ผู้ประกอบการ กังวล โควิด-19 ระบาดซ้ำ ดึง ศก. แย่กว่าเดิม แนะรัฐตั้งกองทุนเยียวยา ด้านนายกฯ เมืองป่าตอง หนุนเปิดเมืองปลอดภัย
จากกรณีรัฐบาลเตรียมนำร่องเปิดประเทศ ที่จังหวัดภูเก็ต หรือ ‘ภูเก็ตโมเดล’ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยหวังกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เริ่มวันที่ 1 ต.ค. นี้ ล่าสุด กลุ่มภาคประชาสังคม Phuket For All ซึ่งมีทั้งประชาชนและนักธุรกิจในพื้นที่ ต่างแสดงความคิดเห็นและตั้งคำถามถึงความพร้อมของมาตรการรองรับการเปิดประเทศตามโมเดลดังกล่าว
‘ปรีชา ใจอาจ’ ตัวแทนกลุ่ม Phuket For All ผู้ประกอบการภาคเอกชน กล่าวว่า เห็นด้วยที่รัฐบาลจะนำร่องเปิดประเทศที่จังหวัดภูเก็ต แต่ก็มีคำถามว่าหากเกิดระบาดซ้ำ จะมีแผนรองรับอย่างไร โดยเฉพาะแนวทาง 5T ที่รัฐบาลประกาศออกมาว่ามาตรการเปิดเมืองปลอดภัย แต่ยังไม่มีใครพูดถึงแผนรองรับ หากมีผู้ติดโควิด-19 เล็ดลอดออกจากสถานที่กักกันโรค โดยหากต้องล็อกดาวน์บางพื้นที่จะสร้างผลกระทบให้กับผู้ประกอบการรายย่อย
“เมื่อครั้งโควิดระบาดรอบแรกที่ภูเก็ต เอกชน ท้องถิ่นต้องช่วยเหลือตัวเอง และภาครัฐไม่ได้ลงมาดูแลเยียวยาอย่างจริงจัง มีการการล็อกดาวน์ทั้งจังหวัดส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง หากมีการระบาดซ้ำหลังเปิดรับนักท่องเที่ยว ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ”
นายปรีชา ยังเห็นด้วยว่าภูเก็ตโมเดลในระยะสั้น จะมีกลุ่มโรงแรมขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นสถานที่กักตัวทางเลือก ที่ได้รับประโยชน์ แต่ว่ารายย่อย ร้านค้าทั่วไป แท็กซี่รายวัน รถเช่า กรุ๊ปทัวร์ และอุตสาหกรรมในห่วงโซ่การท่องเที่ยวต่าง ๆ รอบนอกจะยังไม่ได้รับมากนัก หากจะแก้ปัญหาให้ตรงจุดคือต้องเร่งเยียวยา ผู้ประกอบการรายย่อยที่กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้สิน ที่หลายแห่งเริ่มปิดกิจการ บางแห่งก็มีนายทุนต่างชาติเข้ากว้านซื้อ ซึ่งจะกระทบกับการพัฒนาเศรษฐกิจภูเก็ตในระยะยาว
ขณะที่ ‘อมร อินทรเจริญ’ ผู้ประกอบการธุรกิจด้านเครื่องประดับจากไข่มุกและมีฟาร์มหอยไข่มุก ระบุว่ส ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยตรง ไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อสินค้า ปัจจุบันปรับตัวขายสินค้าในรูปแบบออนไลน์แทน
“การปรับตัวครั้งนี้มีบทเรียนที่ได้จากวิกฤตสึนามิ เมื่อปี 2547 ที่ทำให้ต้องคิดแผน 1 แผน 2 รองรับเอาไว้เสมอ เมื่อเกิดวิกฤตโควิดก็ยังมีแผนสองไว้รองรับ”
นายอมร บอกว่ารัฐบาลควรตั้งกองทุนเยียวยาผู้ประกอบการ SMEs ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตที่ได้รับผลกระทบ โดยในแต่ละปีจังหวัดภูเก็ตสามารถเก็บภาษีที่ได้จากการท่องเที่ยวมากกว่า 4 แสนล้านบาท หากนำเงินส่วนนี้แบ่งออกมาร้อยละ 10-20 ตั้งเป็นกองทุนเยียวยาก็จะช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบได้
และอีกมาตรการสำคัญอยากให้มีการพักชำระหนี้ ส่งเสริมมาตรการลดหย่อนภาษีต่าง ๆ ในพื้นที่ รวมถึงอาจจะให้หาดป่าตองเปิดตลอด 24 ชั่วโมง จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย อย่างจริงจัง
ด้าน ‘วิทยา วงศ์วิเชียรกุล’ เลขาธิการหอการค้ากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน กล่าวว่า สัดส่วนนักท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เป็นคนไทยเพียงร้อยละ 13 ที่เหลือเป็นชาวต่างชาติ แต่จำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เป็นส่วนน้อย ก็สามารถเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวให้มากขึ้นหากรัฐมีมาตรการส่งเสริมต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน กรณีสินเชื่อฉุกเฉิน หรือ Soft loan ผู้ประกอบการส่วนใหญ่สะท้อนปัญหาว่าธนาคารไม่ได้อนุมัติปล่อยกู้ เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีประวัติค้างชำระหนี้ ราว 1-3 เดือน ธนาคารอาจเกิดความกังวลว่าจะเกิดหนี้เสีย จึงเห็นสอดคล้องว่ารัฐควรจะตั้งกองทุนเยียวยาผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ
สำหรับการลงพื้นที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในวันที่ 4-6 ก.ย. นี้ ในนามหอการค้าอันดามัน และกลุ่มภาคประชาชน Phuket For All ก็จะเข้าพบ เพื่อหารือถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภูเก็ตที่ตรงจุดและปลอดภัยกับประชาชนภูเก็ต อย่างรอบด้านด้วย
“หาดป่าตอง” เปลี่ยนโฉม รับ “ไทยเที่ยวไทย“
‘เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์’ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวว่า การเปิดเมืองนั้น อย่างไรก็ต้องเปิด แต่เปิดอย่างไรจึงจะปลอดภัย มาตรการที่วางไว้จะบังคับใช้ได้มากน้อยแค่ไหน นักท่องเที่ยวที่เข้าในโรงแรมกักตัวทางเลือกจะเล็ดลอดออกมาหรือไม่ เชื่อว่าช่วงแรกของโมเดลเปิดเมืองภูเก็ต อาจจะยังไม่ส่งผลต่อรายย่อย แต่อย่างน้อยพนักงานที่ทำงานในโรงแรมขนาดใหญ่ก็ได้ผลประโยชน์ตามไปด้วย และหลังจากพ้นช่วงกักตัว 14 นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็จะออกมาใช้จ่ายรอบ ๆ ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียน อาจต้องใช้เวลาหน่อยแต่อย่างไรก็ต้องเริ่มเปิดเมือง เพื่อทดลองระบบการป้องกันโรค
สำหรับการปรับตัวในช่วงที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหายไป เทศบาลมีการจัดกิจกรรม “หรอย ริม เล” ซึ่งจัดมา 3 ครั้ง ได้รับการตอบรับดีมาก
“เรายอมรับว่าที่ผ่านมา หาดป่าตองมีแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้า แม่ค้าอยู่รอด จึงต้องปรับตัวเปลี่ยนโฉมให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น เพื่อดึงดูดคนไทยให้มาท่องเที่ยว โดยหลังจากที่ประสบความสำเร็จก็วางแผนจะจัดอีเว้นท์ทุกอาทิตย์ เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจฐานราก”