หลังพบผู้ติดโควิด-19 รอบใหม่เพิ่ม 11 คน รอผลตรวจอีกกว่า 900 คน คุมเข้มเคลื่อนย้ายแรงงาน งดกิจกรรมรวมตัว พนัน สนามมวย ร้านอาหาร
เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (7 ม.ค.) วีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และ ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ มีมติเพิ่มความเข้มในการควบคุม ป้องกัน โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยเห็นชอบให้ออกคำสั่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จำนวน 5 ฉบับ และประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ อีก 1 ฉบับ
โดย คำสั่งฉบับที่ 4/2564 ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างชาติ เข้า-ออก พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่, คำสั่งฉบับที่ 5/2564 การจัดกิจกรรมที่มีคนไม่เกิน 50 คน ให้ปฏิบัติมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด หากเป็นการจัดกิจกรรมที่มีคนตั้งแต่ 50 คน แต่ไม่เกิน 200 คน ต้องยื่นขออนุญาตพร้อมแผนการจัดกิจกรรมและมาตรการป้องกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนอย่างน้อย 72 ชั่วโมงก่อนเริ่มกิจกรรม และงดเว้นการจัดกิจกรรมที่มีคนรวมตัวมากกว่า 200 คน เว้นแต่เป็นการจัดโดยเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐ
คำสั่งฉบับที่ 6/2564 ให้งดออกใบอนุญาตเล่นการพนัน ชกมวย แข่งม้า ชนโค กัดปลา และไพ่ผ่องไทย และให้ให้ปิดสนามมวย สถานฝึกซ้อมมวย สนามแสดงศิลปะมวยไทย เว้นแต่สนามที่ตั้งอยู่ในสถานศึกษา และเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเรียนการสอน รวมทั้งให้ปิดสถานที่มุ่งเน้นการขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ให้ สุราและแอลกอฮอลล์ เพื่อดื่มในสถานที่และบริเวณนั้น เช่น ร้านเหล้าตอง ฯลฯ
คำสั่งฉบับที่ 7/2564 ให้นั่งรับประทานในร้านได้ตั้งแต่เวลา 05.00-23.00 น. หลัง 23.00 น. ให้นำกลับไปบริโภคที่อื่น ยกเว้นร้านอาหารในท่าอากาศยาน, ห้ามดื่มสุรา เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในร้านอาหาร, ห้ามจัดให้มีการแสดงดนตรีหรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง การเต้น และการยินยอมให้มีการเต้น
คำสั่งฉบับที่ 8/2564 เป็นการออกมาตรการควบคุมการเดินทางของบุคคลที่เดินทางเข้ามายังพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มเติมจากฉบับที่ 1/2564 โดยมีสาระสำคัญว่า ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง และสมุทรสาคร และผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด จะต้องแสดงตนว่าเดินทางมาจากพื้นที่ดังกล่าว พร้อมแสดงเอกสารรับรองความจำเป็น การปฏิบัติหน้าที่ การติดต่อราชการ สำหรับการเดินทางเข้ามายังพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งต้องติดตั้งและใช้ แอปพลิเคชัน “หมอชนะ” และต้องปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ที่ 1/2564 อย่างเคร่งครัด
ส่วนประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเรื่องการขอความร่วมมือตลาดสด ศูนย์แสดงสินค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมูมิตี้มอลล์ ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต สถานที่ออกกำลังกายฟิตเนส ร้านขายยา คลินิกหรือสถานพยาบาลเอกชน การอบตัว อบสมุนไพร การอบไอน้ำ หรือการนวดบริเวณใบหน้า ให้มีการยกระดับตามมาตรการในการควบคุมป้องกันโรคที่ ศบค. กำหนด อย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังได้มีหนังสือถึงนายอำเภอทุกพื้นที่ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ และนายกเทศมนตรีเมืองทุกแห่ง ขอความร่วมมืองดจัดกิจกรรมตลาดนัด หรือถนนคนเดินชั่วคราว เป็นเวลา 14 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ (ลงวันที่ 7 ม.ค.) เพื่อป้องกันการระบาด
ส่วนผลการติดตามผู้สัมผัส ได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจากร้านวอร์มอัพคาเฟ่ ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค. 2563 ถึง 3 ม.ค. 2564 จำนวน 419 คน และผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกลุ่มอื่น ๆ 179 คน รวม 598 คน พบผู้ติดเชื้อสะสมในจังหวัดเชียงใหม่ทั้งสิ้น 8 คน และวันที่ 7 ม.ค. 2564 ได้มีการตรวจกลุ่มเสี่ยงเพิ่มเติมโดยเฉพาะผู้ที่เดินทางไปในร้านวอร์มอัพคาเฟ่ จำนวน 283 คน โดยกลุ่มนี้อยู่ระหว่างรอผล
โดยผู้ติดเชื้อที่พบเพิ่มเติมในวันที่ 7 ม.ค. จำนวน 4 คน มีประวัติเดินทางไปในร้านวอร์มอัพคาเฟ่ ในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2563 ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดได้มีมาตรการให้ปิดสถานบริการ หรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายกันสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นระยะเวลา 14 วัน
พร้อมขอให้ประชาชนที่ได้เดินทางไปยังร้านวอร์มอัพคาเฟ่ ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค. 2563 – 3 ม.ค. 2564 ซึ่งถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ยังไม่ได้รับการตรวจนอกเหนือจากกลุ่ม 702 คนที่ได้รับการตรวจไปแล้ว สามารถเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ ณ รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน ที่หน้าร้านวอร์มอัพคาเฟ่ ในวันนี้ (8 ม.ค. 2564) ช่วงเวลา 10.00-12.00 น.
ขณะที่มีการเปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่เตรียมดำเนินกระบวนการทางกฎหมายต่อสถานบันเทิงที่ขัดคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดที่ต้องปิดในคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2563 ก่อนเวลา 24.00 น. เนื่องจากถือว่าเป็นการหละหลวมในการปฏิบัติในมาตรการตามที่ทางการได้ออกมาตรการแล้ว จึงต้องพิจารณาความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นจากความหละหลวม และความรับผิดชอบต่าง ๆ