ร้องบอร์ดประกันสังคม รับรองสิทธิผู้ประกันตน ‘ลาไปบอกลา – ลาดูแลผู้ป่วย’

‘เครือข่ายดูแลประคับประคองฯ’ หวัง สิทธิลาไปบอกลา-ลาไปดูแลผู้ป่วย สูงสุด 60 วัน พร้อมเงินชดเชยเต็มจำนวน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนทำงาน สร้างสังคมแห่งการตายดี อย่างสมศักดิ์ศรี

เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 68 เครือข่ายผู้สนับสนุนการดูแลแบบประคับประคอง รวมตัวเรียกร้องสิทธิ “สิทธิลางานเพื่อดูแลในวาระสุดท้าย” สําหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม พร้อมยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อคณะกรรมการการประกันสังคม พร้อมด้วยผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนกว่า 3,000 รายชื่อ

โดยข้อเรียกร้องคือ ขอให้คณะกรรมการประกันสังคม พิจารณารับรองสิทธิลางานของผู้ประกันตนที่มีสัมพันธ์กับผู้ป่วยระยะท้าย สามารถลาไปดูแลหรือลาไปบอกลาได้ จำนวน 30-60 วันต่อปี พร้อมรับเงินชดเชยเต็มจำนวน เช่นเดียวกับกรณีที่ผู้ประกันตนได้รับสิทธิจากการลาป่วยหรืลาคลอด โดยไม่กระทบต่อสถานการณ์การจ้างงานของผู้ประกันตน

เอกภพ สิทธิวรรณธนะ ผู้ประสานงานเครือข่ายฯ และตัวแทนจากกลุ่ม Peaceful Death บอกว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวเกิดมาจากสถานการณ์ในสังคมที่บีบคั้นคนทำงาน โดยเฉพาะสังคมเมืองมีความเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น เมื่อคนในครอบครัวเริ่มเจ็บป่วย และเข้าสู่วาระสุดท้าย กลับต้องไปรักษาตัว และเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยวที่โรงพยาบาล โดยปราศจากการได้อยู่ใกล้ชิดกับคนในครอบครัว และทิ้งบางแผลไว้ให้กับผู้ที่ยังอยู่ ซึ่งยังคงเป็นปัญหาของคนทำงานจำนวนมากในสังคม

“เราเปิดล่ารายชื่อผู้ที่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องนี้ พบว่ามีผู้ลงชื่อเห็นด้วยกว่า 3,000 รายชื่อภายใน 48 ชม. เนื่องจากวาระสุดท้ายของชีวิตจึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก ควรเป็นช่วงเวลาแห่งความรัก ความเข้าใจ และส่งผ่านความผูกพันธ์อย่างสมบูรณ์ นอกจากจะช่วยให้ผู้ป่วยได้จากไปอย่างสงบแล้ว ยังช่วยให้ผู้ที่เหลืออยู่ สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข และฟื้นคืนจากความสูญเสียได้ดียิ่งขึ้น

เอกภพ สิทธิวรรณธนะ

ขณะที่ รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี ตัวแทนบอร์ดประกันสังคม ฝ่ายผู้ประกันตน ในฐานะที่มารับหนังสือ มีท่าทีสนับสนุนวาระดังกล่าวควบคู่กับการผลักดันชุดสิทธิประโยชน์การดูแลแบบประคับประคองที่บ้านและโรงพยาบาลเพิ่มเติมเช่นเดียวกับ สปสช.

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันในบ้านเรา คือ หากผู้ประกันตนจำเป็นต้องไปดูแลคนในครอบครัวที่เจ็บป่วยระยะท้าย หรือแม้กระทั่งเสียชีวิต จะต้องใช้สิธิลากิจที่มีเพียง 3 วันต่อปีตามกฏหมาย หรือลาพักร้อนที่มีจำนวนจำกัด ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละระเบียบองค์กร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่เพียงพอกับการใช้ในการดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม

เนื่องจาก ในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต การดูแลผู้ป่วยให้จากไปอย่างสงบและมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จำเป็นต้องอาศัยเวลาจากผู้ดูแลที่มากพอ และมีหลายกิจกรรมที่จำเป็นต้องทำ เนื่องจากจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยระยะท้าย และนำไปสู่การตายดี เช่น 

  1. การตัดสินใจและวางแผนการดูแลในวาระสุดท้ายของชีวิตร่วมกันระหว่างผู้ป่วย ครอบครัว และบุคลากรทางการแพทย์

  2. การกล่าวคำอำลา และอโหสิกรรม

  3. การเตรียมพิธีการสําหรับการจัดการร่างกาย และพิธีศพอย่างเหมาะสม

  4. การรับมือ และเยียวยาความเศร้าของคนในครอบครัว

ทั้งหมดนี้ หากทางผู้ป่วยและครอบครัวไม่ได้วางแผนรับมือ และใช้เวลาอย่างเพียงพอ เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง ย่อมส่งผลกระทบทางจิตใจต่อผู้ยังอยู่ และอาจเรื้อรังยาวนานและสร้างปัญหาสุขภาพจิตได้ในระยะยาว

“เครือข่ายฯ เห็นว่า สิทธิลาเพื่อดูแลในวาระสุดท้าย คือสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับ เพื่อให้การ จากลาเป็นไปอย่างสงบ และเปิดโอกาสให้ความรักได้ทําหน้าที่ของมันจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต”

เอกภพ สิทธิวรรณธนะ

สำหรับสถานการณ์ในต่างประเทศ ที่ให้สิทธิการลาแก่ประชาชน ดังนี้

แคนาดา

  • สิทธิลาไปดูแลผู้ป่วยระยะท้าย 28 สัปดาห์์ก่อนผู้ป่วยเสียชีวิต
  • หากเข้าโครงการประกันการจ้างงาน จะได้รับเงินชดเชยไม่เกิน 55% ของรายได้ และไม่เกิน 23,618 บาท/สัปดาห์
  • สามารถลาไปดูแลความสูญเสียได้ 10 วัน

สหรัฐอเมริกา

ประชาชนมีสิทธิลาป่วยและลาดูแลได้ 84 วัน ใน 4 กรณี ดังนี้

  • ดูแลสมาชิกในครอบครัวที่เจ็บป่วย
  • ดูแลเด็กหลังคลอด
  • หาคนเลี้ยงเด็ก
  • ดูแลอดีตทหารผ่านศึก

เวียดนาม

  • ลาไปงานศพสมาชิกในครอบครัว 3 วันต่อปี
  • หากเป็นญาติห่าง ๆ ลาดได้ 1 วัน
  • ลาดูแลลูกที่เจ็บป่วย (อายุต่ำกว่า 3 ขวบ) ได้ 20 วันต่อปี
  • ลาดูแลลูกที่เจ็บป่วย (อายุ 3-7 ขวบ) ได้ 15 วันต่อปี

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อกำหนดแน่ชัดถึงการพิจารณาวาระนี้ในครั้งต่อไป จึงเป็นที่น่าจับตาต่อไป ว่าบอร์ดประกันสังคมจะมีความเห็นอย่างไร และการเรียกร้องสิทธิในครั้งนี้จะเป็นจริงได้แค่ไหนในบ้านเรา

สำหรับเครือข่ายผู้สนับสนุนการดูแลแบบประคับประคอง นั้นประกอบด้วย กลุ่มแพทยเวชศาสตร์ครอบครัว โรงพยาบาลรามาธิบดี, กลุ่ม Peaceful Death, สมาคมบริบาลผู้ป่วยระยะท้ายแห่งประเทศไทย, เบาใจ Family, มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง และองค์กรเครือข่ายที่ทํางานด้านสุขภาพ และสังคม

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active