‘วาฬบรูด้า – พะยูน’ เกยตื้น! สัญญาณเสี่ยง ภัยคุกคามทะเลไทย

เผยผลชันสูตรซากวาฬบรูด้า เกยตื้นชายฝั่งบางปู ระบุ โดนใบฟัดเรือฟันจนตาย นักวิชาการทางทะเล ย้ำ ธรรมชาติเจ็บปวด มนุษย์รุกล้ำบ้านของวาฬ ขณะที่ สถานการณ์พะยูน ก็ยังเข้าขั้นวิกฤต เสี่ยงสูญพันธุ์

จากกรณี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้รับแจ้งเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 68 ว่า พบซากวาฬบรูด้าเกยตื้นบริเวณชายฝั่งทะเลบางปู จากการชันสูตร สัตวแพทย์พบว่า เป็นวาฬบรูด้า (Bryde’s whale: Balaenoptera edeni) เพศเมีย อายุไม่เกิน 3 ปี เสียชีวิตมาประมาณ 3 วัน

ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยผลการชันสูตรว่า วาฬมีความสมบูรณ์ของร่างกายดี แต่พบบาดแผลรอยตัดลึกบริเวณกรามบน กรามล่าง ท้ายทอย และคางด้านขวา ส่งผลให้กระดูกบริเวณปลายกรามบน และกรามล่างทั้ง 2 ข้างหัก กะโหลกด้านซ้ายแตก และส่วนปลายของสะบักซ้ายมีรอยตัดจากของมีคม บ่งชี้ว่าเป็นรอยตัดจากการถูกของแข็งที่มีแรงเหวี่ยงสูง 

ภาพ : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

โดยสรุปแล้ว สาเหตุการตายเกิดจากการกระแทกโดยตรง เสียเลือดปริมาณมากอย่างรวดเร็ว และเกิดภาวะช็อกจากการสูญเสียเลือด รอยแผลทั้งหมดชี้ไปที่สาเหตุคือการถูกใบพัดเรือฟัน

“วาฬบรูด้าที่บางปู โดนใบพัดเรือฟันจนตาย เธอเป็นวาฬสาว อายุแค่ 3 ปี ยังไม่มีแม้โอกาสเป็นคุณแม่… หมดโอกาสเป็นยาย คอยดูแลหลานวาฬตัวจ้อยหัดพุ่งขึ้นเหนือน้ำอ้าปากกินปลา”

ผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ 

เรียกร้องหามาตรการป้องกันเรือชนวาฬ

การจากไปของวาฬบรูด้าสาวตัวนี้ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่งโดย ผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์แสดงความเสียใจ และให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยอธิบายภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุเรือชนวาฬ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น แม้จะมีนวัตกรรมมาแก้ปัญหาเรือชนวาฬ อย่างอุปกรณ์ตรวจจับวาฬหน้าเรือ ทุ่นรับฟังเสียงวาฬ แต่ความยากคือการใช้งบประมาณจำนวนมาก และการที่เรือส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ของประเทศไทย 

ภาพ : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

“นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลพยายามหาทางออก เช่น ลดความเร็วในเขตที่มีวาฬ แต่ในอ่าวไทยตอนใน มีวาฬอยู่กระจายทั่วไป อีกทั้งเป็นเขตที่เรือใหญ่วิ่งไปมาจำนวนมาก จึงเป็นเรื่องไม่ง่ายเลย”

“อ่าวไทยเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญและมีวาฬอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก… ปัญหานี้คงไม่ได้รับการแก้ไขโดยง่าย เพราะเมื่อมนุษย์เข้ามาใช้บ้านของวาฬเป็นเส้นทางโลจิสติกส์ขนส่งสัญจร ธรรมชาติย่อมเจ็บปวด”

ผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ 

ผศ.ธรณ์ ยังยอมรับด้วยว่า ความพยายามในอดีตที่จะผลักดันให้อ่าวไทยตอนในเป็นเขตคุ้มครองวาฬและโลมา แต่ไม่สำเร็จ 

พะยูนไทย นับถอยหลังสู่การสูญพันธุ์ ?

