ยุติการติดต่อกันชั่วคราว แม้เป็นเครือญาติกัน ด้าน ‘อนุทิน’ สั่งยกระดับชายแดน มอบ อสม. เฝ้าระวังผู้ที่เดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่
วันนี้ (8 ธ.ค. 2563) ที่หมู่บ้านจะลอ ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ‘วุฒิชัย วิบูลพันธุ์ทิพย์’ ผู้ใหญ่บ้าน ม.10 กล่าวว่าหมู่บ้านนี้ มีพรมแดนอยู่ติดกับหมู่บ้านผ้าขาว รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง บางจุดเดินข้ามมาได้โดยไม่เครื่องขวางกั้น
โดยทั้ง 2 ชุมชนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์อ่าข่า มีความสัมพันธ์ลักษณะเครือญาติ ข้ามไปมาหาสู่โดยตลอด แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ทั้ง 2 ชุมชนต้องยุติการติดต่อกันชั่วคราว โดยไม่รู้ว่าโรคระบาดจะจบลงเมื่อไหร่
“เด็ก ๆ หมู่บ้านผ้าขาว เมียนมา ก็มาเรียนที่โรงเรียน ตชด. ฝั่งไทย ใช้ระบบสาธารณสุขของไทย ร่วมประเพณีเดียวกัน แต่หลังจากเกิดโรคระบาดต้องยอมขาดการติดต่อชั่วคราว โดยมีการเจรจาระหว่างผู้นำชุมชนทั้ง 2 แห่งเพื่อป้องกันโรค ก็รู้สึกสงสารเหมือนกันที่พี่น้องไม่สามารถข้ามเข้ามาได้ในช่วงนี้”
ด้าน ‘โสภา วิบูลโอฬาร’ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านจะลอ จ.เชียงราย (อสม.) กล่าวว่า บทบาทของ อสม. ในหมู่บ้านชายแดนดูหนักกว่าที่อื่น มีการจัดเวรยามเฝ้าระวังบุคคลเข้าออกหมู่บ้าน ตรวจวัดไข้และให้เจลล้างมือ เข้มงวดการใส่หน้ากากอนามัย 100% ในหมู่บ้านต้องเดินเคาะประตูบ้านทุกหลัง สำรวจคนแปลกหน้าและดูอาการทั่วไปของทุกคน
เธอกล่าวอีกว่า มากกว่าเบี้ยเลี้ยงที่ได้รับ คือ ความอุ่นใจว่าหมู่บ้านจะปลอดเชื้อ ทั้งนี้ บริเวณแนวตะเข็บชายแดนทั้ง อ.แม่ฟ้าหลวง และ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 130 กิโลเมตร มีกลุ่มชาติพันธุ์ตั้งหมู่บ้านเกือบร้อยแห่ง ที่ต้องเฝ้าระวังในรูปแบบเดียวกัน
ด้าน ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ ได้สั่งการให้ดำเนินการ ดังนี้
- ประสานฝ่ายความมั่นคง ยกระดับการเฝ้าระวังตามแนวชายแดน ทั้งช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศและช่องทางธรรมชาติ
- เปิดช่องทางพิเศษรับคนไทยกลับจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ให้ด่านฯ สามารถอนุญาตให้เข้ามาได้เลย
- ให้ อสม. เฝ้าระวังผู้ที่เดินทางกลับเข้ามาอยู่ในพื้นที่ โดยให้ผู้ที่เดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก เดือน พ.ย. มารายงานตัว และรับการตรวจคัดกรองทุกคน
- เตรียมความพร้อมบริหารจัดการทรัพยากร ยกระดับการจัดการหากมีผู้ป่วยมากขึ้น
- เพิ่มความเข้มข้นมาตรการป้องกันควบคุมโรคในสถานประกอบการ หรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโรค และ
- การให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชน ป้องกันการเกิดข่าวปลอมหรือข่าวลวง