เทียบประกาศใช้กฎอัยการศึกไทย-เกาหลีใต้ : ไทยเน้นรัฐประหาร เกาหลีใต้เน้นปราบปรามประท้วง

กลางดึกของวันที่ 3 ธ.ค. 2567 การประกาศใช้กฎอัยการศึกของ ยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ สร้างเสียงฮือฮาและความตกตะลึงไปทั่วโลก โดยยุนได้อ้างเหตุการณ์ภัยคุกคามของกองกำลังคอมมิวนิสต์ของเกาหลีเหนือ และเพื่อกำจัดกลุ่มคนที่ต่อต้านรัฐ นอกจากนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ทศวรรษที่เกาหลีใต้ปัดฝุ่น นำกฎอัยการศึกกลับมาใช้งานหลังจากใช้ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2523 อย่างไรก็ตาม กฎอัยการศึกดังกล่าวถูกยุติอย่างรวดเร็วผ่านกลไกรัฐสภาที่โหวตเสียงข้างมากยับยั้งเป็นเอกฉันท์ ด้วยผู้เข้าร่วมประชุม 190 คน จาก 300 คน

สถานการณ์ดังกล่าวข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ หนึ่งในนั้นพูดว่า “ในขณะที่คนเกาหลีใต้กำลังเสิร์ชหาว่ากฎอัยการศึกคืออะไร คนไทยกลับรู้ดีเพราะเคยพบเจอมาบ่อย” สะท้อนความถี่การประกาศใช้กฎอัยการศึกในบ้านเมืองของเรา ซึ่งเป็นหนึ่งในผลพวงจากการก่อรัฐประหาร

The Active ชวนผู้อ่านสำรวจการประกาศใช้กฎอัยการศึกของทั้งสองประเทศ เริ่มตั้งแต่ปี 2475 หรือปีที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทย ว่าทั้งสองประเทศประกาศกฎอัยการศึกมาก-น้อยแค่ไหน เราอยู่กับเหตุการณ์เหล่านี้มานานเท่าไหร่ และประกาศใช้ด้วยเหตุผลอันใดบ้าง

ไทยใช้กฎอัยการศึก 15 ครั้ง เกินครึ่งเพราะรัฐประหาร

เทียบกับประเทสเกาหลีแล้ว ประเทศไทยมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกที่มากกว่าเกือบเท่าตัว ทั้งหมด 15 ครั้ง หรือประกาศใช้กฎอัยการศึก 1 ครั้งทุก ๆ 6.2 ปี (ตั้งแต่ 2475 ถึง 2567 รวม 93 ปี) โดยแบ่งเป็น

  • ประกาศเพื่อควบคุมสถานการณ์หลังการรัฐประหารทั้งหมด 8 ครั้ง แบ่งเป็นรัฐประหารรัฐบาลอื่น ๆ 7 ครั้ง และการรัฐประหารตัวเอง 1 ครั้ง ในสมัยจอมพลถนอม กิตติขจร
  • ประกาศเพื่อควบคุมเหตุการณ์อื่น ๆ 7 ครั้ง เช่น การปราบกบฏ 2 ครั้ง (กบฏบวรเดช และกบฏแมนฮัตตัน) ยามสงคราม 2 ครั้ง (สงครามอินโดจีน และสงครามเอเชียบูรพา) สถานการณ์ความรุนแรง 2 ครั้ง (ในพื้นที่ชายแดนใต้) การปราบปรามการประท้วง 1 ครั้ง (การประท้วงของกลุ่ม กปปส.)
วันที่ประกาศผู้ประกาศใช้สถานที่ประกาศใช้สาเหตุ
12 ต.ค. 2476พระยาพหลพลพยุหเสนามลฑลกรุงเทพฯ และมลฑลอยุธยากบฏบวรเดช
7 ม.ค. 2484จอมพล ป. พิบูลสงคราม24 จังหวัด (เชียงราย น่าน อุตรดิตถฺ เลย ชัยภูมิ อุดรธานี หนองคาย ขอนแก่น นครพนม ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สกลนคร นครราชสีมา
อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด)
สงครามอินโดจีน
10 ธ.ค. 2484จอมพล ป. พิบูลสงครามทั่วประเทศสงครามเอเชียบูรพา
30 มิ.ย. 2494จอมพล ป. พิบูลสงครามพระนครและธนบุรีกบฏแมนฮัตตัน
16 ก.ย. 2500จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ทั่วประเทศรัฐประหารรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม
20 ต.ค. 2501จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ทั่วประเทศรัฐประหารรัฐบาลพล.อ.ถนอม กิตติขจร
17 พ.ย. 2514จอมพลถนอม กิตติขจรทั่วประเทศรัฐประหารตัวเอง
6 ต.ค. 2519พล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ทั่วประเทศรัฐประหารรัฐบาลม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช (ภายหลังเหตุการณ์สังหารหมู่ 6 ตุลาฯ)
20 ต.ค. 2520พล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ทั่วประเทศรัฐประหารรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร
23 ก.พ. 2534พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ทั่วประเทศรัฐประหารรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
5 ม.ค. 2547พล.ท.พงษ์ศักดิ์ เอกบรรณสิงห์ กองทัพภาคที่ 4
(รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร)
8 อำเภอใน 3 จังหวัดชายแดนใต้สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้
26 ม.ค. 2547พล.ท.พงษ์ศักดิ์ เอกบรรณสิงห์ กองทัพภาคที่ 4
(รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร)
16 อำเภอใน 4 จังหวัดชายแดนใต้สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้
19 ก.ย. 2549พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินทั่วประเทศรัฐประหารรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
20 พ.ค. 2557พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กองทัพบก
(รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร)
ทั่วประเทศปราบปรามการประท้วง (กลุ่ม กปปส.)
22 พ.ค. 2557พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาทั่วประเทศรัฐประหารรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

โดยการประกาศกฎอัยการศึกถูกใช้มากที่สุดในรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม จำนวน 3 ครั้งซึ่งมีสาเหตุมาจากควบคุมเหตุการณ์อื่น ๆ ทั้งหมด รองลงมาคือสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และ พล.ร.อ.สงัด ชะลออยู่ ซึ่งประกาศใช้คนละ 2 ครั้ง และใช้ภายหลังการรัฐประหารทั้งหมด

การประกาศใช้ส่วนใหญ่เป็นการประกาศทั้งประเทศ รวม 10 ครั้ง (จากการรัฐประหาร 8 ครั้ง สงครามเอเชียบูรพา 1 ครั้ง และปราบปรามการประท้วง 1 ครั้ง) และมีการประกาศบางพื้นที่อีก 5 ครั้งตามแล้วแต่สถานที่ที่เกิดเหตุการณ์

เกาหลีใต้ใช้กฎอัยการศึก 10 ครั้ง ครึ่งหนึ่งเพื่อปราบปรามการประท้วง

ในขณะที่เกาหลีใต้ นับตั้งแต่การก่อตั้งสาธารณะรัฐเกาหลีเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2491 มีการใช้กฎอัยการศึกรวมไม่น้อยกว่า 10 ครั้ง หรือประกาศใช้กฎอัยการศึก 1 ครั้งทุก ๆ 7.7 ปี (ตั้งแต่ 2491 ถึง 2567 รวม 77 ปี) โดยแบ่งเป็น

  • ประกาศเพื่อควบคุมสถานการณ์หลังการรัฐประหารทั้งหมด 3 ครั้ง แบ่งเป็นรัฐประหารรัฐบาลอื่น ๆ 2 ครั้ง และการรัฐประหารตัวเอง 1 ครั้ง ในสมัยพัก จองฮี
  • ประกาศเพื่อควบคุมเหตุการณ์อื่น ๆ อีก 7 ครั้ง โดยเป็นการปราบปรามการประท้วง 5 ครั้ง
วันที่ผู้ประกาศใช้สาเหตุ
21 ต.ค. 2491อี ซึงมัน (ซึงมัน รี)ปราบปรามการประท้วง (นำโดยคอมมิวนิสต์บนเกาะเชจู)
2493 – 2495อี ซึงมัน (ซึงมัน รี)สงครามเกาหลี
19 เม.ย. 2503อี ซึงมัน (ซึงมัน รี)ปราบปรามการประท้วง (การปฏิวัติ 19 เม.ย.)
16 พ.ค. 2504พัค จองฮีรัฐประหาร
3 มิ.ย. 2507พัค จองฮีปราบปรามการประท้วง (ขบวนการต่อต้านการเจรจาเกาหลี-ญี่ปุ่น)
17 ต.ค. 2515พัค จองฮีรัฐประหารตัวเอง
26 ต.ค. 2522ชเว คิวฮา (รักษาการ ปธน.)เหตุการณ์ลอบสังหาร ปธน. พัก จองฮี
12 ธ.ค. 2522ชุน ดูฮวานรัฐประหาร
17 พ.ค. 2523ชุน ดูฮวานปราบปรามการประท้วง (การสังหารหมู่ที่ควังจู)
3 ธ.ค. 2567ยุน ซอกยอลอ้างสถานการณ์ความไม่สงบ ปกป้องจากภัยคุกคามของกองกำลังคอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ กำจัดกลุ่มต่อต้านรัฐ

การใช้กฎอัยการศึกของเกาหลีใต้ส่วนใหญ่มาจากฝั่งเผด็จการทหาร (ได้แก่ อี ซึงมัน, พัก จองฮี และชุน ดูฮวาน) ใช้ เพื่อปราบปรามการประท้วงและเพื่อควบคุมสถานการณ์หลังการรัฐประหารโดยเฉพาะ

ล่าสุดคือการประกาศใช้ของ ปธน. ยุน ซอกยอล ซึ่งถือเป็นปธน. จากการเลือกตั้งคนแรกที่ใช้กฎอัยการศึกและเว้นห่างจากการใช้ในครั้งก่อนหน้าถึง 44 ปี แม้ว่าจะอ้างถึงสถานการณ์ความไม่สงบจากภัยคอมมิวนิสต์ แต่ฝ่ายค้านของเกาหลีใต้กลับมองว่าการประกาศดังกล่าวเป็น “การรัฐประหารโดยพฤตินัย” และรัฐสภาทำการโหวตเพื่อยกเลิกกฎอัยการศึกภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง สะท้อนให้เห็นกลไกการถ่วงดุลอำนาจที่แข็งแรง และความเข้มแข็งของ สส. และประชาชนในการหยุดกระบวนการใด ๆ ก็ตามที่ขัดขวางประชาธิปไตยในเกาหลีใต้

เทียบกฎอัยการศึกไทย-เกาหลีใต้ ต่างที่อำนาจยกเลิก

โดยรวมเนื้อหาของกฎอัยการศึกทั้งสองประเทศมีสาระสำคัญที่คล้ายคลึงกัน โดยประกาศใช้เมื่อมีเหตุรุนแรง เช่น สงคราม จลาจล เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย โดยให้อำนาจเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารในการระงับหรือยับยั้งเหตุ สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือประเทศเกาหลีใต้มีกลไกที่ช่วยถ่วงดุลและตรวจสอบว่า ฝ่ายบริหารใช้กฎอัยการศึกชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ผ่านการโหวตยกเลิกในรัฐสภา ในขณะที่ประเทศไทยไม่ได้มีกลไกถ่วงดุลตรงนี้

ไทยเกาหลีใต้
สาเหตุการประกาศเมื่อมีเหตุจำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยเมื่อมีความจำเป็นทางทหาร รักษาความมั่นคงสาธารณะและความสงบเรียบร้อย
ประกาศเมื่อเมื่อมีภัยจากภายนอกหรือภายในราชอาณาจักร มีสงคราม หรือจลาจลเมื่อมีสงคราม หรือความไม่สงบเรียบร้อยในสังคมอย่างร้ายแรง ซึ่งขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่บริหารและตุลาการของรัฐ
ผู้ประกาศใช้– ประกาศพระบรมราชโองการ
– ผู้บังคับบัญชาทหาร (ประกาศแล้วต้องรีบรายงานให้รัฐบาลทราบ)
ประธานาธิบดี (ประกาศแล้วต้องรีบรายงานให้รัฐสภาทราบ)
ยับยั้ง / ยกเลิกประกาศพระบรมราชโองการสมาชิกรัฐสภาโหวตยกเลิกด้วยคะแนนเสียงข้างมาก และประธานาธิบดีประกาศยกเลิก
ตัวอย่างอำนาจ– จนท.ทหาร มีอำนาจเหนือ จนท.พลเรือน
– จนท.ทหารมีอำนาจตรวจค้น ยึด
– กักตัวบุคคลที่สงสัยได้ 7 วันโดยไม่ต้องขออำนาจศาล
– ศาลทหารพิจารณาพิพากษาคดีอาญา
– กำหนดมาตรการพิเศษเพื่อจับกุม กักขัง ควบคุมสื่อ ห้ามรวมตัว
– การจำกัดอำนาจของฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ
– ศาลทหารมีอำนาจพิพากษาเบ็ดเสร็จ

เสนอไทยทบทวน รัฐสภาควรมีอำนาจถ่วงดุลเช่นกัน

วันที่ 4 ธ.ค. 2567 ภายหลังเหตุการณ์การประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้ รังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน สะท้อนปรากฏการณ์ดังกล่าว เสนอให้สร้างความเข้มแข็งของประชาธิปไตยไทยผ่านกลไกต่าง ๆ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปรับปรุงกฎอัยการศึกที่ให้อำนาจนายทหารระดับสูง รวมไปถึง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ควรมีอำนาจถ่วงดุลผ่านรัฐสภา เปิดให้รัฐสภาตรวจสอบการใช้อำนาจของฝ่ายบริหารได้

รังสิมันต์ ระบุว่า พรรคประชาชนมีการยื่นแก้ไขร่างกฎหมายไว้ เช่น ร่าง พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน ปรับปรุงแก้ไขให้อำนาจรัฐสภาเกี่ยวกับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยให้อำนาจฝ่ายบริหาร 7 วัน หากมากกว่านั้นต้องขออนุญาตจากรัฐสภาพร้อมชี้แจงแผนวิธีการ

“จะเห็นว่าบทบาทของรัฐสภา (เกาหลีใต้) มีความเข้มแข็งอย่างมาก คิดว่าเรื่องนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ไทยจะนำมาทบทวนถึงกลไกภายใน ต้องยอมรับความจริงว่าประเทศของเรามีการรัฐประหารบ่อยครั้ง … ดังนั้นควรใช้โอกาสนี้ทบทวนตัวเอง”

รังสิมันต์ โรม

อ้างอิง

Author

Alternative Text
AUTHOR

ธนธร จิรรุจิเรข

สงสัยว่าตัวเองอยากเป็นนักวิเคราะห์ data ที่เขียนได้นิดหน่อย หรือนักเขียนที่วิเคราะห์ data ได้นิดหน่อยกันแน่

Alternative Text
GRAPHIC DESIGNER

ชญาดา จิรกิตติถาวร

เปรี้ยว ซ่า น่ารัก ไม่กินผัก ไม่กินเผ็ด