ส่อง 5 นโยบายเด่น รัฐบาล ‘อนุทิน’

แม้ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนใหม่จะยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อสภา แต่ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชนหลังรับสนองพระบรมราชโองการ เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2568 แล้ว ถึงแนวทางนโยบายภายในกรอบเวลา 4 เดือน ว่าจะเร่งแก้ไขปัญหา 4 ด้าน และมีเป้าหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนจะยุบสภาตามที่ตกลงกับพรรคประชาชนไว้ ดังนี้

  1. ปัญหาเศรษฐกิจ ลดรายจ่าย ค่าครองชีพ ค่าพลังงาน ค่าเดินทาง-ขนส่ง แก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกร และผู้มีรายได้น้อย สร้างรายได้ ให้แก่ประชาชนและชุมชนท้องถิ่น
  2. ปัญหาความมั่นคง แก้ปัญหากรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ด้วยสันติภาพ ลดการสูญเสีย ยึดหลักการไม่เสียดินแดน เร่งชดเชยให้กับผู้ประสบภัย ครอบคลุมทุกหลังคาเรือน
  3. ปัญหาภัยธรรมชาติ จัดทำระบบเตือนภัย ป้องกันภัย เยียวยาฟื้นฟู ชดเชยค่าเสียหาย อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที สมเหตุสมผล และเป็นธรรม
  4. ปัญหาภัยสังคม ปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ สแกมเมอร์ การพนัน และการพนันออนไลน์  สร้างความร่วมมือกับเพื่อนบ้านและมิตรประเทศ

นำมาสู่เสียงสะท้อนทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในแต่ละนโยบาย รวมทั้งมีหลายนโยบายที่อยากให้รัฐบาลเฉพาะกิจนี้ช่วยผลักดันในเวลาก่อนยุบสภาฯ โดยผลสำรวจผ่านเครื่องมือ Zocial Eye (หรือ Social Listening ฟังเสียงของผู้คนที่อยู่ในโลกโซเชียลมีเดีย) ระหว่างวันที่ 29 ส.ค. – 11 ก.ย. 2568 นโยบายที่ถูกพูดถึงมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

อันดับ 1 แก้รัฐธรรมนูญ (3,941,969 เอ็นเกจเมนต์)

ถือได้ว่าเป็นเงื่อนไขที่พรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาชน ได้ทำ MOA กันไว้ ซึ่งทางอนุทินได้แถลงว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นไปตามที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไว้ และเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 68 ศาลรัฐธรรมนูญให้รัฐสภามีอำนาจริเริ่มหรือแสดงความต้องการเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ต้องให้ประชาชน ออกเสียงประชามติถึง 3 ครั้ง เพื่อนำไปสู่การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ประชาชนมิอาจเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญได้

อันดับ 2 โครงการคนละครึ่ง (2,616,786 เอ็นเกจเมนต์)

ถือเป็นการรื้อฟื้น โครงการคนละครึ่งของรัฐบาลพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีนโยบายช่วยเหลือประชาชน จากการแพร่ระบาดโควิด –19 หากแต่คนละครึ่งในรัฐบาลอนุทินอาจปรับเกณฑ์ใหม่ ให้ผู้เสียภาษีได้รับสิทธิ์ร่วมจ่ายในอัตราส่วนที่ดีกว่า โดยมีมาตรการคือ

  • กลุ่มประชาชนผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รัฐจะช่วยจ่ายให้ร้อยละ 60% ประชาชนจ่ายเองร้อยละ 40%
  • กลุ่มประชาชนทั่วไป รัฐช่วยจ่ายให้ร้อยละ 50 ประชาชนจ่ายเองร้อยละ 50

โดยยังคงใช้แอปพลิเคชันเดิม “เป๋าตัง” สำหรับประชาชน “ถุงเงิน” สำหรับร้านค้า โดยตั้งเป้าหมายที่จะเริ่มโครงการได้ภายในเดือน ต.ค. 2568

อันดับ 3 แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา (2,023,442 เอ็นเกจเมนต์)

สืบเนื่องจากการปะทะกันทางอาวุธบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงปลายรัฐบาลแพทองธาร กลายเป็นปัญหาความมั่นคงเร่งด่วนที่รัฐบาลอนุทินรับช่วงต่อจากรัฐบาลที่แล้ว แต่ถือว่ามีสัญญาณที่ดีขึ้น

เพราะเมื่ออนุทินได้รับตำแหน่งนายกฯ ทางด้านกัมพูชา นายกฯ ฮุนมาเนตได้ส่งสารมาแสดงความยินดี  และแสดงเจตจำนงทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ สร้างความไว้วางใจ และพัฒนาพรมแดนให้เป็นพื้นที่แห่งสันติภาพและความมั่งคั่ง

และจากการประชุมจีบีซี ที่เกาะกง กัมพูชา เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2568 ได้มีข้อเจรจาและตกลงกันใน 5 ประเด็นสำคัญ คือถอนอาวุธหนักออกจากแนวชายแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหาร ความร่วมมือปราบแก๊งสแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซนเตอร์ การบริหารกิจการชายแดน โดยประเดิมกรณีบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว และการเปิดผ่านแดนบางจุด เฉพาะรถขนส่งสินค้า

อันดับ 4 แก้ปัญหายาเสพติด / กัญชา  (456,038 เอ็นเกจเมนต์)

ทันทีที่อนุทินได้รับเสียงข้างมากให้เป็นนายกฯ สื่อเศรษฐกิจหัวใหญ่จากสหราชอาณาจักร  The Financial Times พาดหัวข่าวว่า “ราชากัญชาไทย” ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งทางสมาชิกพรรคภูมิใจไทยได้ออกมาตอบโต้ว่าไม่เป็นความจริง

ขณะเดียวกันอนุทินเองได้แถลงแนวทางทางนโยบายว่า จะแก้ปัญหายาเสพติด ทำให้กลายเป็นประเด็นจับตาของสาธารณชนว่า นโยบายกัญชาเสรี จะกลับมาอีกหรือไม่ กฎระเบียบต่าง ๆ โดยเฉพาะ ร่างกฎกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การอนุญาตให้ศึกษาวิจัยหรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุมเพื่อการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ.   ที่เกี่ยวข้องกับกัญชานั้น จะเข้าสู่การพิจารณาของครม.ใหม่หรือไม่

อันดับ 5 รถไฟฟ้า 20 บาท ตลอดสาย  (152,231 เอ็นเกจเมนต์)

สืบเนื่องจากรัฐบาลเพื่อไทย ได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2568และข้อมูลถึงวันที่ 28 ส.ค. 2568 พบว่ามียอดผู้ลงทะเบียนพร้อมใช้สิทธิรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมากกว่า 2.6 แสนรายแล้ว

 ทว่ากฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องนั้นยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภา เป็นที่จับตาและถูกพูดถึงอย่างยิ่งว่า รัฐบาลใหม่จะสานต่อหรือไม่ ซึ่งทางด้านอนุทินเองได้ส่งสัญญาณให้ชะลอการพิจารณา เพราะกังวลเรื่องปัญหารัฐขาดทุนและผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลัง

จากยอดเอ็นเกจเมนต์ ที่มีต่อนโยบายต่างๆ ถือได้ว่าเป็นความคาดหวังของประชาชนที่อยากให้รัฐบาลอนุทิน สานต่อบางนโยบายจากรัฐบาลเก่าและทำให้สำเร็จ  แม้จะเป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ ในระยะเวลา 4 เดือน

นโยบายที่ประชาชนต้องจับตามากขึ้น

ขณะที่ โครงการแลนด์บริดจ์ เชื่อมโยงท่าเรือ 2 แห่ง ระหว่าง ชุมพร – ระนอง ที่พรรคภูมิใจไทย ผลักดันมาตลอด ตั้งแต่รัฐบาลชุดก่อน ๆ ซึ่งมีเอ็นเกจเมนต์เพียง 5,314 เท่านั้น

โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุน 997,680 ล้านบาท และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) สรุปผลการศึกษาว่า มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในการลงทุน (EIRR) คิดเป็น 17.38% และเตรียมการประกวดราคาในปี 2569 หากแต่จะต้องเปลี่ยนพื้นที่ป่าและเกษตร ให้เป็นเขตอุตสาหกรรม เส้นทางคมนาคมระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน และท่าเรือขนาดใหญ่

ขัดแย้งกับการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ที่ถือว่าไม่คุ้มค่าเพราะทำให้สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ ทั้ง

  • พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 12.59 ตารางกิโลเมตร
  • เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 0.62 ตารางกิโลเมตร
  • พื้นที่ชุ่มน้ำ 1.15 ตารางกิโลเมตร

มากไปกว่านั้นโครงการนี้อาจเอื้อประโยชน์นายทุนต่างชาติ ที่ส่งผลกระทบต่อชาวไทย ทั้งจะทำให้นายทุนต่างชาติได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ไม่ต้องขออนุญาตตามประมวลกฎหมายที่ดิน  และสามารถประกอบธุรกิจที่สงวนไว้เฉพาะชาวไทย เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง อย่างการค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ และธุรกิจที่คนไทยไม่พร้อมแข่งขันกับชาวต่างชาติ

จากยอดเอ็นเกจเมนต์เล็กน้อย ถือได้ว่าเป็นโจทย์ใหญ่ของสื่อมวลชน ประชาชนและภาคประชาสังคมว่าจะต้องขับเคลื่อนร่วมกันอย่างไร เพื่อให้โครงการแลนด์บริดจ์เป็นที่จับตาของสาธารณชนมากขึ้น  

เพื่อไทย

TOP 5 นโยบายรัฐบาลเพื่อไทย ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในออนไลน์

จากการวิเคราะห์ผ่าน Zocial Eye นโยบายรัฐบาลเพื่อไทยที่ประชาชนพูดถึงมากที่สุด ติด 5 อันดับแรกของทุกเดือน ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปี ที่ผ่านมา ทั้งนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน (22 ส.ค. 2566 – 14 ส.ค. 2567)  และแพทองธาร ชินวัตร (16 ส.ค. 2567 – 1 ก.ค. 2568) หากแต่ไม่ใช่ทุกนโยบายที่รัฐบาลทำสำเร็จ ได้แก่

1.นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (31,596,383 เอ็นเกจเมนต์) รัฐบาลมีความตั้งใจจัดตั้ง THACCA ให้เป็นองค์กรตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านต่างๆ อย่าง ศิลปะ แฟชั่น ซีรีส์ กีฬา ให้เป็น ซอฟต์พาวเวอร์ จนคำว่า “ซอฟต์พาวเวอร์” ติดหูติดปากไปแล้ว แต่การผลักดัน THACCA กลับล่าช้าและทำไม่สำเร็จ

2.นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต (28,935,007 เอ็นเกจเมนต์) ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายเรือธงกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งแต่หาเสียง แต่เมื่อเป็นรัฐบาลกลับถูกแบ่งเป็นเฟสต่างๆ และถูกชะลออย่างไม่มีกำหนด ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามคาดไว้

3.สมรสเท่าเทียม (18,760,824เอ็นเกจเมนต์) ถือเป็นนโยบายแรกที่ประสบความสำเร็จของรัฐบาล ในอีกมุมหนึ่งถูกมองว่า สมรสเท่าเทียมถูกผลักดันกฎหมายเดินทางมายาวนานแล้วก่อนมีรัฐบาล ไม่มีค่าใช้จ่าย เกิดจากการผลักดันของพรรคการเมืองหลายพรรค กระแสเรียกร้องของสังคม

4.แก้ปัญหาน้ำ (3,414,773 เอ็นเกจเมนต์) การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลยังไม่ประสบผลสำเร็จ ไม่ว่าจะน้ำท่วม-น้ำแล้ง-สารพิษปนเปื้อนแม่น้ำ สวนทั้งกับความคาดหวังของประชาชน

แม้ว่าคณะรัฐมนตรี จะเห็นชอบแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปีประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.)รวม 55,003 รายการ วงเงิน 439,440.77 ล้านบาทก็ตาม

5.แก้รัฐธรรมนูญ (3,510,908เอ็นเกจเมนต์) แม้จะเป็นนโยบายที่เพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ หากแต่ในระหว่างเกือบ 2 ปีที่เป็นรัฐบาล ไม่ได้มีท่าทีที่จะดำเนินการอย่างจริงจัง แม้ว่าประชาชนและนักเคลื่อนไหวออกมาเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง

The Active ขอเชิญชวนประชาชนร่วมติดตามความคืบหน้าและแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายอื่น ๆ ผ่านแพลตฟอร์ม Policy Watch ซึ่งหวังเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ติดตามการทำงานของรัฐบาล และหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนต่อไป


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Author

Alternative Text
AUTHOR

ธนธร จิรรุจิเรข

สงสัยว่าตัวเองอยากเป็นนักวิเคราะห์ data ที่เขียนได้นิดหน่อย หรือนักเขียนที่วิเคราะห์ data ได้นิดหน่อยกันแน่

Alternative Text
GRAPHIC DESIGNER

ชญาดา จิรกิตติถาวร

เปรี้ยว ซ่า น่ารัก ไม่กินผัก ไม่กินเผ็ด