แก้พิษ ‘สารหนู’ เปื้อนน้ำกก ใคร..ทำอะไร…ถึงไหนแล้ว ?

แม่น้ำกก ที่เคยใสสะอาด หล่อเลี้ยงชีวิตชาวบ้านตลอดสองฝั่งแม่น้ำมานานแสนนาน แต่ปัจจุบันสายน้ำแห่งนี้กำลังมีปัญหาหนัก หลังการตรวจพบ สารหนู เกินค่ามาตรฐานเป็นเท่าตัว กลายเป็นข่าวใหญ่ตลอดช่วงหลายเดือนมานี้ และไม่เฉพาะแค่คนเชียงรายเท่านั้น แต่ที่น่ากังวลหนักกว่า เพราะแม่น้ำกกไม่ได้ไหลผ่านแค่บ้านเรา แต่ไหลต่อไปถึง แม่น้ำโขง ที่หล่อเลี้ยงผู้คนในภูมิภาคนี้  

สารพิษ โลหะหนักปนเปื้อนในลำน้ำ ดูเหมือนเป็นปมปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น เพราะจุดต้นกำเนิดมลพิษไม่ได้เกิดแค่จากกิจกรรมในประเทศไทย แต่มีความเกี่ยวโยงกับ เหมืองทองคำในรัฐฉาน เมียนมา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์จากที่ดินในพื้นที่ต้นน้ำ นำมาซึ่งผลกระทบต่อทั้งแม่น้ำกก และแม่น้ำสาย อย่างไม่ต้องสงสัย

กระแสข่าวการพบสารหนูปนเปื้อนน้ำกก ที่เกิดขึ้นมาในช่วงเดือนมีนาคม 2568 จนถึงเวลานี้ผ่านมากว่า 3 เดือนแล้ว การแก้ไขปัญหาทำกันไปถึงไหน ? The Active ชวนติดตามไปพร้อมกัน

เหมือง

1. การตรวจสอบสารปนเปื้อน – กำลังติดตามอย่างใกล้ชิด ?

ตอนนี้หลายหน่วยงานที่มีหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบ กำลังเก็บตัวอย่างซ้ำทั้งในน้ำ ตะกอนดิน พืช ปลา และแม้กระทั่งปัสสาวะของชาวบ้านริมน้ำกก จากผลที่ออกมาแล้ว พบว่า น้ำในแม่น้ำกก อยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม มีสารหนูเกินกว่าเท่าตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก! 

ตะกอนดินก็ไม่ค่อยดี พบ สารหนูสูงถึง 33 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งไม่ปลอดภัยต่อสัตว์หน้าดิน ส่วนปลา แม้จะพบสารหนูไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่ก็มีถึง 0.13 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งก็ไม่น่าสบายใจนักเช่นกัน

เรื่องดีอย่างเดียวในตอนนี้ คือ ผลตรวจปัสสาวะประชาชนในพื้นที่ ยังไม่พบสารหนูเกินค่ามาตรฐาน แต่ก็ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะสารพิษบางอย่างอาจสะสมได้นานกว่าจะแสดงอาการ

2. การเจรจากับประเทศต้นน้ำ – ยังไม่คืบหน้า!

ต้นเหตุสำคัญของปัญหานี้มาจากเหมืองทองคำ ในรัฐฉาน เมียนมา และยังมีกิจกรรมต้นน้ำฝั่งจีนด้วย แต่น่าเสียดายที่การเจรจากับทั้ง 2 ประเทศ ยังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ กลุ่มรักษ์เชียงของ, มูลนิธิบูรณะนิเวศ และ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ ได้เสนอให้เร่งดำเนินการเรื่องนี้ 

ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศ และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็ยังไร้การเจรจาอย่างเป็นทางการ ทำให้ปัญหายังคงอยู่ และอาจจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุ

3. ระบบติดตามคุณภาพน้ำ – มีคำสั่งแล้ว แต่ข้อมูลยังกระจัดกระจาย!

มีความคืบหน้าบ้างในเรื่องนี้เมื่อ ผู้ว่าฯ เชียงราย มีคำสั่งให้สร้างระบบติดตามคุณภาพน้ำระยะยาวแล้ว แต่การรายงานผลยังกระจัดกระจาย ไม่เป็นระบบ ชาวบ้านจึงยังเข้าถึงข้อมูลได้ยาก 

การทำงานร่วมกันระหว่าง กรมควบคุมมลพิษ, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ เครือข่ายมหาวิทยาลัย ยังไม่ราบรื่นเท่าที่ควร ทำให้ข้อมูลไม่ถูกเผยแพร่อย่างทั่วถึง ชาวบ้านอยากรู้ว่า น้ำวันนี้ปลอดภัยไหม ? ก็ยังหาคำตอบได้ยาก

4. การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ – อยู่ระหว่างสำรวจ ?

สำหรับการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทั้งด้านสุขภาพ และเศรษฐกิจยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น คือกำลังสำรวจว่าใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังไม่มีแผนเยียวยาที่ชัดเจน

ชาวบ้านที่หากินกับแม่น้ำกก หลายคนบอกว่า รายได้ลดลง เพราะคนกลัวไม่กล้าซื้อปลา หรือพืชผักที่ปลูกริมน้ำ แต่ยังไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และ อบจ.เชียงราย ต้องเร่งหาทางช่วยเหลือให้เร็วกว่านี้

พื้นที่ทำเหมืองทองในรัฐฉาน เมียนมา

5. การควบคุมกิจกรรมต้นน้ำ – ยังไม่มีแผนชัดเจน ?

การยกระดับควบคุมการทำเหมือง และกิจกรรมต้นน้ำฝั่งเมียนมา ยังไม่มีแผนงานที่ชัดเจน แม้มูลนิธิบูรณะนิเวศ และองค์กรแม่น้ำนานาชาติ จะพยายามผลักดัน แต่ กระทรวงกลาโหม และฝ่ายความมั่นคงยังไม่มีความเคลื่อนไหว

ปัญหานี้ยากเพราะเกี่ยวข้องกับความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แถมพื้นที่ต้นน้ำฝั่งเมียนมายังมีความขัดแย้งทางการเมืองอีก แต่ถ้าไม่แก้ที่ต้นเหตุ น้ำกกก็จะยังคงมีปัญหาต่อไป

6. การสร้างพื้นที่คุ้มครองพิเศษ – อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล ?

แนวคิดที่จะให้แม่น้ำกก และแม่น้ำสายเป็นพื้นที่คุ้มครองพิเศษ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลสนับสนุน โดยองค์กรแม่น้ำนานาชาติ ได้เสนอความคิดนี้ให้กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ

นอกจากนี้ไทยอาจต้องผลักดัน “หลักความรับผิดชอบนอกอาณาเขต” (Extra-territorial Obligation – ETO) เพื่อสร้างมาตรฐานสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนในระดับภูมิภาคลุ่มน้ำโขง

ถ้าทำสำเร็จ จะช่วยให้แม่น้ำกกได้รับการดูแลเป็นพิเศษ มีการควบคุมกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดมลพิษได้เข้มงวดขึ้น แต่ต้องใช้เวลาและหลักฐานทางวิชาการมาสนับสนุนอีกมาก

7. ฝายดักตะกอนโลหะหนัก – นักวิชาการค้าน ยังไม่คืบหน้า!

ความคิดที่จะสร้างฝายดักตะกอนโลหะหนัก ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะมีข้อท้วงติงจากนักวิชาการหลายคน บางคนเห็นว่า อาจไม่ได้แก้ปัญหาที่แท้จริง และอาจสร้างปัญหาใหม่ เช่น กีดขวางการไหลของน้ำ หรือทำให้เกิดการสะสมของสารพิษในบริเวณฝาย

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและจังหวัดเชียงราย ต้องหาข้อสรุปให้ได้ว่าจะทำหรือไม่ทำ โดยต้องดูหลักฐานทางวิชาการให้รอบด้าน

ทั้ง 7 ประเด็นที่เรารวบรวมมา คือข้อเสนอจากหลายฝ่ายเพื่อเดินหน้าแก้ไขปัญหามลพิษปนเปื้อนแม่น้ำกก ซึ่งมีเพียงการตรวจสอบสารปนเปื้อน และการตั้งระบบติดตามคุณภาพน้ำเท่านั้นที่มีความคืบหน้าอยู่บ้าง ส่วนเรื่องอื่น ๆ แทบไม่มีอะไรคืบหน้าเลย

ขณะที่ผลการตรวจสอบล่าสุดก็น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในน้ำ และตะกอนดินที่พบสารหนูเกินมาตรฐาน ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมน้ำกกยังต้องระมัดระวังการใช้น้ำ และการบริโภคปลา หรือพืชที่มาจากแม่น้ำ

ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องเร่งแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ตรวจสอบแล้วปล่อยให้เวลาผ่านไป เพราะแม่น้ำกก เป็นเส้นเลือดสายสำคัญของคนเชียงราย หากปล่อยให้ปัญหาลุกลามต่อไป ผลกระทบจะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งต่อสุขภาพ และวิถีชีวิตของผู้คนตลอดลำน้ำ​​​​​​​​​​​​​​​​ รวมถึงผู้คนอีกหลายประเทศในภูมิภาคนี้ก็อาจได้รับผลกระทบไม่ต่างกัน

Author

Alternative Text
AUTHOR

วชิร​วิทย์​ เลิศบำรุงชัย

ผู้สื่อข่าวสาธารณสุข ThaiPBS