เตรียมนัดประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้อง หาข้อสรุปแก้ปัญหาพิพาทที่ดิน ภายใน 30 วัน ด้าน ชาวบ้าน ขอกลับไปตั้งหลัก พร้อมกลับมาอีกครั้งประชุมรอบหน้า วัดใจกล้าเพิกถอน น.ส.ล.หรือไม่
วันนี้ (23 เม.ย. 68) หลังการประชุมอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณะประโยชน์ ที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้าง และปัญหาที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมี ทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย เป็นประธาน ใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง ที่ประชุมจึงมีมติสำคัญ 2 เรื่องคือ
- ทำหนังสือสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ที่ดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการคุกคาม หรือส่งผลกระทบกับชาวบ้านในพื้นที่ ในระหว่างที่มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ดิน น.ส.ล.ทับชุมชนทับชัน หมู่ 1 และหมู่ 4 ต.ทรัพย์ทวี อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี
- แม้ที่ประชุมจะเห็นตรงกันยอมรับในผลการตรวจสอบตามกระบวนการกลไกกฎหมายที่ถูกต้อง จนมีมติว่าการออกที่ น.ส.ล.ทับชุมชนไทดำ และ ออกผิดตำแหน่ง ไม่ตรงกับที่ขึ้นทะเบียนในปี 2475 แต่เนื่องจากผู้ว่าฯ นายอำเภอ ที่ดินจังหวัด ไม่ยอมรับ จึงมีการกำหนดประชุมคณะอนุกรรมการฯ อีกครั้ง ภายใน 30 วัน โดยจะเชิญหน่วยงานในพื้นที่ ร่วมประชุมอีกครั้ง เพื่อหาข้อสรุปและเดินหน้าสู่การแก้ปัญหาข้อพิพาทที่ดิน
ชาวบ้านผิดหวัง วัดใจ ‘อนุทิน’ เพิกถอน น.ส.ล.
ขณะที่ อำนาจ แค้นคุ้ม ตัวแทนชาวไทดำ หมู่ 1 และหมู่ 4 บ้านทับชัน ต.ทรัพย์ทวี อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ในฐานะอนุกรรมการฯ ภาคประชาชนที่เข้าประชุมวันนี้ ยอมรับว่า ผิดหวังกับมติที่ออกมา เพราะแม้จะมีหนังสือคำสั่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ แต่แทบจะไม่ต่างจากครั้งที่ผ่านมา ที่มีข้อสรุปว่าต้องไม่ดำเนินการใด ๆ จนกว่าการแก้ปัญหาอนุกรรมการฯ จะมีข้อสรุป แต่ก็พบการคุกคาม ปักป้ายขับไล่ชาวบ้าน จึงไม่สามารถวางใจอะไรได้เลย
และที่ผิดหวังอีกเรื่อง คือ ทั้ง ๆ ที่มีข้อสรุปชัดในการตรวจสอบครั้งก่อนแล้วว่า น.ส.ล.ออกผิดที่ทับชุมชน ซึ่งจริง ๆ วันนี้ต้องมีมติเดินหน้าสู่การเพิกถอน น.ส.ล.ได้แล้ว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น
“หลังจากนี้คงต้องจับตาน้ำยาของ รัฐบาล โดยเฉพาะ อนุทิน ชาญวีระกูล รมว.มหาดไทย ที่มีอำนาจตรงเรื่องนี้ จะจริงใจแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนประชาชนอย่างที่ว่าจริงหรือไม่ ซึ่งการประชุมครั้งหน้ามติที่ประชุมจะต้องเดินหน้าสู่การถอน น.ส.ล.เท่านั้น”
อำนาจ แค้นคุ้ม
ทั้งนี้แม้ผลประชุมจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ตามที่ชาวบ้านไทดำ สะท้อนตรงกัน แต่อย่างน้อยการได้ออกมาต่อสู้ ออกมาสื่อสารปัญหาต่อสังคม ว่าพวกเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นผู้บุกเบิกไม่ใช่บุกรุก และทำให้รัฐบาลได้เห็นว่า ชาวบ้านเดือดร้อนจริง ๆ จากนี้โดยจะขอกลับไปตั้งหลัก เพราะรอบนี้มีทั้งเด็ก และผู้สูงอายุอากาศร้อนหนัก กังวลผลกระทบสุขภาพ โดยพร้อมจะกลับอีกครั้งในการประชุมรอบหน้า
