พบ ยังมีปัญหาการบริหารจัดการข้ามหน่วย แม้แบ่งระบบจัดสรรเตียงเป็น 7 โซน อัพเกรด รพ.สนาม เน้น รองรับผู้ป่วยกลุ่มสีเหลือง – แดง
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากการประชุมคณะทำงานติดตามสถานการณ์โควิด-19 พบว่า ระบบการจัดหาเตียงให้กับผู้ป่วยโควิด-19 ยังคงมีปัญหาอยู่ แม้ว่าจะมีการแบ่งระบบในการจัดสรรเตียงออกเป็น 7 โซน แต่การบริหารจัดการเตียงและการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลที่มีสมรรถนะที่สูงกว่า ก็ยังไม่สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากโรงพยาบาลแม่ข่ายของโซนต่างๆ ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจในการบริหารจัดการเตียงของโรงพยาบาลในโซน
โดยแม้พื้นที่ กทม. จะมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีจำนวนแพทย์ต่อจำนวนประชากรที่สูง มี โรงพยาบาลที่มีขีดความสามารถสูง แต่ กทม. กลับขาดประสิทธิภาพในการบูรณาการ เพราะทั้ง 50 เขต ใน กทม. ไม่ได้มีโรงพยาบาลประจำทุกเขต และยังมีสังกัดที่แตกต่างหลากหลายและการบังคับบัญชาที่อิสระต่อกัน การจัดสรรเตียงและการส่งต่อผู้ป่วยข้ามสังกัดจึงเป็นอุปสรรคในทางปฏิบัติอย่างมาก
ส.ส.วิโรจน์ เสนอให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้มีอำนาจในการตัดสินใจในการบริหารจัดการเตียง และการส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลทุกสังกัดในพื้นที่ กทม. มีหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการที่เป็นข้อตกลงร่วมกัน โดยให้ศูนย์แรกรับที่อาคารนิมิบุตร ทำหน้าที่เสริมในการกระจายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลให้ตรงกับสมรรถนะในการดูแลรักษา
ส่วนโรงพยาบาลสนามในปัจจุบันให้ทำหน้าที่ในการกักกันโรคและสังเกตอาการของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังไม่มีอาการหรือมีอาการไม่มากนัก โดยโรงพยาบาลสนามบางจุดอาจถูกยกระดับให้มีศักยภาพที่สูงขึ้นเพื่อช่วยลดความตึงของจำนวนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลหลัก เช่น สามารถจ่ายยา Favipiravir ให้กับผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการได้ รวมทั้งติดตั้งระบบท่อออกซิเจนเพื่อช่วยผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการหายใจเหนื่อยหอบได้
ยกระดับศักยภาพหอผู้ป่วยทั่วไปให้สามารถดูแลผู้ป่วยสีเหลืองที่มีอาการมากขึ้น ด้วยการเร่งจัดซื้อเครื่อง High Flow Nasal Cannula หรือเครื่อง Oxygen High Flow ที่สามารถช่วยผู้ป่วยที่มีอาการเหนื่อยหอบได้ โดยที่ยังไม่จำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจ และเข้าไปรักษาตัวในห้อง ICU แรงดันลบ ซึ่งจะช่วยลดภาระของห้อง ICU และเป็นการสำรองห้อง ICU และเครื่องช่วยหายใจ ไว้ให้กับผู้ป่วยสีแดงที่มีความจำเป็นจริงๆ ได้
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขควรเร่งจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์บางรายการที่ขาดแคลนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะชุด PAPR ที่แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์จำเป็นต้องใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการหนัก กระทรวงสาธารณสุขควรเร่งจัดหา และเร่งรัดกระบวนการทางศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็นในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ให้เร็วขึ้น
ควรอนุญาตให้ผู้ป่วยที่อาศัยอยู่คนเดียวหรือที่บ้านมีพื้นที่แยกเป็นอิสระ สามารถกักตัวรักษาตัวเองที่บ้าน (Home Isolation) โดยมีระบบ Telemedicine ในการรายงานอาการให้หมอทราบทุกวัน มีระบบ Call Center และระบบรับตัวผู้ป่วยที่มีอาการหนักเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล และอนุญาตให้ผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านไวรัสครบแล้ว ไม่มีไข้ ไม่มีอาการแทรกซ้อน แต่พักรักษาตัวยังไม่ครบ 14 วัน อาจส่งตัวไปพักรักษาตัวต่อที่ รพ.สนาม หรือ Hospitel แทนได้
“ตอนนี้ เตียงใน รพ.สนาม สำหรับผู้ป่วยสีเขียวที่ไม่มีอาการ ไม่น่าจะตึงมือมาก แต่คอขวดที่สำคัญที่สุด คือ เตียงที่ รพ. สำหรับผู้ป่วยสีเหลือง และห้อง ICU สำหรับผู้ป่วยสีแดง ซึ่งต้องเร่งบริหารจัดการ ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด”