“หากแกยังอยู่ ผู้คนในวาโนะจะอดอยากต่อไป” : วันพีซ…ธงโจรสลัด สัญญะการเดิมพันของยุคสมัยใหม่

เป็นอีกครั้งที่ธงสัญลักษณ์หัวกะโหลกไขว้กลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง (Straw Hat Pirates) จากมังงะ และอนิเมะ “วันพีซ” (One Piece) ถูกโบกสะบัดเหนือกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเนปาล ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ในเมืองหลวงอย่างกรุงกาฐมาณฑุ และเมืองอื่น ๆ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง อาคารสำนักงานราชการ ห้างร้าน ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

หากย้อนกลับไปเพียง 2 เดือน สัญลักษณ์นี้ยังปรากฏเพื่อใช้แสดงความไม่พอใจต่อรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ ปราโบโว ซูเบียนโต (Prabow Subianto) ประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงปี 2563 ภายในการชุมนุมของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎร” ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน

ทำไมสัญลักษณ์กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางถึงกลายเป็นวัฒนธรรมร่วมสมัย (Pop Culture) ของผู้คนทั่วโลก (มากกว่า 500 ล้านเล่ม โดยกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด) บทความนี้ผู้เขียนในฐานะแฟนการ์ตูนวันพีซคนหนึ่ง (ที่กำลังไล่ตามอ่านให้จบในเร็ว ๆ นี้) อยากชวนหาความเชื่อมโยงจากสื่อบันเทิง กับปรากฎการณ์ทางสังคม ซึ่งหลายคนบอกว่าตรงกับสถานการณ์ในเนปาล หรืออาจเกิดขึ้นกับอีกหลายประเทศอย่างน่าประหลาดใจ

‘วันพีซ’ สัญลักษณ์เรียกร้องของคน Gen Z
ด้วยเชื่อว่า…โลกข้างหน้าต้องฝากไว้กับคนรุ่นใหม่

หากวิเคราะห์จากรายงานสื่อต่างประเทศ ที่ระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงในเนปาลส่วนใหญ่ที่ออกมาคัดค้านการแบนโซเชียลมีเดีย, คอร์รัปชัน ที่ฝังรากลึกในกลุ่มผู้มีอำนาจมานาน และโอกาสงานที่หายาก อยู่ในกลุ่มเยาวชน Gen Z (ช่วงอายุ 13-28 ปี) นับว่าจัดอยู่ในกลุ่มฐานแฟนคลับทั้งมังงะ และอนิเมะวันพีซ ที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับแฟนคลับทั่วโลกบนโซเชียลมีเดีย โดยประชากรเนปาล มีราว 17 ล้านคนที่ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย 

เมื่อประเมินจากอายุ ความนิยมในวันพีซ และช่องการสื่อสารหลักกับผู้คนทั่วโลก ธงกลุ่มหมวกฟาง จึงอาจเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อสารไปถึงโลกภายนอกได้ง่าย เห็นแล้วรับรู้ได้ทันทีว่ากำลังเรียกร้องโดยมีเป้าอะไร หรือแม้แต่อยู่ฝั่งไหน

เนื้อเรื่องของวันพีซ เป็นเรื่องราวของกลุ่มโจรสลัดหน้าใหม่ แม้แกนหลักของเรื่องคือการช่วงชิงสมบัติวันพีซ แต่เป้าหมายของแต่ละคน ก็มีความความต้องการที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่ภูมิหลังในชีวิต

ตัวเอกของเรื่องอย่าง มังกี้ ดี. ลูฟี่ ก็มีความฝันที่จะเป็นราชาโจรสลัด แม้ฟังแล้วเหมือนกับต้องการที่จะขึ้นเป็นผู้ปกครอง โหยหาอำนาจ แต่เป้าหมายที่แท้จริงซึ่งปรากฏอยู่คำพูดในหลาย ๆ ตอน ลูฟี่ เพียงต้องการเป็นอิสระจากกฎ ระเบียบของโลก ที่ทำให้ตัวเองหรือเพื่อน ๆ ถูกพันธนาการจากความคิด จินตนาการถึงโลกใหม่ที่พวกเขาอยากจะเห็น

แนวความคิดแบบพลิกขั้วนี้เอง ทำให้โจรสลัดกลุ่มหมวกฟางต้องถูกไล่ล่าจากทั้งรัฐบาลโลก กองทัพเรือ กลุ่มเจ็ดเทพโจรสลัด หรือแม้แต่โจรสลัดกลุ่มต่าง ๆ ด้วยกันเอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคน Gen Baby Boomer (เกิดระหว่างปี พ.ศ.2489-2507) ล้วนเป็นผู้อาวุโส ผ่านสงครามมาอย่างโชกโชน จนเผลอดูแคลนโจรสลัดหน้าใหม่ว่าไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรได้ 

