เข้าใจรัฐเบรกเอกชนซื้อวัคซีน หวั่น ซัพพลายเออร์สับสน เช็ก ห้าง-ปั๊ม-บริษัท 14 แห่ง พร้อมหนุนกระจายวัคซีน 20,500 โดสต่อวัน ดีเดย์ทดสอบ 20 พ.ค. นี้
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2564 หอการค้าไทย ได้จัดประชุมร่วมกับทีมปฏิบัติงานด้านสถานที่ฉีดวัคซีนของภาคเอกชน 14 แห่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุวัคซีนมีเพียงพอ เอกชนไม่ต้องจัดหาเพิ่มว่า บริษัทเจ้าของวัคซีนต้องการให้รัฐเป็นผู้ซื้อ จะมีความรวดเร็วมากกว่า อีกทั้งรัฐต้องรับผิดชอบชีวิตประชาชนหากมีผลข้างเคียง ส่วนจะให้เอกชนดำเนินการควบคู่กันไปเพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงหรือไม่นั้น ชี้แจงว่าหากเอกชนร่วมจัดหาด้วย ก็จะเหมือนไปแย่งรัฐบาลซื้อวัคซีน ซึ่งไม่เป็นผลดี สร้างความสับสนต่อผู้จัดหา (supplier)
ทั้งนี้ มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถจัดหาวัคซีนทางเลือก ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ประกาศออกมาแล้วว่า นอกจากซิโนแวคและแอสตราเซเนกาแล้ว อีก 35 ล้านโดส 5 ยี่ห้อ คือ ไฟเซอร์ 5-10 ล้านโดส, สปุตนิก 5-10 ล้านโดส, จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 5-10 ล้านโดส, โมเดอร์นา 5-10 ล้านโดส และ ซิโนฟาร์ม 5-10 ล้านโดส ได้ก่อนการเจรจาของหอการค้า ที่หากจัดหาเองจะได้วัคซีนในไตรมาส 4 ของปี 2564 แต่รัฐบอกว่าสามารถจัดหาได้เร็วกว่าเอกชนแน่
เล็ง กทม. เป็นโมเดล รัฐ-เอกชน ขยายผลช่วยกระจายวัคซีน 76 จังหวัด
ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวอีกว่า หากวัคซีนสามารถเข้ามาในประเทศได้ในช่วงไตรมาส 3 และ เริ่มดำเนินการฉีดได้ ในช่วงไตรมาส 4 จะครอบคลุมประชากรได้ 70% หรือ 50 ล้านคน โดยภาคเอกชนได้เตรียมสถานที่ไว้รองรับประชาชนในการฉีดวัคซีนจำนวน 14 แห่งในกรุงเทพฯ โดยต้องการวัคซีน ครอบคลุมประชากรใน กทม. ประมาณ 5 ล้านคน ซึ่งต้องดำเนินการฉีดวัคซีนภายใน 6 เดือน นับตั้งแต่ มิ.ย.ไปจนถึงเดือน ธ.ค. ดังนั้น 1 เดือนต้องฉีดให้ได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านเข็ม หรือ 50,000 คนต่อวัน ซึ่งกระบวนการฉีดวัคซีน 1 คน จะใช้เวลาประมาณ 45 นาที ขณะนี้โรงพยาบาลมีสถานที่ไม่เพียงพอรองรับประชาชนในการเข้าฉีดวัคซีน ขณะที่บริษัทเอกชนที่แสดงเจตจำนงที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนมีประมาณ 2,000 บริษัท คิดเป็นจำนวนพนักงาน 9 แสนคน
“โมเดลที่ภาคเอกชนร่วมมือกับรัฐแบ่งเป็น 4 ทีมในการช่วยรัฐฉีดวัคซีนให้กับประชาชน นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะนำไปขยายผลต่อให้ครบทั้ง 76 จังหวัด ใช้รูปแบบเดียวกันนี้ให้มีการทำงานร่วมกันระหว่างหอการค้าที่มีทุกจังหวัดกับผู้ว่าราชการจังหวัด”
แบ่งงาน กทม.ฉีดกลุ่มเสี่ยง-ผู้สูงอายุใน รพ. ส่วนเอกชนฉีด ปชช.ทั่วไป 14 จุด
พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่าเดือนมิถุนายน 2564 กรุงเทพมหานคร จะได้รับการจัดสรรวัคซีนสำหรับนำไปให้บริการแก่ประชาชน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้เกิด “ภูมิคุ้มกันหมู่” (herd immunity) โดยมีเป้าหมายฉีดครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 70 ของประชากรในกรุงเทพมหานคร หรือประมาณ 5 ล้านคน ดังนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการวัคซีน แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุม กรุงเทพมหานครจึงกำหนดจัดให้บริการวัคซีนในโรงพยาบาลควบคู่กับการให้บริการวัคซีนนอกโรงพยาบาล ซึ่งการจัดให้บริการวัคซีนภายนอกโรงพยาบาล มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากประชาชนสามารถเดินทางไปยังสถานที่ฉีดวัคซีนได้อย่างสะดวก โดยมีทีมแพทย์ พยาบาล และพนักงานจิตอาสา ที่มีมาตรฐานในการให้บริการ ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้ฉีดวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว ทั่วถึง ปลอดภัย และลดการแพร่ระบาดจากการเดินทางข้ามพื้นที่ โดยได้รับความร่วมมือจากหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในการจัดจุดบริการฉีดวัคซีนในสถานประกอบการ ห้างสรรพสินค้า จำนวน 14 แห่งกระจายทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ
สำหรับหน่วยบริการวัคซีนโควิด-19 ทั้ง 14 แห่ง จะมีบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขจากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร สมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทยฯ และที่ประชุมคณบดี สมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย และหัวหน้าสถาบันการศึกษา สาขาพยาบาลศาสตร์ของรัฐ สนับสนุนพยาบาลสมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย และบุคลากรร่วมในการให้บริการวัคซีนโควิด-19
กรุงเทพมหานครมีแผนการให้บริการวัคซีนแก่ประชาชนในพื้นที่แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกในโรงพยาบาลทุกสังกัดในกรุงเทพมหานคร กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิด โรคเบาหวาน และโรคอ้วน
ส่วนที่สองเป็นหน่วยบริการวัคซีนกรุงเทพมหานคร 14 แห่ง สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีอายุตั้งแต่ 18 – 59 ปี ที่สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว และได้ทำการจองรับวัคซีนมาแล้ว สามารถรับวัคซีนได้ที่ กลุ่มเขตกรุงเทพเหนือ 2 แห่ง ได้แก่ SCG บางซื่อ 2,000 คน/วัน และศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว 2,000 คน/วัน กลุ่มเขตกรุงเทพฯใต้ 4 แห่ง ได้แก่ สามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน 1,500 คน/วัน ศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค เขตสวนหลวง 1,000 คน/วัน True Digital Park เขตพระโขนง 1,000 คน/วัน และเอเชียทีค เขตบางคอแหลม 2,000 คน/วัน กลุ่มเขตกรุงเทพตะวันออก 3 แห่ง ได้แก่ เดอะมอลล์ บางกะปิ 2,000 คน/วัน โรบินสัน ลาดกระบัง 1,000 คน/วัน และโลตัส มีนบุรี 1,000 คน/วัน
กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ 2 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เขตบางกอกน้อย 1,000 คน/วัน และไอคอนสยาม เขตคลองสาน 1,000 คน/วัน
กลุ่มเขตกรุงธนใต้ 3 แห่ง ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. พระราม 2 เขตบางขุนเทียน 1,500 คน/วัน เดอะมอลล์ บางแค 2,000 คน/วัน และบิ๊กซี บางบอน 1,500 คน/วัน รวมให้บริการได้ทั้งสิ้น 20,500 คนต่อวัน
14 เอกชน กทม. นัด TestRun ซ้อมฉีดวัคซีนเสมือนจริง 20 พ.ค. นี้
แพทย์หญิงป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่าการประชุมกับผู้ประกอบการทั้ง 14 แห่งที่จะเข้าร่วมเป็นหน่วยให้บริการวัคซีนนอกพื้นที่นอกโรงพยาบาล ได้นัดหมายกันซักซ้อมเสมือนจริงวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ โดยจะมีทีมแพทย์และพยาบาล ไปประจำตามจุดให้วัคซีนต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยและมีรถพยาบาลฉุกเฉิน หากเกิดมีผู้รับวัคซีนมีอาการไม่พึงประสงค์ โดยคาดว่าหลังวันที่ 20 พฤษภาคม ภาคเอกชนจะมีความพร้อม 100% ในการฉีดวัคซีน เหลือเพียงรอวัคซีน ซึ่งเป็นของแอสตราเซเนกา คาดว่าจะเริ่มฉีดได้ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ ให้กับกลุ่มประชาชน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งกลุ่มประชาชนภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพฯ และประชาชนที่เป็นประชากรแฝงคือทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ แต่มีภูมิลำเนาอยู่ที่อื่นก็สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนใน 14 จุดบริการนอกโรงพยาบาลของเอกชนได้
‘สนั่น’ ชี้โควิด -19 ทำเศรษฐกิจพัง 3แสนล้าน หวังรัฐเยียวยาดันจีดีพีโต 1.5-3%
ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวอีกว่า จากการประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไว้ในช่วง 2-3 เดือนนี้ ประมาณ 3 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่ภาครัฐประกาศล็อกดาวน์เสียหาย 6 แสนล้านบาท โดยเชื่อว่าภาครัฐจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามากระตุ้นจากงบประมาณที่เหลืออยู่ประมาณ 3 แสนล้านเช่นกัน ก็จะสามารถประคองเศรษฐกิจปีนี้เติบโตได้ 1.5-3%
โดยในไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจเติบโตได้ประมาณ 1% ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิดระลอกใหม่ แต่เชื่อว่าหากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายใน 2-3 เดือนต่อจากนี้ และ เดือน ก.ค. เริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวเข้ามาจะทำให้จีดีพีไตรมาส 3/64 เติบโตได้ประมาณ 3%
ส่วนไตรมาส 4/64 เชื่อว่าจีดีพีจะเติบโตได้ 4% เพราะสามารถกระจายวัคซีนไปยังประชาชนได้ทั่วถึงตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ และ ทำให้เห็นเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้เต็มที่ในช่วงต้นปีหน้า
“เราประเมินไว้ว่าความเสียหายต่อเศรษฐกิจรอบนี้น้อยกว่าปีก่อน เพราะปีก่อนมีล็อกดาวน์ ถ้าถามเรา เราก็ไม่อยากให้ล็อกดาวน์”