ยันไม่มีการปกปิดข้อมูล พบติดเชื้อระดับสีแดง 4 คน เตรียมจัดหา ยา-วัคซีนให้นักโทษทุกคนแล้ว คาดได้รับเดือน มิ.ย.นี้
(13 พ.ค.2564) สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า ขณะนี้การตรวจหาเชื้อในเรือนจำทำได้อย่างรวดเร็วหลังได้รถพระราชทานตรวจโควิด และเมื่อพบการติดเชื้อได้ส่งข่าวให้ญาติทราบทั้งหมด พร้อมยอมรับจำนวนผู้คุมที่ดูแลผู้ต้องขังไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ที่อัตราส่วน 1 ต่อ 6 เพราะขณะนี้ผู้คุม 1 คน ต้องดูแลผู้ต้องขัง 33 คน ขณะที่ 2 เรือนจำที่ติดเชื้อ เป็นเรือนจำที่รับผู้ต้องขังใหม่อยู่ตลอด ต่างจากเรือนจำอื่นๆ ส่วนการออกไปศาล ได้ประสานกับศาลแต่ละจังหวัดแล้วขอให้งดไปในระยะนี้ก่อน
ขณะที่แนวทางการป้องกันโควิดในเรือนจำ และผู้ต้องขังทั่วประเทศ เป็นไปตามแนวทางของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะหากติดเชื้อจะเกิดการลุกลามได้ง่าย และพยายามใช้นโยบายลดความแออัด จากเมื่อมารับตำแหน่งที่มีผู้ต้องขัง 390,000 คนทั่วประเทศ ขณะนี้เหลือไม่ถึง 310,000 คน จากเดิมผู้ต้องขัง 1 คนมีพื้นที่ไม่ถึง 1 ตร.ม. ตอนนี้ปรับจนได้ 1.2 ตร.ม. ตามมาตรฐานสากล นอกจากนี้กรมราชทัณฑ์ยังได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องขังประพฤติดี ข้อหาไม่ร้ายแรงอีกหลายหมื่นคน และใช้การพักโทษพิเศษ สวมกำไล EM 50,000 คน ซึ่งตอนนี้ติดกำไลแล้ว 20,000 คน รวมทั้งยังมีประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งจะปรับอัตราโทษผู้ต้องขังยาเสพติดให้เหมาะสม จะช่วยลดผู้ต้องขังได้เกือบ 50,000 คน
“ผมขอยืนยัน รัฐบาล โดยท่านนายกฯ สั่งกำชับ ประสานงานมาตลอด ให้ดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างดี หากยาที่ได้จากสาธารณสุขไม่พอ ทางกรมราชทัณฑ์จะจัดซื้อเองเพื่อรักษาทุกคน ขอให้ญาติผู้ต้องขังทุกคนสบายใจได้ นอกจากนี้ยังมีการประสานจากแพทย์แผนไทย เรื่องการใช้ฟ้าทะลายโจรมาใช้ด้วย ยืนยันเราเตรียมพร้อมป้องกันเบื้องต้นมาตลอด”
นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ระบุว่า ผลการสอบสวนโรคภายในทัณฑสถานหญิงกลาง มาจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ ส่วนเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคนที่ตรวจพบเชื้อได้ส่งรักษาแล้ว มีการจำแนกผู้ต้องขังที่ติดเชื้อทั้งหมดมีสีแดง 4 คน มี 1 คนใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากโรคประจำตัว พร้อมใช้แนวทางบับเบิ้ล แอนด์ซีล และมีห้องกักโรคแยกชัดเจน ส่วนเรื่องของวัคซีน ได้ประสาน อธิบดีกรมควบคุมโรค ในการจัดหาแล้ว
นพ.วีระกิตติ์ ปฏิเสธด้วยว่า กรมราชทัณฑ์ไม่ได้ปิดข่าวการติดเชื้อโควิด-19 ภายในเรือนจำ และเปิดเผยข้อมูลมาตลอด สามารถกรอกเลขบัตรประชาชนเพื่อตรวจสอบได้ โดยในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ตรวจพบเพียงหลัก 100 คน เท่านั้น
ส่วนเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ที่ก่อนหน้านี้พบการติดเชื้อ ขณะนี้ควบคุมได้แล้ว ส่วนเรือนจำอื่นยังไม่พบ แต่ได้มีการปรับเพิ่มเวลากักตัวใหม่เป็น 21 วัน และตรวจเชื้อ 2 ช่วง คือ ตอนเข้าและหลังกักตัว และใช้ชุดทดสอบแบบรวดเร็ว (Rapid Test) จะได้รวดเร็วในการคัดกรองมากขึ้น ส่วนการหาวัคซีนให้ผู้ต้องขัง ขณะนี้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ลงนามอนุมัติจัดหาวัคซีนฉีดให้ผู้ต้องขังทั่วประเทศแล้ว คาดว่าจะได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้ โดยจะเริ่มให้กลุ่มเสี่ยงสูง ผู้ที่มีโรคประจำตัวก่อน
แต่ยอมรับว่า สิ่งที่น่ากังวลในการแพร่ระบาดครั้งนี้ คือสายพันธุ์ที่มีความไวต่อการติดเชื้อได้สูง แสดงอาการช้า และมีภาวะแทรกซ้อนอันตราย ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่กรมราชทัณฑ์ต้องเผชิญ รวมทั้งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ อาจจะมีบุคลากรเฉพาะด้านที่ไม่เพียงพอกับการดูแลผู้ป่วยทั้งหมด จึงได้เร่งจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือเพิ่มเติม