แต่พวกเขาก็พิสูจน์ตัวเองผ่านทั้งการต่อสู้เพื่อเอาชนะ หรือให้ความช่วยเหลือโจรสลัดกลุ่มต่างๆ ทำให้วีรกรรมของกลุ่มหมวกฟางดังไกลข้ามโลก ข้ามทวีปกันเลยทีเดียว และธงรูปหัวกะโหลกสวมหมวกฟางของพวกเขาที่ต่อมาอยู่ในระดับเดียวกับ 4 จักรพรรดิ สิ่งที่ตามมาก็คือการเข้าเป็นแนวร่วม พันธมิตร หรือแฟนคลับตัวยงอย่างบาร์โทโลเมโอ ที่ขอฝากตัวเป็นลูกน้องเพราะชื่นชมในความกล้าหาญของกลุ่มหมวกฟาง 

ความอยุติธรรม ความเหลื่อมล้ำ
ชนวนหลักการตอบโต้ของยุคสมัยใหม่

ตลอดระยะเวลา 28 ปีที่มังงะวันพีซ ยังคงดำเนินเรื่องราวอย่างเข้มข้น และคาดว่าจะเข้าใกล้บทสุดท้ายของเรื่อง ลูฟี่และกลุ่มลูกเรือโลดแล่นผ่านเกาะต่าง ๆ มากมาย ที่สะท้อนว่าภายใต้ความสวยงามของเมือง ธรรมชาติ ก็มีด้านมืดที่ถูกปกปิดไม่ให้โลกภายนอกได้รับรู้อยู่เหมือนกัน

เช่น อาณาจักรเดรสโลซ่า (Dressrosa) ที่ลูฟี่และเพื่อน ๆ ต่างตื่นเต้นเมื่อครั้งแรกที่เท้าเหยียบลงบนเกาะ ทั้งบรรยากาศบ้านเมืองแบบสเปน ลานประลอง และบรรดาเหล่าของเล่นที่มีชีวิต ท้ายที่สุดกลับพบเป็นฐานประกอบธุรกิจอาชญกรรมขนาดใหญ่ กำจัดชาวเมืองผู้ต่อต้านด้วยการลบตัวตนทิ้ง โดยที่รัฐบาลโลกไม่เคยเข้ามาตรวจสอบด้วยถือเป็นอำนาจของผู้ปกครองที่เป็นถึง เจ็ดเทพโจรสลัดที่ให้การรับรองไม่ถูกตามล่า 

หรือ แคว้นวาโนะคุนิ (Wano Kuni) ประเทศปิดที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลโลก อุดมสมบูรณ์ภายใต้ทรัพยากร บรรยากาศวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ผู้คนหัวเราะในเทศกาลรื่นเริง แต่กลับแฝงเร้นไปด้วยเงามืดของผู้ปกครองที่ทำการยึดอำนาจอย่างโหดเหี้ยม การรวบอำนาจไว้ที่เมือง สร้างความอดอยากหิวโหยต่อประชาชนกลุ่มชายขอบ

ลูฟี่ ไม่เพียงอาสาเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการปลดแอกผู้คนตามเกาะต่าง ๆ ที่พวกเขาผ่านไป แต่สัญลักษณ์ธงกลุ่มหมวกฟาง ยังจุดไฟให้กับชาวเมืองลุกขึ้นสู้กับความไม่อยุติธรรมนี้ด้วยเช่นกัน

ขณะที่ภาพการประท้วงของผู้คนในเนปาลเพื่อต่อต้านรัฐบาล แม้ความรุนแรงจะไม่ใช่ทางออกของปัญหาความขัดแย้ง แต่ปฎิเสธไม่ได้เช่นกันว่า การลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาลมาจากปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นภายใน

เนปาล ประเทศที่เคยได้ชื่อว่าเมืองแห่งสวรรค์ เพราะเป็นที่ตั้งของเทือกเขาหิมาลัยที่สูงที่สุดในโลก แต่สถานการณ์ในเวลานี้กลับดูห่างไกลจากสมญานามที่เคยได้รับ

ทั้งรายงานขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ จัดอันดับให้เนปาลเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการทุจริตสูงที่สุดในเอเชีย โดย 84% ของชาวเนปาลเชื่อว่า การทุจริตเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศ 

ซิกชยา บัททาไร บรรณาธิการอาวุโส สำนักข่าว Nepal TV ประเมินการเคลื่อนไหวของคนรุ่น Gen Z ที่เกิดขึ้นในเนปาลตอนนี้ ยังไม่มีแกนนำที่ชัดเจน เพราะเยาวชนกลุ่มนี้ได้รวมตัวกันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ พวกเขากำลังเรียกร้องให้ลุกขึ้นต่อต้านการคอร์รัปชัน โดยเฉพาะปัญหาการเกื้อหนุนญาติมิตร ลูกหลานของครอบครัวนักการเมือง และผู้มีอภิสิทธิ์ กำลังใช้ประโยชน์และทรัพยากรของประเทศและสืบทอดอำนาจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเป็นใบหน้าเดิม ๆ ที่พวกเขาไม่อยากเห็นอีกต่อไป

“สิ่งที่พวกเขาพูดคือ พอแล้ว มันมากเกินพอแล้ว พวกเขาต้องการเห็นการนำประเทศในรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนผู้นำ หรือการทำงานของรัฐบาล แต่สิ่งที่เรียกร้องคือ การปกครองประเทศในรูปแบบอื่น”

ซิกชยา บัททาไร

วันพีซ : ประเทศที่เข้มแข็ง
คือประเทศที่ไม่ยัดเยียดโลกทัศน์แบบเดียวกันให้สังคม 

ภายในมังงะ อนิเมะวันพีซ ไม่เพียงสะท้อนเรื่องราวการต่อสู้ของตัวละครต่าง ๆ แบบตรงไปตรงมา หรือเอาชนะต่อตัวปัจเจกบุคคลเสียทีเดียว แต่ยังเป็นการต่อสู้เพื่อพิสูจน์จุดยืนทางความคิดของตัวเอง หรือตอบสนองความกระหายใคร่รู้ต่อความจริงในเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ประเทศ รวมถึงโลกใบนี้ด้วย

ตัวอย่างโจรสลัดรุ่นใหม่ หรือ รุ่นที่เลวร้ายที่สุด  11 คน (Supernova) แทบทั้งหมดมีส่วนสร้างยุคสมัยร่วมกันมากับลูฟี่ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม หลายคนเป็นโจรสลัดเพื่อแย่งชิงสมบัติวันพีซที่มีเพียงหนึ่งเดียว แต่บางคนก็ออกเดินทางตามหาความจริงบางอย่างไปด้วย เช่น ทราฟัลการ์ ลอว์ และ จิวเวอรี่ บอนนี่ ที่สะท้อนผลของการปกปิดความจริงกับกลุ่มคนรุ่นใหม่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระดับที่สร้างความตกใจให้กับผู้อ่าน หรือระดับพลิกเส้นเรื่องก็เคยมีให้เห็นมาแล้ว

ขณะที่ความชั่วร้ายยังคงดำเนินไปภายใต้การนำของคนที่คุณก็รู้ว่าใครในโลกวันพีซ เราก็ยังเห็นทหารเรือแม้จะเป็นถึงระดับพลเอกที่เปิดพื้นที่ให้กับโจรสลัดได้โลดแล่นในทะเล ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่กระทบต่อความมั่นคงของโลก หรือรับฟังปัญหาเสียงสะท้อนของโจรสลัดหน้าใหม่ด้วยเช่นกัน

รวมถึงการประนีประนอม สันติวิธี เพื่อยุติการใช้ความรุนแรงก่อนจะบานปลายสูญเสียกันทั้งสองฝ่าย เช่นใน สงครามมารีนฟอร์ด (Marineford) หรือแม้แต่ในภาค เกาะเอ็กเฮด (Egghead) ที่แม้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์ แต่ก็สร้างการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะการรับรู้ เปลี่ยนแปลงทิศทางของทั้งโลกด้วยเช่นกัน

วันพีซ จึงยังสะท้อนให้เห็นถึง พลังของความสงสัยใคร่รู้ของมนุษย์ที่หากผู้มีอำนาจปกปิดความความจริง เพียงแค่หนึ่งคนที่รู้คำตอบก็อาจนำไปสู่การสร้างแรงกระเพื่อมถึงคนในสังคมได้เช่นกัน รวมถึงคนกระแสของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมรับต่อการคอร์รัปชัน ความเหลื่อมล้ำในสังคม

การปรากฏของธงกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง กลางขบวนการเรียกร้องทั้งในอินโดนีเซีย และเนปาล รวมถึงประเทศไทย อาจกล่าวได้ว่าแม้รูปแบบการเมือง การปกครองแต่ละประเทศจะมีความแตกต่างกัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน คือ การที่ผู้มีอำนาจเพียงไม่กี่คนได้รับสิทธิโอกาสเหนือคนอื่น ๆ และคนรุ่นใหม่ไม่สามารถจำนนต่ออำนาจอยุติธรรมได้อีกต่อไป 

หากแต่ความจริงในประวัติศาสตร์การต่อต้านด้วยการใช้ความรุนแรงไม่เคยเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหา ความจริง ความยุติธรรม และการเปิดโอกาสในการกำหนดทิศทางประเทศให้กับคนทุกคนอย่างเท่าเทียมต่างหาก ที่จะชี้นำสังคมเดินหน้าไปในแบบที่จะควรเป็น ดังที่ ตำนานเจ้าแห่งโจรสลัดวันพีซ ได้กล่าวไว้

 “เจตนารมณ์ที่ได้รับการสืบทอด, ความฝัน, การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยตราบใดที่มนุษย์ทะยานอยากได้อิสรภาพ สิ่งเหล่านี้ย่อมไม่อาจหยุดยั้งได้อย่างแน่นอน”

โกลด์ ดี. โรเจอร์

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ ‘วันพีซ’ (One Piece)

Author

Alternative Text
AUTHOR

รุ่งโรจน์ สมบุญเก่า

หนุ่มหน้ามนต์คนบางเลน สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ ชื่นชอบอนิเมะ ทั้งสัตว์บกสัตว์ทะเลล้วนเป็นเพื่อน