละ100 ล้านบาท แต่ต้องยอมรับการเบิกจ่ายยังต้องใช้เวลา

“ มองว่าศักยภาพของพี่น้องชนเผ่าพื้นเมืองเอง ที่ได้รวบรวมกันส่งแรงใจไปให้การช่วยเหลือครั้งนี้ ทำให้พี่น้องอีสานใต้รู้สึกไม่โดดเดี่ยว และไม่ได้ถูกทอดทิ้ง เป็นสิ่งที่ทำให้พี่น้องในพื้นที่มีแรงใจ ทำให้มีกำลังใจในการสู้ต่อกับปัญหาที่เผชิญ “ ศุรวิษฐ์  

ต่อยอดต้นทุนศักยภาพวิถีวัฒนธรรม ด้วยผลิตภัณฑ์ชุมชนหายาก  จากกลุ่มชนเผ่าพื้นเมือง ระดมทุนหนุนเสริมการช่วยเหลือ 

ในงานมี กิจกรรม Healdicraft: Indigenous Hands, Heal Hearts
กิจกรรมประมูลผลิตภัณฑ์ชุมชนหายาก จากกลุ่มชนเผ่าพื้นเมือง  เพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุสู้รบและอุทกภัย ในจังหวัดภาคเหนือของไทย  

โดยมีสิ่งของบนศักยภาพวิถีภูมิปัญญาวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์หลายพื้นที่หลายภูมิภาค รวมถึงชาติพันธุ์ภาคอีสานอย่างชาติพันธุ์กูย ที่ประสบปัญหาในเวลานี้ อย่าง เสื้อชาติพันธุ์กูย ที่นำมาประมูล  จากบ้านละเอาะ ตำบลละเอาะ อำเภอน้ำเกลี้ยง จังหวัดศรีสะเกษ ผ้าไหม ลายลูกแก้ว ย้อมมะเกลือถึง 21 แดด แซวด้วยมือแฮนด์เมด หรือ ปักผ้าด้วยมือ  

และ ตะขออาเจียง (ตะขอช้าง)เครื่องราง พกติดกระเป๋าไว้เพื่อป้องกันไสยเวทย์ พร้อมกับเสริมพลังให้กับผู้ครอบครองเหมาะสำหรับเจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการ เจ้าของกิจการที่จำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานจากคนอื่นในการทำงาน  

โดยผลิตภัณฑ์ชุมชนที่นำมาประมูลทั้ง 24 ชิ้น สามารถระดมทุนได้ 36,000 บาท ทั้งนี้เมื่อรวมกับยอดเงินที่กลุ่มชาติพันธุ์ระดมทุนจากพื้นที่ต่างๆ รวมเกือบ  200,000 บาท 

สำหรับผู้สนใจอยากร่วมสมทบทุน เพื่อมอบความช่วยเหลือต่อผู้ประสบภัย ยังสามารถเป็นส่วนหนึ่งได้โดยการบริจาคผ่านบัญชีเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.) ธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี 406-2-34622-7 ไปจนถึงวันที่ 15 กันยายน 2568 

 “เอิ้นขวัญ”  ส่งพลังใจผ่านแสงเทียนและเสียงเพลง แด่ครอบครัวผู้สูญเสีย จากสถานการณ์ชายแดน ไทย -กัมพูชา

ในงานยังมีพิธี “เอิ้นขวัญ”  ส่งพลังใจผ่านแสงเทียนและเสียงเพลง ให้แก่ครอบครัวผู้สูญเสีย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยตัวแทนชนเผ่าพื้นเมืองในไทยมากกว่า 40 กลุ่มชาติพันธุ์  ซึ่งการเอิ้นขวัญในครั้งนี้ เป็นความตั้งใจของตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์จากทั่วทุกภาคของประเทศ ส่งกำลังใจให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความยากลำบาก ทั้งผู้ประสบภัยน้ำท่วม และผู้ที่สูญเสียจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา 

ซึ่งในพิธีมีการร่วมกันจุดเทียนส่งกำลังใจ และวางดอกไม้แดงแสดงความอาลัยให้แก่ผู้สูญเสียชีวิต ทั้งทหารและประชาชน โดยเลือกใช้เทียน และดอกไม้สีขาวเพื่อสื่อถึงสันติภาพ

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active