การวาดภาพเฉลิมพระเกียรติยังคงเป็นหนึ่งในโจทย์การแข่งขันศิลปะที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างต่อเนื่อง ด้วยเพราะเป็นกิจกรรมที่ช่วยปลูกฝังให้เด็ก ๆ มีความจงรักภักดี รู้จักและเคารพในรากเหง้าวัฒนธรรม รวมทั้งเรียนรู้การใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางในการแสดงออกถึงความรู้สึกที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระผู้ทรงเป็น แม่แห่งแผ่นดิน
แม้จะเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับนักเรียนรุ่นหลัง แล้วบทบาทของ วิชาศิลปะ จะช่วยสร้างสมดุลระหว่างความสร้างสรรค์ และความเหมาะสมด้วยหรือไม่ ?

จากภาพจำสู่ภาพวาด เมื่อศิลปะเป็นเครื่องมือถ่ายทอดความรู้สึก แล้วประสบการณ์ร่วมของนักเรียนรุ่นหลังต่อโจทย์วาดภาพเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะสะท้อนออกมาในรูปแบบใด The Active มีโอกาสพูดคุยกับนักเรียนในห้องเรียนวิชาศิลปะ โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต เพื่อสำรวจมุมมอง และพื้นที่การแสดงออกผ่านงานทัศนศิลป์ของพวกเขา
ภาพจำที่เปลี่ยนผ่านจากรุ่นสู่รุ่น
โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต เป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะทักษะด้านศิลปะควบคู่กับเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีจุดเด่นด้านนวัตกรรม ICT ซึ่งนำมาประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้หลากหลายแขนง ทั้งในด้านดิจิทัล การงานอาชีพ และการพัฒนาทักษะเฉพาะของนักเรียน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ต่อยอดความสามารถของตนเองทั้งในเชิงการศึกษาและอาชีพ
ในส่วนของศิลปะ โรงเรียนเปิดรับนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษผ่านการสอบปฏิบัติ โดยหลังจากเข้ามาเรียน นักเรียนจะได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอหลังเลิกเรียน วันละ 2–3 ชั่วโมง ทั้งเพื่อเตรียมการแข่งขันและพัฒนาทักษะเฉพาะทาง เด็ก ๆ ฝึกทุกวันเพื่อเพิ่มความชำนาญ หลายคนต่อยอดได้ถึงระดับอาชีพ เช่น รับวาดภาพขาย หรือส่งผลงานประกวดจนได้รับรางวัล มีบางคนขายผลงานให้ชาวต่างชาติ
การปลูกฝังให้เด็กเข้าใจคุณค่าของศิลปะ ไม่ได้เริ่มจากการพูดถึงเรื่องเงินทอง แต่เริ่มจากความรู้สึกและแรงบันดาลใจของตัวนักเรียนเอง คือความตั้งใจของ สีวลี ยืนยาว ครูวิชาศิลปะ โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต เธอเชื่อว่าถ้าเด็กมีแรงจูงใจ เขาจะพัฒนาตัวเองได้ไกลมาก และครูจะสอนให้เขาเข้าใจทั้งเรื่องความงามของงานศิลป์และความรับผิดชอบต่อเวลางาน เพราะถ้ารับจ้างวาดภาพก็ต้องตรงต่อเวลาและใส่ใจรายละเอียด พร้อมเสริมว่า การทำงานจริงเป็นอีกขั้นของการเรียนรู้ที่ช่วยให้นักเรียนเข้าใจโลกของการทำงานมากขึ้น