ไม่ต่างจากความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับ พะยูน เพราะเมื่อเข้าสู่ ปี 2568 เพียง 3 เดือน พบการตายของพะยูนถึง 7 ตัว ในลำดับเวลาไล่เลี่ยกัน

ก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิจัยทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา มีพะยูนตายมากกว่า 608 ตัวทั่วประเทศไทย และหากไม่มีการดำเนินการอย่างจริงจัง ก็อาจนับถอยหลังสู่การสูญพันธุ์ของพะยูนได้

ภาพ : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

จากการสำรวจโดย WWF ประเทศไทย และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่า พื้นที่ทุ่งหญ้าทะเลหลายแห่งใน จ.ตรัง, กระบี่ และภูเก็ต กำลังเสื่อมโทรมลงอย่างหนัก ส่งผลให้พะยูนจำนวนมากต้องอพยพออกจากพื้นที่หากินดั้งเดิม และพบการเกยตื้นของพะยูนเพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง

การสำรวจในเดือนมกราคม 2568 โดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลกจากออสเตรเลีย ระบุว่า สาเหตุของการเสื่อมโทรมของหญ้าทะเลยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่อาจเป็นสาเหตุ เช่น การสะสมของตะกอนในน้ำ การรุกล้ำของพื้นที่ชายฝั่ง การเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้ำทะเล และผลกระทบจากสัตว์กินหญ้าทะเล

ข้อมูลล่าสุด พบว่า จำนวนการเกยตื้นของพะยูนในปี 2566 – 2567 เฉลี่ยสูงถึง 42 ตัวต่อปี เทียบกับค่าเฉลี่ย 20 ตัวต่อปีในช่วงปี 2562 – 2565 และ 40% ของพะยูนที่พบอยู่ในสภาพผอมโซ หรือขาดสารอาหาร นอกจากนี้การสำรวจทางอากาศ พบว่า อัตราการเกิดของลูกพะยูนลดลงจาก 9% ในปี 2563 – 2566 เหลือเพียง 3% ในปี 2567 ปัจจุบันประเทศไทยคาดการณ์ว่ามีพะยูนเหลือประมาณ 100 ตัว หรือน้อยกว่านั้น

ภาพ : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

เต่าทะเลมาวางไข่ในรอบ 10 ปี

แม้มีสถานการณ์ความสูญเสียทั้งจากพะยูน และวาฬบรูด้า แต่ก็มีข่าวดีเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2568 เมื่อ เต่ากระ ขึ้นมาวางไข่บริเวณชายหาดเทียน เกาะล้าน จ.ชลบุรี เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี จำนวน 1 รัง มีไข่ทั้งสิ้น 153 ฟอง แตกเสียหายเพียง 4 ฟอง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายไข่ไปยังศูนย์เพาะพันธุ์เต่าทะเล จังหวัดระยอง เพื่ออนุบาลและเพาะพันธุ์ต่อไป

วุฒิพงษ์ วงศ์อินทร์ ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้ยืนยันได้ว่าระบบนิเวศทางทะเลบนเกาะล้านค่อนข้างสมบูรณ์ โดยคาดว่าแม่เต่ากระที่ขึ้นมาวางไข่มีอายุประมาณ 10 ปี และน่าจะกลับมาวางไข่อีกภายใน 10 วัน

ภาพ : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

นอกจากนี้ ในเดือนมกราคม 2568 ยังพบร่องรอย เต่ามะเฟือง ขึ้นวางไข่รังที่ 2 จำนวน 124 ฟอง บริเวณชายหาดทุ่งดาบ จ.พังงา ตรงกับข้อมูลการติดตามของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2561 – 2566 ที่พบการวางไข่ของเต่าตนุ เต่ากระ และเต่ามะเฟืองที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่วนเต่าหญ้ามีแนวโน้มลดลง

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active