เตรียมจัดหาวัคซีน 3,000 โดส ฉีดกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว พร้อมหาพื้นที่สร้างโรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยในชุมชนเพิ่ม
(3 พ.ค.2564) ชาวบ้านชุมชนสวนอ้อยและริมคลองวัดสะพาน ไม่ต่ำกว่า 700 คน กลุ่มเสี่ยงจากเขตคลองเตย เข้ารับการตรวจเชิงรุกที่วัดสะพานเขตพระโขนงหลังการตรวจเชิงรุก 2 ครั้งที่ผ่านมา 1,336 คน พบผู้ติดเชื้อ 99 คน จากข้อมูลของคณะทำงานต่อต้านโควิด-19ชุมชนคลองเตยพบยอดผู้ติดเชื้อในชุมชนแล้วไม่ต่ำกว่า 200 คน ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อกันเองภายในบ้านเนื่องจากอยู่อาศัยใกล้ชิดกันในพื้นที่จำกัด
ข้อมูลจากกรุงเทพมหานครระบุว่าชุมชนแออัดในเขตคลองเตยมีบ้าน 75,000 หลัง เป็นพื้นที่ที่ต้องเร่งค้นหาเชิงรุกกลุ่มเสี่ยงทั้งหมดให้ได้มากที่สุด เพื่อยุติการระบาด จากนี้มีเป้าหมายตรวจวันละ 1,000 คนและขยายให้ครอบคลุมทุกชุมชนจนถึง 19 พ.ค.นี้ คาดการณ์จะตรวจเชิงรุกได้ประมาณ 50,000 คน
ผนึกกำลังรัฐ ภาคประชาชน ระดมแผนเชิงรุกควบคุมการระบาดชุมชนคลองเตย
วันนี้ตัวแทนทั้งจากกระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค กรุงเทพมหานคร และเครือข่ายภาคประชาชนที่ทำงานในพื้นที่ในนามคณะทำงานศูนย์กักกันผู้ป่วยชั่วคราวรอส่งตัว ได้ร่วมหารือถึงแนวทางระบบการทำงานเพื่อควบคุมการระบาดในชุมชนแออัดที่วัดสะพาน
นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังการหารือว่า มาตรการเชิงรุกในการควบคุมสถานการณ์การระบาดในชุมชนคลองเตยต้องค้นหาผู้ติดเชื้อให้เร็วที่สุดเพื่อระบุตำแหน่งพื้นที่เสี่ยงของการระบาดให้ได้ ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปวัดสะพานจะเป็นพื้นที่ตั้งรถตรวจพระราชทานต่อเนื่องประมาณ 2 สัปดาห์ คาดมีผู้ได้รับการตรวจ 50, 000 คนครอบคลุม 41 ชุมชนในเขตคลองเตย
“นอกจากนี้จะมีการจัดหาวัคซีน 3,000 โดส ฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ให้ได้รับการฉีดวัคซีนเป็นกลุ่มแรก รวมถึงการหาพื้นที่สร้างโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ป่วยในชุมชนเพิ่มเติม ส่วนศูนย์ฯที่วัดสะพานจะเป็นสถานที่แยกตัวแต่ไม่ให้เกิน 24 ชั่วโมง แม้ปัจจุบันจะรองรับผู้ติดเชื้อได้มากกว่า 50 เตียง”
ด้าน รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธ์ รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯที่ร่วมหารือครั้งนี้ระบุว่า ในเขตกรุงเทพมหานครมีการแบ่งโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่อาการโคม่าทั้งหมด 6 โซน ซึ่งโรงพยาบาลจุฬาฯ เป็นโรงพยาบาลที่ดูแลพื้นที่กรุงเทพฯใต้ซึ่งครอบคลุมชุมชนคลองเตยด้วย และที่ผ่านมาก็มีการรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จากชุมชนจำนวนหนึ่งแล้ว และหากผลการตรวจเชื้อในอนาคตยังมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องการสร้างโรงพยาบาลสนามเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องเตรียมโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วยหนักด้วยเพราะตามสถิติผู้ป่วยที่ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นก็จะพบผู้ป่วยส่วนหนึ่งที่มีอาการรุนแรงต้องครองเตียงในห้องไอซียู
ขณะที่สิ่งของบริจาคก็ทยอยหลั่งไหลเข้ามายังชุมชนต่อเนื่องจากทุกภาคส่วนนอกจากอาหารปรุงสุกใหม่สำหรับครอบครัวที่ต้องกักตัวแล้ว ยังมีของใช้ที่จำเป็นโดยเฉพาะชุดกันฝนที่อาสาสมัครจำเป็นต้องใช้ขณะทำงาน โดยวันนี้มูลนิธิไทยพีบีเอสได้นำสิ่งของจำเป็น เช่นหน้ากากอนามัยสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ ชุดกันฝน น้ำดื่ม ไปมอบให้กับชุมชนพัฒนาใหม่ (คั่วพริก) ที่มีผู้ติดเชื้อสูงถึง 86 คน ซึ่งมากที่สุดในเขตคลองเตย และยังมีกลุ่มเสี่ยงต้องกักตัวอีก 146 คน