เส้นชัย ‘วิ่งเพื่อเสรีภาพ’ ในวันที่ ‘นิรโทษกรรมประชาชน’ ยังต้องไปต่อ

ย้ำหลักการคืนความเป็นธรรม ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับประชาชน ซึ่งใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก พร้อมแสดงจุดยืน ‘นิรโทษกรรม’ ต้องครอบคลุมทุกคดีทางการเมือง คดี ม.110 และ 112 “ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

วันนี้ (23 ต.ค. 68) เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน จัดงาน “วิ่งเพื่อเสรีภาพ” #Run2Free ครั้งที่ 2 ขึ้น โดยมีจุดเริ่มต้นที่ลานยืดเหยียด สวนจตุจักร มุ่งหน้าตามเส้นทาง ถ.กำแพงเพชร, ถ.ประดิพัทธิ์, ถ.ทหาร ก่อนเข้าเส้นชัยที่ รัฐสภา 

กิจกรรมวิ่งเพื่อเสรีภาพครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังสภาฯ ลงมติ ร่าง พ.ร.บ. เสริมสร้างสังคมสันติสุข พ.ศ…. ไปเมื่อวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยได้มีมติผ่านร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ด้วยเสียงเห็นชอบ 280 เสียง ไม่เห็นชอบ 0 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 2 เสียง และได้ปิดประตูนิรโทษกรรมผู้ต้องขังคดี ม.110 และ ม.112 รวมถึงนิรโทษกรรมเยาวชนในคดีดังกล่าวทันที

ทั้งนี้ร่างกฎหมายจะถูกส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา 3 วาระเช่นเดียวกัน โดยจะต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 60 วัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 136 หากไม่เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด จะถือว่าวุฒิสภาได้เห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าว

Freedom Bridge หนึ่งในเครือข่ายร่วมจัดงาน ยืนยันเป้าประสงค์ของการออกวิ่งร่วมกันในวันนี้ ยังคงเป็นการส่งเสียงฝีเท้า เรียกร้องให้คืนอิสรภาพให้แก่นักโทษและผู้ต้องหาคดีการเมืองทุกคน เพื่อให้เห็นว่าการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นสิทธิเป็นหน้าที่ของประชาชน และไม่ควรมีใครต้องถูกจองจำทางความคิด 

กิจกรรมวิ่งนี้ ยังยืนยันหลักการที่ต้องคืนความเป็นธรรม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้กับผู้ที่ใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก พร้อมย้ำจุดยืน การนิรโทษกรรมต้องครอบคลุมทุกคดีทางการเมือง รวมถึงคดี ม.110 และ 112 โดย “ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

ขณะที่ พูนสุข พูนสุขเจริญ ผู้จัดงาน ระบุว่า ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ในปัจจุบัน ไม่ครอบคลุมทุกคดีทางการเมือง โดยเฉพาะคดี ม.110 และ ม.112 เป็นการนิรโทษกรรมแบบเลือกปฏิบัติ ซึ่งไม่สามารถสร้างสังคมสันติสุขได้จริง จึงจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมา เพื่อให้คนที่อยู่ในเรือนจำไม่ถูกลืม

เช่นเดียวกับ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมบางส่วน ยอมรับว่า เป็นกิจกรรมที่ดี เพราะอยากแสดงออกทางการเมือง ซึ่งเป็นสิทธิและเสรีภาพอย่างหนึ่ง โดยมองว่ากิจกรรมทางการเมืองได้ห่างหายไปนาน และการจัดกิจกรรมในรูปแบบการวิ่งนี้ ได้ขยับ ได้วิ่ง ช่วยให้สดชื่นและดีต่อสุขภาพ รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมนี้เป็นการส่งกำลังใจให้เพื่อนที่อยู่ในเรือนจำอีกด้วย

กิจกรรมวันนี้มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก รวมถึงคนดังในแวดวงการเมือง นักวิชาการ และนักเคลื่อนไหวประเด็นทางสังคม เช่น เทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) นักวิชาการ อย่าง ศ.กิตติคุณ ธงชัย วินิจจะกูล, ไทเรล ฮาเบอร์คอร์น สส.พรรคประชาชน อย่าง ชลธิชา แจ้งเร็ว, ธิษะณา ชุณหะวัณ, ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์, เซีย จำปาทอง พร้อมด้วยอดีต สส.พรรคก้าวไกล อย่าง ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์, อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล พร้อมด้วย ขนุน – สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ ผู้ถูกดำเนินคดีการเมือง รวมถึง บารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน

นอกจากกิจกรรมวิ่งแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของนักโทษคดีการเมือง เช่น

  • การเปิดระดมทุนเพื่อสนับสนุนคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังทางการเมืองและครอบครัว ผ่านการสนับสนุนเสื้อ #Run2Free 

  • Live ‘เสียงของอิสรภาพ…ยังไม่เคยเงียบ’ บอกเล่าเรื่องราวของ ตัน – สุรนาถ แป้นประเสริฐ ผู้ต้องหาคดีการเมือง

  • กิจกรรมเสวนาจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรม เช่น เครือข่ายฯ ผู้ถูกดำเนินคดี รวมถึงครอบครัวของผู้ต้องขังทางการเมือง

  • ดนตรีสดจาก Rainy Syrup

ข้อความจาก Freedom Bridge ยังปิดท้ายว่า “การต่อสู้นี้ยังไม่สิ้นสุด เราจะยังไม่หยุด และจะวิ่งให้ไกลกว่าเดิม”

ทั้งนี้ข้อมูลจาก ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR) ระบุว่า ปัจจุบันยังมีผู้ถูกคุมขังในคดีที่มีมูลเหตุจากการแสดงออกทางการเมืองอย่างน้อย 57 คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ต้องขังที่ไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างต่อสู้คดีอย่างน้อย 33 คน (คดีมาตรา 112 จำนวน 17 คน และคดีมาตรา 110 จำนวน 5 คน) ผู้ต้องขังที่คดีถึงที่สุดแล้วอย่างน้อย 23 คน (คดีมาตรา 112 จำนวน 13 คน) และเยาวชน 1 คนที่ถูกคุมขังในสถานพินิจฯ ตามคำพิพากษาของศาลเยาวชน

ขณะเดียวกัน ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา มีประชาชนถูกดำเนินคดีทางการเมืองแล้วไม่น้อยกว่า 1,977 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการใช้กฎหมายจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกิจกรรม Run2Free | วิ่งเพื่อเสรีภาพ ในครั้งนี้จัดโดยความร่วมมือของภาคประชาสังคมภายใต้ เครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน ได้แก่ iLaw, FreeArts, Amnesty International Thailand, ThumbRights, ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR), Secure Ranger, Human Rights Lawyers Association, แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, DRG, CrCF, คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.), มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (มอส.), Tune & Co., สหภาพคนทำงาน และโมกหลวงริมน้ำ ซึ่งร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อยืนยันว่าการเรียกร้องเสรีภาพสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในสังคมและในสนามวิ่ง เพื่อบอกให้สังคมไทยได้ยินว่า “เสรีภาพของเพื่อนเราสำคัญพอที่เราจะยอมเสียเหงื่อให้”

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active