เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง เทศบาลนคร ต่างกันอย่างไร

นับถอยหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี วันที่ 11 พฤษภาคม 2568 ที่อาจเป็นครั้งแรกของผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลายคน หลังมีการเปลี่ยนแปลงสถานะขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นหลายแห่งนับจากการเลือกตั้งเทศบาลครั้งล่าสุดเมื่อปี 2564 

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาล และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษอย่างกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา ซึ่งถือว่าเทศบาลเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามหลักการกระจายอำนาจที่เก่าแก่ที่สุดของไทยถึง 92 ปีนับตั้งแต่ปี 2476 หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 ได้กำหนดประเภทของเทศบาลไว้ 3 ประเภท ได้แก่ เทศบาลตำบล เทศบาลเมือง และเทศบาลนคร โดยได้รับอิทธิพลการแบ่งลำดับชั้นของเทศบาลจากประเทศญี่ปุ่น

“เทศบาลตำบล” มาจากการยกระดับของ อบต. ที่อาจเป็น อบต.แห่งเดียว หรือเป็นการควบรวมกันของ อบต.หลายแห่งก็ได้ ตามที่กระทรวงมหาดไทยพิจารณาถึงศักยภาพ

“เทศบาลเมือง” จะต้องเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัด หรือมีประชากร 10,000 คนขึ้นไป โดยต้องมีรายได้เพียงพอที่จะปฏิบัติหน้าที่

“เทศบาลนคร” ต้องมีประชากร 50,000 คนขึ้นไป และต้องมีรายได้เพียงพอที่จะปฏิบัติหน้าที่ที่เพิ่มขึ้นด้วย

อาจกล่าวโดยง่ายว่าประเภทของเทศบาลจะถูกแบ่งระดับตามจำนวนประชากรและศักยภาพทางเศรษฐกิจ การถูกยกระดับทำให้ท้องถิ่นมีอำนาจหน้าที่เพิ่มมากขึ้น สามารถบริหารจัดการและพัฒนาท้องถิ่นตนเองได้คล่องตัวมากขึ้น ทั้งการใช้งบประมาณและการจัดหารายได้

เทศบาลนครจึงมีบทบาทหน้าที่ตามกฎหมายที่กำหนดให้ต้องทำมากที่สุด ขณะที่อีกหลายด้านกฎหมายได้เปิดให้เป็น “กิจการที่จัดทำได้” แก่เทศบาลเมืองและเทศบาลตำบล หากต้องการดำเนินงานเหล่านี้ตามกำลังของตน แต่ไม่เป็นการบังคับ

นายกเทศบาล และสภาเทศบาล

ประเภทเทศบาลยังส่งผลถึงการกำหนดขนาดขององค์การเทศบาล ฝ่ายบริหารประกอบด้วยนายกเทศมนตรี 1 คนที่มาจากการเลือกตั้ง และรองนายกเทศมนตรี ที่ปรึกษา เลขานุการ ที่มาจากการแต่งตั้งของนายกเทศมนตรี จะแต่งตั้งจำนวนได้มากน้อยเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับประเภทของเทศบาล ที่หลายครั้งพบว่าเป็นการแต่งตั้งคนในครอบครัว อย่างไรก็ตามไม่ขัดต่อ พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึงฉบับที่ 14 พ.ศ.2562

  • เทศบาลตำบล: นายกเทศมนตรี 1 คน รองนายกเทศมนตรีไม่เกิน 2 คน ที่ปรึกษาและเลขานุการของนายกเทศมนตรี รวมกันไม่เกิน 2 คน
  • เทศบาลเมือง: นายกเทศมนตรี 1 คน รองนายกเทศมนตรีไม่เกิน 3 คน ที่ปรึกษาและเลขานุการของนายกเทศมนตรี รวมกันไม่เกิน 3 คน
  • เทศบาลนคร: นายกเทศมนตรี 1 คน รองนายกเทศมนตรีไม่เกิน 4 คน ที่ปรึกษาและเลขานุการของนายกเทศมนตรี รวมกันไม่เกิน 5 คน