เมื่อพูดถึงการเตรียมผลงานเข้าประกวด ครูสีวลี เล่าว่า โรงเรียนเน้นให้เด็กสร้างสมดุลระหว่างแนวทางของตนเอง กับโจทย์ของสังคม โดยครูจะทำหน้าที่เป็นโค้ชคอยช่วยคิดและดูภาพร่างก่อนลงมือจริง เช่น ในการแข่งขันวาดภาพเฉลิมพระเกียรติ ครูจะให้เด็กเริ่มจากการค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง จากนั้นเล่าเรื่องราวและแนวคิดของตนเองออกมา เพื่อให้เข้าใจบริบทของผลงานอย่างถ่องแท้
“เราจะไม่บังคับแนวคิด แต่ช่วยให้เด็กตีความโจทย์ได้ตรงจุด
สีวลี ยืนยาว
และมีองค์ประกอบศิลป์ที่สมดุล”

แม้โจทย์วาดภาพเฉลิมพระเกียรติยังคงเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอนศิลปะในหลายโรงเรียน ครูสีวลี ย้ำว่า จุดประสงค์ไม่ใช่เพียงการฝึกฝนฝีมือ แต่เป็นการปลูกฝังความจงรักภักดีและความเข้าใจในรากเหง้าวัฒนธรรมไทย เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้การใช้ศิลปะเป็นภาษาสื่อสารความรู้สึกที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงเป็น แม่ของแผ่นดิน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่รู้สึกภูมิใจที่ได้สร้างสรรค์ผลงาน แต่ก็ยอมรับว่าเป็นโจทย์ที่ท้าทาย เพราะต้องถ่ายทอดทั้งความเหมือนและอารมณ์ความงดงามของพระเมตตาผ่านฝีแปรงของตนเอง
อย่างไรก็ตาม ครูสีวลี สังเกตว่า ภาพจำของเด็กยุคใหม่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากที่เคยเน้นภาพพระองค์ในฉลองพระองค์สีฟ้า และรอยยิ้มอ่อนโยน กลายเป็นการนำเสนอผ่านสัญลักษณ์ เช่น ดอกมะลิ, ผืนผ้าไหม หรือภาพผู้คนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชกรณียกิจ เพื่อสะท้อน ความเป็นแม่ของแผ่นดิน ในมิติใหม่
ครูยังเปิดโอกาสให้นักเรียนตีความอย่างอิสระ ไม่จำกัดเพียงภาพเหมือน แต่สามารถใช้เทคนิคหลากหลาย ทั้งจิตรกรรม ดิจิทัลอาร์ต หรือภาพสัญลักษณ์ เพื่อถ่ายทอดความรู้สึก
ในประเด็นของ ภาพจำ ที่อาจทำให้งานของนักเรียนคล้ายกัน ครูสีวลี มองว่า เกิดจากกระบวนการฝึกฝนด้านองค์ประกอบศิลป์ ผ่านการสอนให้เด็กจัด Composition ที่สมดุล มีจุดเด่นและความกลมกลืน เพื่อให้ผลงานออกมาดูมีคุณภาพในการแข่งขัน พร้อมย้ำว่าหลังจากเด็กเข้าใจหลักการแล้ว จะเปิดโอกาสให้พัฒนาแนวทางเฉพาะตัวในภายหลัง โดยใช้ลีลาและลายเส้นตามที่ตัวเองถนัดและสนใ นอกจากนี้ โรงเรียนยังเปิดพื้นที่ให้เด็กทุกระดับชั้นได้เข้าถึงศิลปะ ผ่านกิจกรรมชุมนุมศิลปะ และยังมีเวิร์กช็อปที่เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาฝึกฝนได้โดยสมัครใจ
