ศปถ. แถลงตัวเลขผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ช่วงรณรงค์ลดอุบัติเหตุ เทศกาลปีใหม่ 3 วัน ตายสะสมแล้ว 186 คน ชายมากกว่าหญิง 3 เท่า
วันนี้ (1 ม.ค. 2564) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 สรุปสถิติช่วง 3 วัน ของการรณรงค์ลดอุบัติเหตุ พบว่าเกิดอุบัติเหตุสะสม 1,652 ครั้ง เสียชีวิต 186 คน ด้าน “รองอธิบดีกรมควบคุมโรค” กำชับคัดกรองโรคโควิด-19 และอุบัติเหตุเข้มงวด ย้ำ ลดการเดินทาง เพราะอาจมีกลุ่มเสี่ยงไม่แสดงอาการ หากเกิดอุบัติเหตุอาจมีผลต่อคนรอบข้าง
สำหรับ วันที่สามของการรณรงค์ลดอุบัติเหตุ คือ 31 ธ.ค. 2563 พบว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ดื่มแล้วขับ ร้อยละ38.04 รองลงมา คือ การขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 34.06 ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์
ส่วนสถิติการเกิดอุบัติเหตุ พบว่า เกิดอุบัติเหตุ 652 ครั้ง เสียชีวิต 67 คน และบาดเจ็บ 642 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ เชียงใหม่ 27 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดนครราชสีมา 7 คน และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดเชียงใหม่ 27 คน
ส่วนสถิติอุบัติเหตุสะสม 3 วัน (29-31 ธ.ค. 2563) รวม 1,652 ครั้ง เสียชีวิตรวม 186 คน และบาดเจ็บรวม 1,654 คน
พรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) กล่าวว่า 3 วันที่ผ่านมา หลังมีการณรงค์ลดอุบัติเหตุ มีข้อสังเกตว่า พบผู้เสียชีวิตสะสมไปแล้ว 186 คน ส่วนใหญ่เป็นชายมากกว่าหญิง 3 เท่า และอุบัติเหตุมักอยู่ในพื้นที่ติดถนนใหญ่บริเวณทางตรง ที่ผู้ชายส่วนใหญ่มักเมาแล้วขับ
นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ในฐานะประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ เปิดเผยว่าวันนี้ (1 ม.ค.) ประชาชนยังคงเฉลิมฉลองและเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในพื้นที่ จึงเพิ่มความเข้มข้นด่านชุมชนและจุดสกัดตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ควบคู่กับการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด- 19)
“ขณะนี้ประสานพื้นที่ด่านชุมชนกว่า 1 หมื่นแห่ง และเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย ควบคุมการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งเวลาจำหน่าย สถานบริการ และควบคุมไม่ให้มีการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนจากการดื่มแล้วขับ ย้ำกลุ่มเสี่ยงโควิด-19 ไม่แสดงอาการ อาจแฝงในพื้นที่ กำชับหน่วยแพทย์พยาบาลอาสากู้ภัยวางแนวทางช่วยเหลืออุบัติเหตุแต่ต้องป้องกันตัวเองเฝ้าระวังโควิด-19 ด้วย”