แม้เทศบาลจะเป็น อปท.ที่มีมานาน แต่การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเกิดขึ้นภายหลังปี 2546 โดยก่อนหน้านั้นประชาชนได้เลือกเพียงสมาชิกสภาเทศบาล ที่สภานี้จะเลือกนายกเทศมนตรีอีกทีหนึ่ง

สภาเทศบาลทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร มาจากการเลือกตั้งของประชาชนทั้งสภา ส่วนประธานและรองประธานสภาเทศบาลนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดลงนามแต่งตั้งจากการลงมติกันเองของสมาชิกสภาเทศบาล และเทศบาลแต่ละประเภทก็มีจำนวนสมาชิกสภาแตกต่างกันเช่นกัน

  • เทศบาลตำบล 12 คน (จากเขตเลือกตั้ง 2 เขต เขตละ 6 คน)
  • เทศบาลเมือง 18 คน (จากเขตเลือกตั้ง 3 เขต เขตละ 6 คน)
  • เทศบาลนคร 24 คน (จากเขตเลือกตั้ง 4 เขต เขตละ 6 คน)

เงินเดือนที่นายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาลได้รับ จะขึ้นอยู่กับรายได้ของเทศบาลในปีงบประมาณที่ผ่านมา ไม่รวมเงินกู้ เงินสะสม และเงินอุดหนุนทุกประเภท ระเบียบกระทรวงมหาดไทยกำหนดเกณฑ์รายได้ตั้งแต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท จนถึงเกิน 300 ล้านบาท

สมาชิกสภาเทศบาลจะได้รับเงินเดือนเท่านั้น (ไม่รวมเบี้ยประชุม) มีเพียงนายกเทศมนตรีและรองนายกเทศมนตรีที่ได้รับค่าตอบแทนประจำตำแหน่งและค่าตอบแทนพิเศษด้วย จากเกณฑ์รายได้เทศบาลนี้ทำให้นายกเทศมนตรีมีเงินเดือนและค่าตอบแทนรวมกันอยู่ในช่วง 14,280 – 75,530 บาท

กดดูรายละเอียดเงินเดือนแบบตาราง

รายได้เทศบาลนายกเทศมนตรีรองนายกเทศมนตรีเลขานายกฯที่ปรึกษานายกประธานสภาเทศบาลรองประธานสภาเทศบาลสมาชิกสภาเทศบาล
เงินเดือนเงินค่าตอบแทนประจำตำแหน่งเงินค่าตอบแทนพิเศษรวมเงินเดือนเงินค่าตอบแทนประจำตำแหน่งเงินค่าตอบแทนพิเศษรวมเงินเดือนเงินเดือนเงินเดือนเงินเดือนเงินเดือน
เกิน 300 ล้าน55,53010,00010,00075,53030,5407,5007,50045,54019,44013,88030,54024,99019,440
100-300 ล้าน45,0009,0009,00063,00024,7206,7506,75038,22015,75011,25024,72020,25015,750
50-100 ล้าน30,0008,0008,00046,00016,5006,0006,00028,50010,5007,50016,50013,50010,500
25-50 ล้าน28,8006,0006,00040,80015,8404,5004,50024,84010,0807,20015,84012,42010,080
10-25 ล้าน27,6004,0004,00035,60015,1803,0003,00021,1809,6606,90015,1808,9009,660
9-10 ล้าน19,8003,0003,00025,80010,8802,3002,30015,4807,0804,95010,8808,9007,080
7-9 ล้าน17,4002,8002,80023,0009,6002,1002,10013,8006,0804,3409,6007,8606,080
5-7 ล้าน15,6002,6502,65020,9008,5801,9901,99012,5605,82003,9008,5807,0205,460
3-5 ล้าน13,8002,5002,50018,8007,5601,8751,87511,3105,82003,4407,5606,2004,820
1-3 ล้าน11,5202,3002,30016,1206,3601,7251,7259,8105,82002,8806,3605,1804,030
ไม่เกิน 1 ล้าน10,0802,1002,10014,2805,5201,5751,5758,6705,82002,5205,5204,5303,520

ที่มารายได้เทศบาล

รายได้เทศบาลมาจากแหล่งรายได้หลัก 3 ส่วน คือ

  • ภาษี อากร ค่าธรรมเนียม และค่าปรับต่าง ๆ ทั้งที่เทศบาลจัดเก็บเอง หรือรัฐบาลจัดเก็บให้แล้วส่งต่อให้กับเทศบาล หรือภาษีที่รัฐบาลแบ่งสัดส่วนให้
  • รายได้จากกิจการของเทศบาลเอง เช่น โรงรับจำนำ
  • เงินอุดหนุนจากรัฐ คือเงินอุดหนุนทั่วไปและเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ

เมื่อจำแนกตามการจัดเก็บแบ่งเป็น รายได้ที่เทศบาลจัดเก็บเองได้ รายได้จากการจัดสรรของรัฐ และเงินอุดหนุนจากรัฐ

ในส่วนที่เทศบาลสามารถจัดเก็บเอง ได้แก่

  • ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
  • ภาษีโรงเรือนและที่ดิน
  • ภาษีบำรุงท้องที่
  • ภาษีป้าย
  • อากรการฆ่าสัตว์
  • อากรรังนกอีแอ่น
  • ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่าปรับ
  • รายได้จากทรัพย์สิน
  • รายได้จากสาธารณูปโภคและการพาณิชย์

ส่วนที่รัฐบาลจัดเก็บแล้วจัดสรรให้ตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด ได้แก่

  • ภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • ภาษีธุรกิจเฉพาะ
  • ภาษีสรรพสามิต
  • ค่าภาคหลวงไม้
  • ค่าภาคหลวงแร่
  • ค่าภาคหลวงปิโตรเลียม
  • รายได้จากกฎหมายอุทยานแห่งชาติ
  • ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
  • อื่น ๆ

จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น พบว่าปี 2566 รายได้ของเทศบาลส่วนใหญ่คือเงินอุดหนุน คิดเป็น 46% รองลงมาในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันคือรายได้ที่รัฐจัดสรรให้ 43% ขณะที่รายได้ที่เทศบาลจัดเก็บเองอยู่ที่ 11% สะท้อนว่าท้องถิ่นยังคงต้องพึ่งพางบประมาณจากรัฐอยู่มาก และแหล่งที่มารายได้ที่ให้เทศบาลจัดเก็บเองได้นั้นยังน้อย

ปัจจุบันประเทศไทยมีเทศบาลทั้งหมด 2,474 แห่ง เป็นเทศบาลตำบล 2,218 แห่ง เทศบาลเมือง 221 แห่ง และเทศบาลนคร 35 แห่ง และในปีนี้มี อบต. 3 แห่งได้ขยับสถานะเป็นเทศบาล และเทศบาล 33 แห่งได้เปลี่ยนแปลงฐานะประเภทเทศบาล

แต่การเลือกตั้งวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ไม่ได้เลือกทุกแห่ง โดยจะมีการเลือกตั้ง 2,469 แห่ง เป็นการเลือกตั้งทั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี 2,121 แห่ง (บัตร 2 ใบ) และที่เลือกเฉพาะสมาชิกสภาเทศบาล 348 แห่ง (บัตร 1 ใบ) เนื่องจากเทศบาลเหล่านี้ได้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีไปก่อนแล้วด้วยเหตุผลอื่นที่ไม่ใช่การครบวาระ เช่น ลาออก เสียชีวิต และจะมีวาระดำรงตำแหน่ง 4 ปี ประชาชนสามารถตรวจสอบว่าตนเองมีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ ได้ที่ https://boraservices.bora.dopa.go.th/election/enqelection-local/