เมื่อถูกถามถึงความท้าทายของการสอนศิลปะในยุคที่เด็กไทยมักถูกวิจารณ์ว่าขาดความคิดสร้างสรรค์ ครูสีวลี ให้ความเห็นว่า ศิลปะไม่ใช่แค่การวาดภาพ แต่คือพื้นที่ให้เด็กได้ทดลองและแสดงออกในหลากหลายรูปแบบ ทีมครูศิลปะพยายามให้เด็กเห็นว่าศิลปะมีได้หลายทาง ทั้งงานดิจิทัล สื่อประสม กราฟิก หรือการออกแบบ ไม่จำเป็นต้องเก่งวาดภาพเท่านั้น บางคนอาจไปต่อยอดสู่อาชีพออกแบบกราฟิก หรือทำงานครีเอทีฟได้
เป้าหมายสำคัญของการสอนศิลปะไม่ใช่เพียงการผลิตศิลปิน แต่คือการช่วยให้นักเรียนเข้าใจตัวเองและใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือสร้างโอกาสในชีวิต ครูสีวลีอยากให้เด็กทุกคนเห็นคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองทำ และเชื่อมั่นว่า ศิลปะสามารถทำให้เขายืนได้ด้วยตัวเอง
ทำความรู้จัก และเข้าใจแนวคิดการสอนศิลปะจากคุณครูกันไปแล้ว The Active เลยอยากชวนดูผลงานของนักเรียนใน ชุมนุม Arts Club โรงเรียนวชิรธรรมสาธิต พร้อมมุมมองที่มีต่อวิชาศิลปะ และสำรวจภาพจำของนักเรียนยุคปัจจุบันถึงสมเด็จบรมราชชนนีพันปีหลวง ผ่านการถ่ายทอดความรู้สึกต่อพระราชกรณียกิจที่นักเรียนแต่ละคนแสดงออกผ่านงานศิลปะ
จอมพลหญิง

- เจ้าของผลงาน : วรินทร ศรีจรรยานนท์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
- ชื่อผลงาน : จอมพลหญิง
- เทคนิค : สีไม้กับปากกาอะคริลิก
วรินทร เล่าว่า ใช้เวลากับผลงานชิ้นนี้ 3 วัน โดยศึกษารูปภาพ และเลือกสื่อสารความแข็งแกร่งของพระองค์ผ่านการวาดในชุดเครื่องแบบทหาร แม้ว่าจะไม่ถนัดวาดแบบสมจริง และเธอชอบการลงสีมากกว่าการร่างภาพ
“หนูเริ่มชอบศิลปะตั้งแต่เด็ก ๆ ตอนนั้นแค่รู้สึกว่ามันวาดสนุกดี ทำแล้วมีสมาธิ พอ ม.1 ถึงเริ่มจริงจังขึ้น ตอนประถมก็ฝึกจากยูทูปกับติ๊กตอก แล้วพอเข้าชมรมคุณครูก็ช่วยแนะนำให้เราพัฒนาเทคนิคต่อ หนูอยากต่อยอดเป็นอาชีพเสริม รับคอมมิชชันบ้าง เพราะมันทั้งสนุกและทำเงินได้ด้วย”
“งานที่หนูทำเป็นภาพพระพันปี ตอนแรกหนูได้โจทย์มาก็ไปศึกษารูปพระองค์ท่านหลายแบบ แล้วไปสะดุดตาชุดหนึ่งที่สีสันสวย ดูเข้มแข็งสง่างาม เป็นฉลองพระองค์เครื่องแบบทหาร หนูไปอ่านมาว่าท่านเป็นจอมพลหญิงพระองค์แรกของไทย ก็รู้สึกชอบและอยากถ่ายทอดมุมนี้ของท่านลงในผลงาน หนูเลยเลือกวาดแบบนั้น จริง ๆ หนูถนัดวาดภาพแนวอนิเมะ แต่พอลองปรับแล้วมันไม่เข้ากับภาพ หนูเลยใช้ลายเส้นปกติแทน งานนี้หนูชอบตรงได้ลงสีมากกว่า ใช้เวลาประมาณ 3 วันก็เสร็จ”
วรินทร ศรีจรรยานนท์
วรินทร บอกด้วยว่า มีบางงานที่กำหนดรูปแบบไว้ค่อนข้างชัดเจน บางครั้งคนวาดก็ต้องตีความให้อยู่ในกรอบที่กำหนด แต่หนูคิดว่าศิลปะมันสามารถมีสไตล์เฉพาะของตัวเองได้ จึงคิดว่าการทำให้ตรงตามต้นแบบก็ดี แต่การที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง และเชื่อในแนวทางของตัวเองทำให้งานโดดเด่น
พระฉายาลักษณ์

- เจ้าของผลงาน : ธนกฤต มณีแสง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
- ชื่อผลงาน : พระฉายาลักษณ์
- เทคนิค : สีโปสเตอร์
ธนกฤต บอกว่า การสร้างสรรค์ผลงานเกี่ยวกับพระองค์ท่านนั้นท้าทาย เพราะต้องถ่ายทอดพระราชกรณียกิจอย่างถูกต้อง และเคารพ แต่ก็อยากให้ศิลปะร่วมสมัย ช่วยให้คนรุ่นใหม่เข้าใจพระองค์ได้ง่ายขึ้น จึงเห็นว่าศิลปะเป็นเครื่องมือในการฝึกสมาธิและกระบวนการคิดสร้างสรรค์ และฝากความเห็นว่าโรงเรียนควรให้ความสำคัญกับศิลปะมากขึ้น
“ผมชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก เพราะรู้สึกว่าสนุกและได้ใช้จินตนาการ ศิลปะมันไม่มีถูกผิด อยู่ที่ความเข้าใจและความตั้งใจของเรา ถ้าเราทำด้วยใจจริง ๆ งานมันก็จะออกมาดี ผมว่าศิลปะมีอยู่รอบตัวเลยนะ แม้แต่การออกแบบอาคารโรงเรียนหรือการแต่งตัว ก็ล้วนมีศิลปะอยู่ในนั้น เพียงแต่บางคนอาจจะไม่ทันสังเกต”
ธนกฤต มณีแสง
เขาบอกด้วยว่า เวลาทำงานศิลปะเกี่ยวกับสมเด็จพระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง จะเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองรู้ก่อน แล้วค่อยหาข้อมูลเพิ่มจากเพื่อน ครอบครัว หรือโรงเรียน เพราะบางเรื่องเราอาจไม่เคยสัมผัสเอง การถามจากคนที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาจะช่วยให้เข้าใจลึกขึ้น แล้วก็ถ่ายทอดออกมาในแบบของตัวเอง อย่างงานนี้ เลือกใช้ บ้าน เป็นสัญลักษณ์ เพราะผูกพันกับชีวิตและเป็นพื้นที่ที่สะท้อนความรัก ความเคารพต่อท่านได้ดีที่สุด
“ตอนทำงานชิ้นนี้ ผมย้อนไปคิดถึงบ้านยายที่เป็นบ้านไม้เก่า ๆ ซึ่งมีรูปพระพันปีหลวงแขวนอยู่ ก็เลยจินตนาการภาพตัวเองตอนเด็กกำลังยกมือไหว้ รอบ ๆ เป็นพระราชกรณียกิจของท่าน มีหัวโขนแทนการอนุรักษ์ศิลปะ มาลัยแทนความเคารพ และภาพศูนย์ศิลปาชีพกับประชาชนที่รักพระองค์ท่าน ทุกองค์ประกอบมาจากความทรงจำและความรู้สึกที่ผมมีต่อพระพันปีหลวง”
ธนกฤต มณีแสง
ธนกฤต จึงอยากให้ศิลปะในโรงเรียนดูเข้าถึงง่ายกว่านี้ เพราะไม่ใช่แค่วาดรูป แต่เป็นการฝึกสมาธิ ความคิด และการตีความสิ่งรอบตัวให้ลึกขึ้น ศิลปะมันไม่จำกัดมุมมอง ว่าควรเปิดให้ตีความได้หลากหลาย เพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้าใจและรู้สึกใกล้ชิดกับมันมากขึ้น
พระราชชนนี บารมีแผ่ไพศาล

- เจ้าของผลงาน : ปุณณสิน และเมาะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
- ชื่อผลงาน : พระราชชนนี บารมีแผ่ไพศาล
- เทคนิค : สีโปสเตอร์
ปุณณสิน เล่าถึงผลงานล่าสุดที่เกี่ยวกับสมเด็จพระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง ที่สื่อถึงพระราชกรณียกิจและพระมหากรุณาธิคุณ โดยใช้สีโปสเตอร์ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ถนัดในการส่งประกวด โดยเห็นว่าศิลปะมีประโยชน์ในการระบายความรู้สึก สร้างสรรค์ และเป็นพื้นที่เปิดกว้างที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
“ผมชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลยครับ ตั้งแต่อนุบาล ตอนนั้นเห็นลุง ป้า เขาวาดรูปกันแล้วรู้สึกว่าสนุก ไม่เบื่อ ก็เลยอยากวาดต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนศิลปะมันอยู่กับเรามาตลอด พอขึ้นมัธยมก็มีครูเห็นศักยภาพ เลยชวนไปแข่งศิลปะ ตอนนั้นเลยได้รู้ว่าเราชอบและถนัดจริง ๆ”
“สำหรับเรา ศิลปะเป็นเหมือนสื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้สึกกับความคิดลงในผลงาน เวลาวาดรูปมันเหมือนเราได้ระบาย ศิลปะเลยเป็นเหมือนเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ เราเสมอ ถึงจะเรียนสายวิทย์คอมฯ แต่ก็อยากต่อยอดด้านนี้ อยากเรียนต่อสายกราฟิกดีไซน์ที่ผสมทั้งศิลปะกับเทคโนโลยีเข้าด้วยกันครับ”
ปุณณสิน และเมาะ
ส่วนใหญ่โจทย์งานแข่งขันจะเป็นแนวเฉลิมพระเกียรติสำหรับ ปุณณสิน แล้วถือว่าท้าทาย เพราะต้องวาดให้เหมือนจริงและสื่อความหมายได้ถูกต้อง แต่ก็ขึ้นอยู่กับกรรมการและแนวคิดของเรา บางงานก็สามารถออกแบบให้ร่วมสมัยมากขึ้น เช่น อาจไม่ต้องวาดภาพเหมือนตรง ๆ แต่ออกแบบให้มีเรื่องราวหรือสัญลักษณ์แทน แสดงความเคารพผ่านสัญลักษณ์อื่น ๆ แบบนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการเล่าเรื่องศิลปะให้คนเข้าถึงได้มากขึ้นครับ
“ผลงานภาพถึงสมเด็จพระพันปี ผมตีความถึงพระราชกรณียกิจที่พระองค์ท่านทำเพื่อประชาชน ไม่ว่าที่ไหนพระองค์ก็เสด็จไป ผมใช้เทคนิคสีโปสเตอร์ วาดให้เห็นพระองค์ท่านประทับกลางทุ่งนา ด้านล่างเป็นภาพพระราชกรณียกิจ ส่วนด้านบนเป็นก้อนเมฆที่ก่อตัวเป็นสัญลักษณ์ของพระมหากรุณาธิคุณ ถึงผมจะเกิดไม่ทันยุคนั้น แต่ผมก็ศึกษาข้อมูล และพยายามถ่ายทอดความรู้สึกผ่านภาพให้มากที่สุด”
ปุณณสิน และเมาะ
ผู้ทรงเป็นป่าเเห่งเเผ่นดิน

- เจ้าของผลงาน : จักรพรรดิ บินมุกดา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
- ชื่อผลงาน : ผู้ทรงเป็นป่าเเห่งเเผ่นดิน
- เทคนิค : ศิลป์ดิจิทัลสร้างสรรค์
จักรพรรดิ เล่าถึงผลงานที่นำพระราชดำรัสของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ โดยถ่ายทอดพระราชกรณียกิจผ่านงานกราฟิกที่ผสมผสานความร่วมสมัยกับเอกลักษณ์ไทย เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าใจและเชื่อมโยงกับศิลปะไทยในรูปแบบใหม่ ๆ โดยเขามองว่า ศิลปะ เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ได้ค้นพบตัวตนและศักยภาพของตัวเอง และเป็นพื้นที่เปิดที่ทุกคนสามารถแสดงออกได้อย่างเป็นตัวของตัวเอง
“แต่ก่อนผมไม่ชอบศิลปะเลยครับ เพราะคิดว่าตัวเองวาดรูปไม่สวย แต่พอได้เข้ามาอยู่ในบรรยากาศของชมรม อยู่กับคุณครูและเพื่อน ๆ ที่ชอบศิลปะ ผมก็เริ่มมองศิลปะต่างออกไป ผมค้นพบว่าการออกแบบกราฟิกก็เป็นศิลปะเช่นกัน แค่เปลี่ยนจากกระดาษและพู่กันมาอยู่ในรูปแบบดิจิทัล มันคือการผสมผสานศิลปะแนวใหม่ที่เข้ากับยุคสมัย สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมเข้าใจว่าศิลปะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การวาดภาพ แต่คือการออกแบบและสร้างสรรค์สิ่งใดก็ตามที่สื่อความหมายและอารมณ์ได้ “
“ผมอยากเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนครับ ผมมองว่าโรงเรียนที่ควรจะเปิดกว้างในความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก จะต้องส่งเสริมให้นักเรียนใช้ความฉลาดในแบบตัวเอง เอาความสามารถความคิดและความถนัดของตัวเองมาสร้างสรรค์ผลงาน ถ้าเรากำหนดโจทย์มากเกินไป ความคิดนอกกรอบอาจจะไม่เกิดขึ้น”
จักรพรรดิ บินมุกดา
สำหรับผลงานชิ้นนี้ จักรพรรดิ บอกว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชดำรัสของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่พระราชทานแก่ราษฎรบ้านถ้ำติ้ว จังหวัดสกลนคร ความตอนหนึ่งว่า
“พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า
ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ”
เขาจึงพยายามสื่อถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่านในด้านต่าง ๆ เช่น การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ การศึกษาศิลปาชีพ การทหาร และความมั่นคงของประเทศ ภาพด้านหลังของผลงานเป็นภาพ Overlay ที่รวมพระราชกรณียกิจเหล่านี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าพระองค์ทรงเป็น ป่า ที่สร้างชีวิตและโอกาสให้ประชาชนทั่วประเทศ
“เราประยุกต์หรือออกแบบให้มันใหม่ขึ้นได้ ให้มีความร่วมสมัย อาจจะลดรายละเอียดลายไทยหรือเอกลักษณ์ที่ซับซ้อนลง ปรับให้ทันสมัยขึ้น แต่ก็ไม่ใช่ละทิ้งไปทั้งหมด ผมมองว่านี่เป็นการต่อยอดและให้พื้นที่ใหม่ ๆ กับงานศิลปะครับ”
จักรพรรดิ บินมุกดา ทิ้งท้าย
แม้เด็กนักเรียนในยุคนี้จะไม่เคยเห็นภาพเหตุการณ์พระราชกรณียกิจในประวัติศาสตร์ด้วยตาของตัวเอง แต่พวกเขาก็รับรู้เรื่องราวอันแสนประทับใจผ่านเรื่องเล่า ข้อมูลที่ค้นคว้า และบทเรียน ดังนั้นภาพวาดที่เกิดขึ้นจึงเปรียบเสมือนเป็นความทรงจำที่สร้างด้วยจินตนาการ ศรัทธา มากกว่าความคุ้นเคย
ในวันที่ทั้งประเทศอยู่ท่ามกลางการถวายความอาลัย ลายเส้น การลงสี เทคนิคต่าง ๆ ที่นักเรียนบรรจงสร้างสรรค์ออกมาผ่านภาพวาดจึงได้ทำหน้าที่บอกเล่าแทนคำพูด ถึงว่าความรัก และความเคารพต่อพระผู้ทรงเป็น แม่แห่งแผ่นดิน ที่ยังคงส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเสมอมา
