Thailand Web Stat

อีสาน เผชิญภาวะ ”ครอบครัวแหว่งกลาง“ กระทบเด็กเล็ก

ภาคีฯ ท้องถิ่น เอกชน พรรคการเมือง เสนอ ยกระดับคุณภาพชีวิต ด้วยสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า เริ่มที่เงินอุดหนุนฯ 600 บาท ไม่ต้องพิสูจน์ความจน พัฒนาศูนย์เด็กเล็กให้ยืดหยุ่น พ่อแม่ยังทำงานได้

เด็กเล็ก

วันนี้ (25 ก.ย. 2566) คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า 342 องค์กรทั่วประเทศ จัดเวที “สวัสดิการเด็กเล็กถึงเวลาถ้วนหน้า” ภาคอีสาน ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น เพื่อรับฟังความคิดเห็นพร้อมข้อเสนอแนะเชิงนโยบายถึงรัฐบาลใหม่ ให้สวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า 3,000 บาท เกิดขึ้นจริง โดยมี มุกดา พงษ์สมบัติ สส.พรรคเพื่อไทย และ ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.พรรคก้าวไกล รวมถึง อบจ. เทศบาล หอการค้า ประจำจังหวัดขอนแก่น เข้าร่วม

ผศ.สุนี ไชยรส

ผศ.สุนี ไชยรส วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และประธานคณะทำงานเด็กเล็กถ้วนหน้าฯ กล่าวว่า นโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ถือเป็นหนึ่งในโยบายที่หลายพรรคการเมืองใช้หาเสียงในช่วงที่ผ่านมา แต่เมื่อได้รัฐบาลซึ่งเป็นการผสมจากหลายพรรคการเมือง กลับยังไม่เห็นความพยายามในการผลักดันนโยบายเด็กเด็กเล็ก ขณะที่งบประมาณ 990 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอให้พิจารณางบประมาณสำหรับอุดหนุนเด็กแรกเกิด 0-6 ปี เดือนละ 600 บาท เดือน ก.ย. 2566 ตามคำสัมภาษณ์ของ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. นั้น เป็นเพียงการเติมงบฯ ให้กับเด็กที่เข้าเกณฑ์ครอบครัวยากจนที่ตกหล่นเท่านั้น หากเป็นรัฐสวัสดิการรัฐต้องอนุมัติงบฯ ประมาณ 16,000 ล้านบาท เพื่อให้เด็ก 4.3 ล้านคนได้ถ้วนหน้า

“เราเห็นนายกฯ เศรษฐา ไปพูดในเวทีสหประชาชาติ ว่า ไทยจะพัฒนาโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราจึงคาดหวังอย่างยิ่ง ว่าเงินอุดหนุนเด็กเล็กถ้วนหน้าที่เคยเสนอและถูกรัฐบาลตัดออกไปตั้งแต่ปี 65 จะนำกลับมาพิจารณาและอนุมัติทันสำหรับงบฯ ปี 67 เพราะเด็ก ๆ ของเราไม่ได้รับการเหลียวแลจากรัฐบาลมานานเกินไปแล้ว”

ผศ.สุนี ไชยรส

ด้านตัวแทนคณะทำงานเด็กเล็กถ้วนหน้าฯ ภาคอีสาน ได้นำเสนอข้อมูลผลกระทบของครอบครัวที่ตกหล่นจากเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด 600 บาท เช่น พื้นที่ริมรางรถไฟเขตเทศบาลนครขอนแก่น พ่อแม่เด็กจำนวนมากต้องเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ฝากลูกไว้กับผู้สูงอายุในบ้าน เข้าไม่ถึงข้อมูลในการขอรับเงิน 600 บท ส่งผลให้ผู้สูงอายุที่ไม่มีอาชีพ หรือเงินเพียงพอจะซื้อนมให้เด็ก ต้องมาขอการสนับสนุนจากมูลนิธิซึ่งมีงบฯ จำกัด ซึ่งในช่วง 0-6 ปีแรก เป็นช่วงที่เด็กจำเป็นต้องกินนมเยอะมาก แต่ยังมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในบ้าน เงิน 600 บาท จึงถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับคนจน มีตัวอย่างของปู่ที่ไม่มีเงินซื้อนมให้หลานกิน เครียดจนต้องไปผูกคอตาย 

ขณะที่ใน จ.ชัยภูมิ เครือข่ายสนับสนุนการพัฒนาท้องถิ่น (LDP) พบอุปสรรคการขอรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดใน 3 ประเด็น คือ 1.เด็กย้ายมาจากพื้นที่อื่นโดยที่ไม่ย้ายที่อยู่ในทะเบียนบ้านมาด้วย 2.การจัดการเอกสารที่มีความซับซ้อน การเดินทางติดต่อบางครอบครัวไกลจากหน่วยงานท้องถิ่นทำให้ขาดการติดตาม 3.เด็กไม่ได้เกิดในประเทศไทย ซึ่งเครือข่ายในพื้นที่พยายามแก้ปัญหาจนปัจจุบันแทบไม่มีเด็กคนไหนตกหล่น 

