“ภูเก็ต” เตรียมทีมสอบสวนโรค รับมือเปิดเมือง

สสจ.ภูเก็ต เร่งส่งทีมประเมินความพร้อมรับ ‘ภูเก็ตโมเดล’ เตรียม ICU 20 ห้องรับผู้ป่วยหนัก พร้อมดึง อสม. ทุกตำบลร่วมทีมสอบสวนโรค

วันนี้ (31​ ส.ค.​ 2563)​ นพ.ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุข จ.ภูเก็ต​ เปิดเผย​ถึงการเตรียมความพร้อมหลังรัฐบาลมีมาตรการนำร่องเปิดเมืองที่จังหวัดภูเก็ต ว่ามีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน หรือ EOC​ ที่มีหัวหน้าหน่วยราชการช่วยกันดู ประเมินสถานการณ์​ เฝ้าระวัง​ และออกมาตรการรองรับหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

เพื่อเตรียมความพร้อมนำร่อง​ ภูเก็ตโมเดล ที่จะต้องรองรับชาวต่างชาติเข้ามากักตัวภายในจังหวัด ล่าสุดมีโรงแรมที่เข้าโครงการสถานกักกันโรคทางเลือก​ หรือ ALSQ มากกว่า 60 โรงแรม แต่ที่สมัครเข้ามา ปัจจุบัน​มี 2 โรงแรมที่ผ่านการประเมิน​ตามเกณฑ์มาตรฐาน คือโรงแรมอนันตรา และโรงแรมตรีสรา​ซึ่งมีห้องรวมกันทั้งหมด 75 ห้อง ขณะเดียวกันถ้าจะรับนักท่องเที่ยวเพิ่มก็จะต้องมีจำนวนห้องและโรงแรมที่ใช้เป็น​ ALSQ​เพิ่มมากขึ้น

นพ.ธนิศ ยังบอกอีกว่า จังหวัด​ได้ส่งทีมไปประเมินความพร้อมและตรวจสอบ แต่ปัญหาจะอยู่ที่เมื่อ​ ALSQ​ มากขึ้นก็จะต้องเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลที่จะต้องเข้าไปดูแลเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีโรงพยาบาลอยู่ 9 แห่ง อาจไม่เพียงพอ แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายว่าจะต้องเพิ่มบุคลากร​เข้ามาดูแลส่วนนี้หรือไม่

ส่วนทรัพยากรด้านสาธารณสุขโดยพื้นฐานแล้วจังหวัดภูเก็ตมีโรงพยาบาล 9 แห่ง มีห้องเตียงผู้ป่วยหนักหรือ ICU ประมาณ​ 20 ห้อง ประเมินคร่าว ๆ ก็จะมีเตียงรองรับผู้ป่วยโควิดทั่วไปประมาณ 400 เตียง

“โดยหากฉุกเฉินจริง ๆ ก็สามารถจัดตั้งโรงพยาบาลสนามซึ่งมีเตียงรองรับมากกว่า 100 เตียงได้ จึงไม่อยากให้ประชาชนต้องวิตกกังวลเพราะ​โควิดรอบก่อน​ ภูเก็ตมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 200 เคส​ สามารถดูแลและควบคุมได้เป็นอย่างดี จึงมีประสบการณ์รับมือ”

ดึง อสม. ร่วมทีมระบาดวิทยา​ เข้าถึงทุกครัวเรือน​

นพ.ธนิศ​ กล่าวอีกว่า อีกมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่สำคัญก็คือทีมสอบสวนโรค​ หรือทีมระบาดวิทยา​ ปัจจุบันจังหวัดภูเก็ตมีทีมสอบสวนโรค​ ประจำอยู่ทุก รพ.สต. ทั้ง 18 ตำบล​ ทีมประจำอำเภออีก 3 ทีม​ รวมทั้งทีมประจำจังหวัดอีก​ 1​ ทีม รวมเป็น 21 ทีม​ มีความพร้อมรองรับการนำร่องเปิดเมืองในเดือนตุลาคมนี้​ ซึ่งหัวใจของการควบคุม​โรค​ ตามหลักการระบาดวิทยา​ คือ เมื่อมีผู้ติดเชื้อจะต้องเร่งสอบสวนโรค เปิดเผยไทม์ไลน์การติดเชื้อและการเดินทาง ว่าผู้ป่วยไปที่ไหนมาบ้าง ติดจากไปที่​ไหน​ ไปพบใครบ้าง​ เพื่อตามหาผู้ใกล้ชิด​ ตรวจเชื้อและผู้ป่วยเชิงรุกเพื่อไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดออกไป

ด้าน​ ศุภกร​ ชื่นรอด​ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ​ ทีมสอบสวนโรค​ รพ.สต.เกาะแก้ว อ​เมือง จ.ภูเก็ต​ กล่าวว่า​ สำหรับทีมสอบสวนโรคที่มีอยู่ทุกตำบลนั้นเตรียมความพร้อมมาก่อนที่จะเกิดโควิดแล้ว​ โดยเฉพาะการควบคุมโรคไข้เลือดออก ซึ่งภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ฝนชุก​ ไข้เลือดออกที่ยุงลายเป็นพาหะจึงระบาดมาก โดยหากมีผู้ป่วย 1 รายเป็นไข้เลือดออก​ ทีมสอบสวนโรค จะลงไปตรวจสอบทันทีว่าโดนยุงที่ไหนกัด​ และส่งทีมเทศบาลไปฉีดยาพ่น ส่ง อสม. ลงไปให้ความรู้กับประชาชนในละแวกนั้นเพื่อกำจัดลูกน้ำยุงลายจากโมเดลดังกล่าว จากการทำงานสืบสวนโรค ทำให้เมื่อเกิดวิกฤตโควิด​ ก็ใช้หลักการเดียวกันในการสืบสวนโรค​ คือค้นหาสาเหตุและต้นตอของโรคให้เจอ เพื่อที่จะไปควบคุมโรคระบาด

“ผมที่ได้รับการอบรมงานระบาดวิทยาเพื่อที่จะมาใช้ในทีมสอบสวนโรคระดับตำบล​เกาะแก้ว ก็รู้สึกว่าการสืบสวนโรค​ มีความสำคัญมาก ๆ ในการช่วยควบคุมโรค​ และหลังจากที่มีการเปิดเมือง​ ทีมสอบสวนโรคจะต้องทำงานหนักมากขึ้น”

ด้าน ธนวรรณ​ เอกทวีวัฒนเดช​ ประธาน​ อสม.​ หมู่​ ต.เกาะแก้ว​ อ.เมือง​ จ.ภูเก็ต​ บอกว่า​ โควิด-19 รอบแรกก็ถูกสั่งให้ลงพื้นที่ไปสอบสวนโรคพร้อมกับนักระบาดวิทยา ประจำรพ.สต.โดยอาศัยความที่ว่าตนรู้จักกับชาวบ้านทุกครัวเรือนสามารถเข้าถึงได้ทุกบ้าน จึงเป็นประโยชน์ในการสอบสวนโรค

“ช่วงแรก ๆ ที่มีคนไทยกลับจากต่างประเทศ​ ให้กักตัวที่บ้าน​ จะต้องมาติดตามดูว่าบ้านไหน มีคนที่กลับมาจากต่างประเทศ บ้านไหนที่มีคนเข้าข่ายอาการกลุ่มเสี่ยง ก็ต้องรายงานกลับไปที่ รพ.สต. เพื่อเฝ้าระวัง”

นาง​ธนวรรณ​ ยังบอกอีกว่า​ แม้จะเป็นงานจิตอาสาแต่ก็พร้อมที่จะทำงานนี้เพื่อให้ชุมชนปลอดจากผู้ติดเชื้อโควิด-19​ โดยหากจังหวัดภูเก็ตเริ่มนำร่องเปิดประเทศจริง​ อสม. ก็น่าจะต้องทำงานหนักมากขึ้นเช่นกัน

Author

Alternative Text
AUTHOR

วชิร​วิทย์​ เลิศบำรุงชัย

ผู้สื่อข่าวสาธารณสุข ThaiPBS