แม้ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อสภา แต่ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนหลังรับสนองพระบรมราชโองการ เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2568 แล้ว ถึงแนวทางนโยบายภายในกรอบเวลา 4 เดือน ว่าจะเร่งแก้ไขปัญหา 4 ด้าน และมีเป้าหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนจะยุบสภาตามที่ตกลงกับพรรคประชาชนไว้ ดังนี้
- ปัญหาเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย ค่าครองชีพ ค่าพลังงาน ค่าเดินทาง-ขนส่ง แก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร และผู้มีรายได้น้อย สร้างรายได้ ให้แก่ประชาชนและชุมชนท้องถิ่น
- ปัญหาความมั่นคง แก้ปัญหากรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ด้วยสันติภาพ ลดการสูญเสีย ยึดหลักการไม่เสียดินแดน เร่งชดเชยให้กับผู้ประสบภัย ครอบคลุมทุกหลังคาเรือน
- ปัญหาภัยธรรมชาติ จัดทำระบบเตือนภัย ป้องกันภัย เยียวยาฟื้นฟู ชดเชยค่าเสียหาย อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที สมเหตุสมผล และเป็นธรรม
- ปัญหาภัยสังคม ปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ สแกมเมอร์ การพนัน และการพนันออนไลน์ สร้างความร่วมมือกับเพื่อนบ้านและมิตรประเทศ
นำมาสู่เสียงสะท้อนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในแต่ละนโยบาย รวมทั้งมีหลายนโยบายที่อยากให้รัฐบาลเฉพาะกิจนี้ช่วยผลักดันในเวลาก่อนยุบสภาฯ โดยผลสำรวจผ่านเครื่องมือ Zocial Eye (หรือ Social Listening ฟังเสียงของผู้คนที่อยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย) ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. – 11 ก.ย. 2568 นโยบายที่ถูกพูดถึงมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่
อันดับ 1 แก้รัฐธรรมนูญ (3,941,969 เอ็นเกจเมนต์)
ถือได้ว่าเป็นเงื่อนไขที่พรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ได้ทำ MOA กันไว้ ซึ่งทางอนุทินได้แถลงว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นไปตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไว้ และเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 68 ศาลรัฐธรรมนูญให้รัฐสภามีอำนาจริเริ่มหรือแสดงความต้องการเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องให้ประชาชน ออกเสียงประชามติถึง 3 ครั้ง เพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ประชาชนมิอาจเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญได้
อันดับ 2 โครงการคนละครึ่ง (2,616,786 เอ็นเกจเมนต์)
ถือเป็นการรื้อฟื้น โครงการคนละครึ่งของรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีนโยบายช่วยเหลือประชาชน จากการแพร่ระบาดโควิด –19 หากแต่คนละครึ่งในรัฐบาลอนุทินอาจปรับเกณฑ์ใหม่ ให้ผู้เสียภาษีได้รับสิทธิ์ร่วมจ่ายในอัตราส่วนที่ดีกว่า โดยมีมาตรการคือ
- กลุ่มประชาชนผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รัฐจะช่วยจ่ายให้ร้อยละ 60% ประชาชนจ่ายเองร้อยละ 40%
- กลุ่มประชาชนทั่วไป รัฐช่วยจ่ายให้ร้อยละ 50 ประชาชนจ่ายเองร้อยละ 50
โดยยังคงใช้แอปพลิเคชันเดิม “เป๋าตัง” สำหรับประชาชน “ถุงเงิน” สำหรับร้านค้า โดยตั้งเป้าหมายที่จะเริ่มโครงการได้ภายในเดือน ต.ค. 2568
อันดับ 3 แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา (2,023,442 เอ็นเกจเมนต์)
สืบเนื่องจากการปะทะกันทางอาวุธบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงปลายรัฐบาลแพทองธาร กลายเป็นปัญหาความมั่นคงเร่งด่วนที่รัฐบาลอนุทินรับช่วงต่อจากรัฐบาลที่แล้ว แต่ถือว่ามีสัญญาณที่ดีขึ้น
เพราะเมื่ออนุทินได้รับตำแหน่งนายกฯ ทางด้านกัมพูชา นายกฯ ฮุนมาเนตได้ส่งสารมาแสดงความยินดี และแสดงเจตจำนงทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ สร้างความไว้วางใจ และพัฒนาพรมแดนให้เป็นพื้นที่แห่งสันติภาพและความมั่งคั่ง
และจากการประชุมจีบีซี ที่เกาะกง กัมพูชา เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2568 ได้มีข้อเจรจาและตกลงกันใน 5 ประเด็นสำคัญ คือถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหาร ความร่วมมือปราบแก๊งสแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซนเตอร์ การบริหารกิจการชายแดน โดยประเดิมกรณีบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว และการเปิดผ่านแดนบางจุด เฉพาะรถขนส่งสินค้า
อันดับ 4 แก้ปัญหายาเสพติด / กัญชา (456,038 เอ็นเกจเมนต์)
ทันทีที่อนุทินได้รับเสียงข้างมากให้เป็นนายกฯ สื่อเศรษฐกิจหัวใหญ่จากสหราชอาณาจักร The Financial Times พาดหัวข่าวว่า “ราชากัญชาไทย” ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งทางสมาชิกพรรคภูมิใจไทยได้ออกมาตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริง
ขณะเดียวกันอนุทินเองได้แถลงแนวทางทางนโยบายว่า จะแก้ปัญหายาเสพติด ทำให้กลายเป็นประเด็นจับตาของสาธารณชนว่า นโยบายกัญชาเสรี จะกลับมาอีกหรือไม่ กฎระเบียบต่าง ๆ โดยเฉพาะ ร่างกฎกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การอนุญาตให้ศึกษาวิจัยหรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ที่เกี่ยวข้องกับกัญชานั้น จะเข้าสู่การพิจารณาของครม.ใหม่หรือไม่
อันดับ 5 รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย (152,231 เอ็นเกจเมนต์)
สืบเนื่องจากรัฐบาลเพื่อไทย ได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2568และข้อมูลถึงวันที่ 28 ส.ค. 2568 พบว่ามียอดผู้ลงทะเบียนพร้อมใช้สิทธิรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมากกว่า 2.6 แสนรายแล้ว
ทว่ากฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องนั้นยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา เป็นที่จับตาและถูกพูดถึงอย่างยิ่งว่า รัฐบาลใหม่จะสานต่อหรือไม่ ซึ่งทางด้านอนุทินเองได้ส่งสัญญาณให้ชะลอการพิจารณา เพราะกังวลเรื่องปัญหารัฐขาดทุนและผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลัง
จากยอดเอ็นเกจเมนต์ ที่มีต่อนโยบายต่างๆ ถือได้ว่าเป็นความคาดหวังของประชาชนที่อยากให้รัฐบาลอนุทิน สานต่อบางนโยบายจากรัฐบาลเก่าและทำให้สำเร็จ แม้จะเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ ในระยะเวลา 4 เดือน
นโยบายที่ประชาชนต้องจับตามากขึ้น
ขณะที่ โครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมโยงท่าเรือ 2 แห่ง ระหว่าง ชุมพร – ระนอง ที่พรรคภูมิใจไทย ผลักดันมาตลอด ตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน ๆ ซึ่งมีเอ็นเกจเมนต์เพียง 5,314 เท่านั้น
โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุน 997,680 ล้านบาท และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) สรุปผลการศึกษาว่า มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในการลงทุน (EIRR) คิดเป็น 17.38% และเตรียมการประกวดราคาในปี 2569 หากแต่จะต้องเปลี่ยนพื้นที่ป่าและเกษตร ให้เป็นเขตอุตสาหกรรม เส้นทางคมนาคมระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน และท่าเรือขนาดใหญ่
ขัดแย้งกับการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่ถือว่าไม่คุ้มค่าเพราะทำให้สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ ทั้ง
- พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 12.59 ตารางกิโลเมตร
- เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 0.62 ตารางกิโลเมตร
- พื้นที่ชุ่มน้ำ 1.15 ตารางกิโลเมตร
มากไปกว่านั้นโครงการนี้อาจเอื้อประโยชน์นายทุนต่างชาติ ที่ส่งผลกระทบต่อชาวไทย ทั้งจะทำให้นายทุนต่างชาติได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ไม่ต้องขออนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน และสามารถประกอบธุรกิจที่สงวนไว้เฉพาะชาวไทย เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง อย่างการค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ และธุรกิจที่คนไทยไม่พร้อมแข่งขันกับชาวต่างชาติ
จากยอดเอ็นเกจเมนต์เล็กน้อย ถือได้ว่าเป็นโจทย์ใหญ่ของสื่อมวลชน ประชาชนและภาคประชาสังคมว่าจะต้องขับเคลื่อนร่วมกันอย่างไร เพื่อให้โครงการแลนด์บริดจ์เป็นที่จับตาของสาธารณชนมากขึ้น

TOP 5 นโยบายรัฐบาลเพื่อไทย ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในออนไลน์
จากการวิเคราะห์ผ่าน Zocial Eye นโยบายรัฐบาลเพื่อไทยที่ประชาชนพูดถึงมากที่สุด ติด 5 อันดับแรกของทุกเดือน ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี ที่ผ่านมา ทั้งนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน (22 ส.ค. 2566 – 14 ส.ค. 2567) และแพทองธาร ชินวัตร (16 ส.ค. 2567 – 1 ก.ค. 2568) หากแต่ไม่ใช่ทุกนโยบายที่รัฐบาลทำสำเร็จ ได้แก่
1.นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (31,596,383 เอ็นเกจเมนต์) รัฐบาลมีความตั้งใจจัดตั้ง THACCA ให้เป็นองค์กรตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านต่างๆ อย่าง ศิลปะ แฟชั่น ซีรีส์ กีฬา ให้เป็น ซอฟต์พาวเวอร์ จนคำว่า “ซอฟต์พาวเวอร์” ติดหูติดปากไปแล้ว แต่การผลักดัน THACCA กลับล่าช้าและทำไม่สำเร็จ
- อ่านเพิ่ม ซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)
2.นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต (28,935,007 เอ็นเกจเมนต์) ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายเรือธงกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งแต่หาเสียง แต่เมื่อเป็นรัฐบาลกลับถูกแบ่งเป็นเฟสต่างๆ และถูกชะลออย่างไม่มีกำหนด ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามคาดไว้
- อ่านเพิ่ม ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
3.สมรสเท่าเทียม (18,760,824เอ็นเกจเมนต์) ถือเป็นนโยบายแรกที่ประสบความสำเร็จของรัฐบาล ในอีกมุมหนึ่งถูกมองว่า สมรสเท่าเทียมถูกผลักดันกฎหมายเดินทางมายาวนานแล้วก่อนมีรัฐบาล ไม่มีค่าใช้จ่าย เกิดจากการผลักดันของพรรคการเมืองหลายพรรค กระแสเรียกร้องของสังคม
- อ่านเพิ่ม สมรสเท่าเทียม
4.แก้ปัญหาน้ำ (3,414,773 เอ็นเกจเมนต์) การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลยังไม่ประสบผลสำเร็จ ไม่ว่าจะน้ำท่วม-น้ำแล้ง-สารพิษปนเปื้อนแม่น้ำ สวนทั้งกับความคาดหวังของประชาชน
แม้ว่าคณะรัฐมนตรี จะเห็นชอบแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปีประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)รวม 55,003 รายการ วงเงิน 439,440.77 ล้านบาทก็ตาม
- อ่านเพิ่ม ทรัพยากรน้ำ
5.แก้รัฐธรรมนูญ (3,510,908เอ็นเกจเมนต์) แม้จะเป็นนโยบายที่เพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ หากแต่ในระหว่างเกือบ 2 ปีที่เป็นรัฐบาล ไม่ได้มีท่าทีที่จะดำเนินการอย่างจริงจัง แม้ว่าประชาชนและนักเคลื่อนไหวออกมาเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง
- อ่านเพิ่ม แก้รัฐธรรมนูญ
The Active ขอเชิญชวนประชาชนร่วมติดตามความคืบหน้าและแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายอื่น ๆ ผ่านแพลตฟอร์ม Policy Watch ซึ่งหวังเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ติดตามการทำงานของรัฐบาล และหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อไป
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- Policy Monthly Report เดือน พ.ค.68
- Policy Monthly Report เดือน ต.ค. 67
- Policy Monthly Report เดือน ก.ย. 67
- รัฐบาลเศรษฐา: จากวันแรกสู่วันสุดท้าย โลกออนไลน์พูดถึงนโยบายอะไรบ้าง
- Policy Monthly Report เดือน มิ.ย. 67
- Policy Monthly Report เดือน พ.ค. 67
- Policy Monthly Report เดือน เม.ย. 67
- Policy Monthly Report เดือน มี.ค. 67
- Policy Monthly Report เดือน ก.พ. 67
- Policy Monthly Report เดือน ม.ค. 67