อีกประเด็นที่สำคัญ คือ สถานการณ์คุณแม่วัยใสใน อ.เนินสง่า จ.ชัยภูมิ จำนวนกว่า 50 คน ในจำนวนนี้มีถึง 20 % ที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว จึงมีความจำเป็นอย่างมากไม่ว่าจะให้ได้กลับไปเรียนต่อ หรือฝึกอาชีพ โดยมีศูนย์รับเลี้ยงเด็ก หรือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ต่ำกว่า 2 ขวบ ในแบบที่ตอบโจทย์การดำเนินชีวิต ไม่ให้การมีลูกกลายเป็นปัญหา

เมธาวี นินนานนท์

“ถ้าในชุมชนมีเนิร์สเซอรี ที่มีความยืดหยุ่นในการเปิดปิดเพื่อให้พ่อแม่ยังสามารถทำงานได้เต็มที่และไว้ใจได้ การสนับสนุนจากภาครัฐ อาจเป็นรูปแบบการสมทบรายจ่าย วันละ 10-20 บาท คิดว่าผู้ปกครองของเด็ก ๆ ส่วนใหญ่พร้อมที่จะจ่าย ที่สำคัญเมื่อเด็กผู้หญิงได้กลับไปเรียน มีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น มีเงินอุดหนุนเข้ามาเติมไม่ให้การเลี้ยงเด็กคนนึงลำบากเกินไป การลงทุนกับเด็กก็เหมือนกับการแก้ปัญหาสังคมหลายด้านไปพร้อมกัน”

เมธาวี นินนานนท์
ปรียานุช ป้องภัย

ปรียานุช ป้องภัย ประธานสภาผู้ชมและผู้ฟังรายการไทยพีบีเอส ภาคอีสาน กล่าวว่า สถานการณ์ครอบครัวในภาคอีสาน จากข้อมูลพบว่า เด็กอีสานทุก ๆ 1 ใน 3 ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ มีลักษณะเป็นครอบครัวข้ามรุ่น หรือครอบครัวแหว่งกลาง มีข้อมูลว่า เด็ก ป.1 มี IQ 94.79 ต่ำกว่าค่ากลางมาตรฐานสากล และ IQ เฉลี่ยของทั้งประเทศ

ขณะที่เงินอุดหนุนเด็กเล็กคนละ 600 ร้อยบาท ตามเส้นเกณฑ์ความยากจนที่ระบุรายได้ครอบครัวปีละไม่เกิน 1 แสนบาท ก็ยังทำให้หลายคนตกหล่นจากการสำรวจ หรือ คนที่อยู่ในระบบอื่น ๆ ไม่มีรายได้เพียงพอสำหรับเลี้ยงดูเด็ก 1 คน ในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ทางคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้าฯ จึงเสนอให้รัฐบาล ปรับเงินอุดหนุนเด็กเล็กเดือนละ 3,000 บาท แบบถ้วนหน้า และต้องปรับตามสภาพเงินเฟ้อ

พร้อมสนับสนุนรูปแบบศูนย์รับเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียนในสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชนบท เช่น ศูนย์ที่เป็นคุ้มในชุมชนที่ดูแลกันเองโดยผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นในการเปิดปิดมากกว่า โดยที่รัฐบาลสนับสนุนด้านงบประมาณ บุคลากรด้านพัฒนาการปฐมวัย  ควบคู่กับการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในสังกัดให้บุคลากรมีค่าตอบแทน และสวัสดิการที่มั่นคง

“เราจะได้ยินนักการเมืองบางคนพูดว่าเวลานี้จำเป็นต้องกระตุ้นกำไรระยะสั้นก่อน เราจะบอกว่าการลงทุนกับเด็กนี่แหละคุ้มค่าที่สุด เงิน 3,000 บาท พ่อแม่ต้องซื้อของที่ดีที่สุดให้ลูกอยู่แล้ว ที่สำคัญจะกระจายไปยังร้านค้าชุมชนแน่นอน และเราจะได้ผลกำไรในระยะยาวอีก คือ ครอบครัวจะอบอุ่น ไร้ความรุนแรง เด็กคนหนึ่งเติบโตมาเป็นแรงงานที่มีคุณภาพ”

ปรียานุช ป้องภัย

ในเวทียังมีข้อเสนออื่น ๆ เกี่ยวกับเด็กเล็กที่น่าสนใจ เช่น เสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ระบุ ความสำคัญของเด็กวัย 0-6 ขวบ สนับสนุนกลไกทางภาษีให้เอกชน สร้างศูนย์รับเลี้ยงเด็กเพื่อดูแลลูกของพนักงานในองค์กรตัวเองให้ยังสามารถทำงานได้ เป็นต้น 

ทั้งนี้ เวทีถัดไปของ “สวัสดิการเด็กเล็กถึงเวลาถ้วนหน้า” เวทีภาคใต้ จะจัดขึ้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ระหว่างวันที่ 17-18 ต.ค. 2566 

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active