ตรวจสอบพบหลายประเด็นน่ากังวล ชี้ เวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนประกอบรายงาน EIA มีการกระทำ หรือละเลยการกระทำ อันละเมิดสิทธิมนุษยชน ห่วงกระทบพื้นที่ วิถีชีวิต เสนอ เดินหน้าประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ก่อน พร้อมดึงประชาชนมีส่วนร่วม
ศิริลดา ผิวหอม หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 1 สำนักคุ้มครองสิทธิมนุษยชน 1 เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อเดือนเมษายน 2566 ระบุว่า กรมชลประทาน (ผู้ถูกร้อง) จะดำเนินโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองมะเดื่อ ในพื้นที่หมู่ที่ 1 ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำนครนายก
โดยผู้ร้องเห็นว่าประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการรับฟังความคิดเห็นเพื่อประกอบการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment: EIA) และประชาชนในพื้นที่ตำบลสาริกา ไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว นอกจากนี้โครงการยังจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต พื้นที่ทำกิน ที่อยู่อาศัยของประชาชนจำนวนมาก รวมทั้งกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และช้างป่าที่จะเข้าไปหาอาหารในพื้นที่การเกษตร จึงขอให้ตรวจสอบ

กสม. ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนแล้วปรากฏข้อเท็จจริงว่า โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองมะเดื่อ เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อจัดหาแหล่งน้ำให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง และน้ำป่าไหลหลากในฤดูฝน เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ตั้งอยู่ในลุ่มน้ำบางปะกง มีความจุที่ระดับกักเก็บปกติ 85.17 ล้าน ลบ.ม. โครงการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อที่ดินของประชาชนในพื้นที่กว่า 1,100 ไร่ พื้นที่การเกษตรกว่า 540 ไร่ ที่อยู่อาศัย 49 ครัวเรือน และสิ่งปลูกสร้างกว่า 340 รายการ พื้นที่หัวงานของโครงการและอ่างเก็บน้ำมีเนื้อที่ประมาณ 1,850 ไร่ อยู่ในเขตป่าคุ้มครองน้ำตกสาริกาประมาณ 500 ไร่ และอยู่ในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ ภายใต้ชื่อกลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ ประมาณ 1,116 ไร่ พื้นที่บางส่วนอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1A ที่มีระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งมีช้างป่าหลายโขลงที่วนเวียนหากินอยู่ในพื้นที่
กสม. เห็นว่า แม้โครงการอ่างเก็บน้ำคลองมะเดื่อ จะมีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดนครนายก แก้ไขปัญหาดินเปรี้ยว และผลักดันน้ำเค็ม แต่ผู้ร้องและประชาชนตำบลสาริกาไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำเนื่องจากประกอบอาชีพทำสวน ซึ่งใช้น้ำน้อยกว่าการทำนาและไม่พบปัญหาดินเปรี้ยว สำหรับปัญหาอุทกภัยบริเวณพื้นที่คลองมะเดื่อเมื่อมีฝนตกหนักจะเกิดน้ำหลากในพื้นที่ ใช้เวลาไม่นานระดับน้ำจะลดลงสู่ภาวะปกติ และมีพื้นที่นอกเขตชลประทานที่ประสบปัญหาภัยแล้งน้อย นอกจากนี้ จังหวัดนครนายกมีเขื่อนขนาดใหญ่ คือ เขื่อนขุนด่านปราการชล อยู่ห่างจากพื้นที่ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำคลองมะเดื่อประมาณ 1.7 กิโลเมตร หากสร้างอ่างเก็บน้ำคลองมะเดื่อ เขื่อนทั้ง 2 อาจมีพื้นที่ชลประทานทับซ้อนกัน และหากดำเนินโครงการในพื้นที่บริเวณหมู่ที่ 1 ตำบลสาริกา จะต้องโยกย้ายประชาชน 49 ครัวเรือนออกจากพื้นที่

โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำยังมีพื้นที่บางส่วนอยู่ในลุ่มน้ำชั้นที่ 1A และในเขตป่าอนุรักษ์ที่เป็นแหล่งมรดกโลกกลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์และพันธุ์พืชที่หายากหรือที่ตกอยู่ในสภาวะอันตราย หากมีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงมากกว่าบริเวณอื่น รวมทั้งอาจทำให้ปัญหาช้างป่ารุกพื้นที่ชุมชนรุนแรงยิ่งขึ้น จากการมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่ทำให้ช้างป่าอยู่อาศัยในพื้นที่ได้อย่างยาวนาน และการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำก็เป็นการลดขนาดของถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของช้างป่า ที่อาจทำให้ช้างป่าออกมานอกพื้นที่อนุรักษ์ ทำลายทรัพย์สิน พืชผลทางการเกษตรและเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิตของประชาชน ในชั้นนี้ จึงรับฟังได้ว่า การเลือกพื้นที่เพื่อดำเนินโครงการอ่างเก็บน้ำคลองมะเดื่อของกรมชลประทานไม่มีความเหมาะสมและสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ส่วนประเด็นการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อประกอบการจัดทำรายงาน EIA ของกรมชลประทาน เห็นว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่มีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย และวิถีชีวิตของประชาชนหรือชุมชนในพื้นที่ เข้าข่ายต้องจัดทำรายงาน EIA ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 โดยผู้ถูกร้องได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาจัดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อประกอบรายงาน EIA และคณะกรรมการชำนาญการพิจารณารายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ (คชก.) เมื่อปี 2564 และ 2565 มีมติให้ปรับปรุงแก้ไขและเพิ่มเติมข้อมูลรายงาน EIA ในประเด็นการอยู่อาศัยของสัตว์ป่า และให้เพิ่มเติมการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ให้ครบถ้วน อย่างไรก็ดีเมื่อข้อเท็จจริงในการประชุมรับฟังความคิดเห็นพบว่ามีประชาชนยกมือคัดค้านจำนวนมาก

แต่ในรายงาน EIA ปรากฏข้อมูลว่าประชาชนเห็นด้วยร้อยละ 70 นอกจากนี้ ข้อมูลสำคัญที่ไม่ได้ปรากฏในรายงาน EIA คือ บริเวณที่จะสร้างอ่างเก็บน้ำมีพันธุ์พืชถึง 208 ชนิด พันธุ์ปลา 23 ชนิด และสัตว์ป่าที่สำคัญและมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ และที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่ไม่ได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการอย่างเพียงพอ ข้อมูลที่ได้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น รายงาน EIA ระบุว่าในพื้นที่หมู่ที่ 1 ปลูกข้าว แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ปลูกข้าวแล้ว และข้อมูลในรายงาน EIA ไม่ละเอียดเพียงพอในแง่ผลกระทบต่อพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของประชาชนในพื้นที่ แนวทางการจ่ายค่าชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ เมื่อผู้ถูกร้องจัดรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมตามความเห็นของ คชก. เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ก็ปรากฏว่าพื้นที่จัดประชุมเป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก สถานที่ไม่เหมาะสม กลุ่มผู้ร้องและประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้ง 49 ครัวเรือน จึงไม่เข้าร่วม จึงรับฟังได้ว่า การจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเพื่อประกอบการจัดทำรายงาน EIA ของผู้ถูกร้อง มีการกระทำหรือละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ด้วยเหตุผลดังกล่าว กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 จึงมีมติเห็นควรให้มีข้อเสนอแนะไปยังกรมชลประทานให้ยกเลิกโครงการอ่างเก็บน้ำคลองมะเดื่อ รวมถึงแผนการก่อสร้างเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำที่จะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน และทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม รวมถึงความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งเป็นคุณค่าโดดเด่นเป็นสากลของพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ กลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ อย่างถาวร


อันจะเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับความเห็นและมติของคณะกรรมการมรดกโลกที่เห็นว่า ไม่ควรสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำภายในขอบเขตแหล่งมรดกโลก และให้ศึกษาทางเลือกอื่นในการบริหารจัดการน้ำที่จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อแหล่งทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญ
นอกจากนี้ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หารือร่วมกับคณะกรรมการมรดกโลก และองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) อย่างใกล้ชิด เพื่อขอรับคำแนะนำในการกำหนดกรอบการศึกษาและขอบเขตของเนื้อหาที่สำคัญสำหรับการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment: SEA) พื้นที่ลุ่มน้ำและแหล่งมรดกโลกกลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ ให้ครอบคลุมคุณค่าโดดเด่นเป็นสากลของแหล่งมรดกโลกกลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และเป็นไปตามมาตรฐานที่คณะกรรมการมรดกโลกยอมรับ
รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ทางเลือกหรือโครงการพัฒนาที่อาจเกิดขึ้นจากผลการประเมินดังกล่าว ให้คำนึงถึงการดำรงไว้ซึ่งคุณค่าของแหล่งมรดกโลกเป็นสำคัญ
