ระบุเป็นข้อเสนอจากสมาคมภัตตาคาร แต่ต้องมีมาตรการ หากทำไม่ได้ต้องถูกปิด เตรียมวัคซีนแล้ว 2 ล้านโด๊ส พ้อ ถูกโจมตีใส่หน้ากากมีวาล์ว
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ระบุว่า เรื่องร้านอาหาร ได้รับข้อเสนอมาจากสมาคมภัตตาคารว่าได้รับผลกระทบสูง ดังนั้น ที่ กทม. ประกาศออกไป จึงให้ยกเลิกไปก่อน โดยให้ขายอาหารได้ถึง 3 ทุ่ม แต่ต้องมีมาตรการ ทั้งกำหนดจำนวนคน และรักษาระยะห่าง ซึ่งนายกสมาคมรับประกันว่าทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องถูกปิด
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมเรื่องเงินทั้งในส่วนที่ต้องจัดหาและไม่ต้องจัดหาเพิ่มเติมในทุกงบประมาณที่มีอยู่ เพื่อเตรียมการรับสถานการณ์ในระยะต่อไป
เรื่องวัคซีน ที่หลายคนให้ความสนใจ ย้ำว่าต้องดูให้เกิดความปลอดภัยได้จริง ๆ ก่อน ไม่มีผลข้างเคียง ซึ่งมาตรฐานขององค์การอาหารและยา (อย.) ก็เป็นมาตรฐานที่รับได้ โดยได้สั่งให้กรมควบคุมโรคและสถาบันวัคซีนเข้าไปดูร่วมกับ อย. แล้ว คาดว่าใน 3 เดือนนี้ จะได้เข้ามาก่อน 2 ล้านโด๊ส ซึ่งได้เตรียมแผนแล้วว่าจะฉีดให้กับใครบ้าง ตามลำดับความเร่งด่วน ส่วนที่เหลืออีก 26 ล้านโด๊สจะเข้ามาในระยะต่อไป และให้เพิ่มเติมไปอีก 35 ล้านโด๊ส ซึ่งคาดว่าจะฉีดให้ได้เกือบหมดทั้งประเทศ ซึ่งอาจต้องดูอีกทีว่า เมื่อถึงเวลานั้น มีความจำเป็นต้องฉีดทั้งประเทศหรือเปล่า แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องฉีดทั้งหมด ไทยก็มีบริษัทวัคซีนที่พร้อมจะดำเนินการอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องหน้ากาก วันนี้อยากให้คนมีหน้ากากก่อน ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ส่วนหน้ากากวาล์ว หมอก็บอกว่าประสิทธิภาพดี ป้องกันได้เช่นกัน
“หน้ากากที่ผมใส่เมื่อเช้าเป็นหน้ากากที่มีวาล์ว ผมก็ถามหมอ เขาก็บอกว่าประสิทธิภาพดี คือหลายคนก็มาโจมตีผมว่าไม่รู้เรื่อง ใส่หน้ากากอย่างนั้นไม่ถูกต้อง มีโอกาสเข้ามาทางรู ผมไม่รู้จะทำยังไง คือถ้าเข้าใจแบบนี้ก็ไปกันหมด ผมใส่หน้ากากอนามัยไปในพื้นที่ หมอก็บอกให้ใส่หน้ากากมีวาวล์ เพราะในพื้นที่มีความเสี่ยงสูง”
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังกำชับให้มีมาตรการดูแลในพื้นที่มากขึ้น การเดินทางข้ามจังหวัดต้องมีจุดตรวจสอบ โดยเฉพาะในกลุ่มจังหวัดที่มีผลกระทบสูง แต่ไม่ใช่การล็อกดาวน์ เป็นเรื่องที่แต่ละจังหวัดต้องกำหนดมาเพิ่มเติมจากมาตรฐานกลางของรัฐบาล จึงต้องขออภัยหากมีความยากลำบากในการเดินทาง
พร้อมย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการควบคุมผู้ติดเชื้อให้อยู่ในสถานที่ควบคุมได้ และนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคัดกรองให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งตัวเลขก็น่าจะสูงขึ้น แต่ถ้าสามารถควบคุมได้ก็แสดงว่าเราทำมาตรการได้ดีมากขึ้น
“ทุกคนทำงานแบบบูรณาการกัน บนพื้นฐานข้อมูลเดียวกัน นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด ข้อมูลเดียวกันคือข้อมูลที่มีการตรวจสอบคัดกรองแล้วว่าเป็นข้อมูลที่แท้จริง ถ้าเป็นข้อมูลที่ต่างคนต่างพูด มันไม่ชัดเจนหรอก ก็ขอให้ฟังบ้าง ใครจะไม่ฟังก็แล้วแต่ เพราะก็มีคนที่ไม่ฟังและหาช่องทางดิสเครดิต มันไม่ใช่ วันนี้เป็นเวลาที่เราต้องร่วมมือกัน ทั้งตัวเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ รัฐบาลก็พยาบามทำเต็มที่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว