‘สภาผู้บริโภค’ ชี้ สุ่มเสี่ยงถูกแย่งชิงทรัพยากร พันธุกรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น ไปเป็นสมบัติส่วนบุคคล
กรมทรัพย์สินทางปัญญา กำลังเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเข้าร่วมเป็นภาคีในสนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยทรัพยากรพันธุกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น (WIPO Treaty on Intellectual Property, Genetic Resources and Associated Traditional Knowledge) โดยจะกำหนดให้ผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรจะต้องเปิดเผยประเทศต้นทาง หรือแหล่งที่มาของทรัพยากรพันธุกรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง หากองค์ประกอบดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งประดิษฐ์ในการขอรับสิทธิบัตร เพื่อป้องกันการนำเอาทรัพยากรพันธุกรรมและความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศกำลังพัฒนาที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ไปใช้อย่างไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม
กรรณิการ์ กิจติเวชกุล อนุกรรมการด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ สภาผู้บริโภค ระบุว่า การตัดสินใจเข้าร่วมสนธิสัญญาดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อยและชุมชนท้องถิ่นของประเทศไทย แม้สนธิสัญญานี้จะถูกอ้างมีบทบาทสำคัญในการกำหนดแนวทางมาตรฐานสากล โดยวัตถุประสงค์หลักของสนธิสัญญานี้ คือ การกำหนดให้ผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรเปิดเผยแหล่งที่มาของทรัพยากรพันธุกรรม และชุมชน ชนเผ่าพื้นเมือง หรือชุมชนท้องถิ่นที่ให้ความรู้ดั้งเดิม ที่จะได้รับการคุ้มครองอย่างเพียงพอภายใต้ระบบทรัพย์สินทางปัญญาในระดับโลก
แต่จากการประชุมรับฟังความคิดเห็น เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 67 ที่จัดโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา มีนักวิชาการด้านทรัพยากรพันธุกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และสิทธิบัตรเข้าร่วม ซึ่งสรุปได้ว่าสนธิสัญญาดังกล่าวยังมีความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแย่งชิงพันธุกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นไปเป็นสมบัติส่วนบุคคล โดยหลักการในการคุ้มครองสิทธิภูมิปัญญาชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น ยังไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวอ้าง
หวั่น WIPO เปิดช่องแย่งชิงทรัพยากรพันธุกรรม
สภาผู้บริโภค จึงมีความเห็นว่า เนื้อหาของสนธิสัญญาฯ นี้อาจเปิดช่องให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากรพันธุกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นไปเป็นสมบัติขององค์กรหรือบุคคลต่างชาติ จึงยื่นหนังสือขอให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาทบทวนการนำเสนอร่างสนธิสัญญาฯ ต่อ ครม. และต่อมาได้ประชุมหารือเกี่ยวกับสนธิสัญญาดังกล่าวกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อวันที่ 19 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา
โดยให้ข้อเสนอไปว่า การศึกษาที่กรมทรัพย์สินทางปัญญานำมาใช้สนับสนุนการเข้าร่วมสนธิสัญญาฯ นั้นเก่าเกินไป เนื่องจากเป็นข้อมูลที่มีอายุกว่า 8-9 ปี และเป็นเพียงแนวคิดกว้าง ๆ ที่ยังไม่มีงานวิจัย หรือการศึกษาที่เป็นปัจจุบัน ที่จะเปรียบเทียบให้เห็นถึงผลดี – ผลเสียของการเข้าร่วมเป็นภาคีในสนธิสัญญาฉบับนี้ ซึ่งกรมทรัพย์สินทางปัญญาควรมีงานวิจัย และข้อมูลการศึกษาที่เป็นปัจจุบันมาประกอบการพิจารณา และควรจะหารือให้รอบด้านกว่านี้เพื่อป้องกันผลเสียที่อาจเกิดในอนาคต
สำหรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเข้าร่วมสนธิสัญญาฯ แม้ในสนธิสัญญาฯ จะมีข้อกำหนดให้ผู้ยื่นจดสิทธิบัตรต้องเปิดเผยแหล่งที่มาของทรัพยากร พันธุกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น แต่กลับไม่ให้ประเทศภาคีเพิกถอนสิทธิบัตรหรือทำให้สิทธิบัตรนั้นเป็นโมฆะ หากผู้ขอสิทธิบัตรไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการเปิดเผยแหล่งที่มานั้นเท่ากับว่าสนธิสัญญานี้ไม่มีความหมาย
เปิดข้อกังวล WIPO ขัดหลักการคุ้มครองสิทธิภูมิปัญญา ชุมชนท้องถิ่น
ทั้งนี้ข้อสรุปที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในสนธิสัญญาฯ ดังกล่าวยังมีความสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการแย่งชิงพันธุกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นไปเป็นสมบัติส่วนบุคคล หลักการในการคุ้มครองสิทธิภูมิปัญญาชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น ยังไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กล่าวอ้าง ตัวอย่างเช่น
- แม้จะมีบทบัญญัติเฉพาะสำหรับการมีส่วนร่วมของชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น เช่น ข้อกำหนดให้ผู้ยื่นจดสิทธิบัตรต้องเปิดเผยแหล่งที่มาของทรัพยากรพันธุกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรพันธุกรรม แม้จะมีบทลงโทษหากไม่เปิดเผยแหล่งที่มา แต่กลับห้ามไม่ให้ประเทศภาคีเพิกถอนสิทธิบัตรหรือทำให้สิทธิบัตรเป็นโมฆะ หากเพียงเพราะไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดในการเปิดเผยแหล่งที่มา ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมายเพื่อป้องกันการแสวงหาประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรมจากพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ประจำถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ
- การจัดทำฐานข้อมูลเพื่อใช้เป็นแหล่งอ้างอิงที่มาของทรัพยากรพันธุกรรม ถูกกำหนดให้เป็นเพียงแค่ความสมัครใจของประเทศภาคีเท่านั้น
- นอกจากมีความสุ่มเสี่ยง ตามข้อ 1 และ 2 แล้วยังจะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นการเปิดช่องให้มีการแก้ไข พระราชบัญญัติสิทธิบัตร เพื่อคุ้มครองพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ใหม่
กรรณิการ์ ย้ำว่า หากไทยเข้าร่วมสนธิสัญญาฯ อาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรรายย่อยและชุมชนท้องถิ่นอย่างรุนแรง เนื่องจากสิทธิในการเข้าถึงพันธุกรรมที่เคยใช้อย่างเสรีอาจถูกจำกัดจากการจดสิทธิบัตร ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่ทรัพยากรพันธุกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทข้ามชาติหากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี
นอกจากนี้การละเมิดภูมิปัญญาท้องถิ่นอาจเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นเมื่อทรัพย์สินทางปัญญาที่พัฒนามาจากทรัพยากรเหล่านี้ถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับการคุ้มครองที่เหมาะสม
จี้ ครม. ทบทวนเดินหน้า WIPO
อย่างไรก็ตามแม้กรมทรัพย์สินทางปัญญาจะรับฟังข้อคิดเห็นและข้อกังวลของสภาผู้บริโภค แต่กลับยังคงเดินหน้านำร่างสนธิสัญญาฯ เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. สภาผู้บริโภคจึงเตรียมยื่นหนังสือถึง เลขาธิการ ครม. เพื่อขอให้ทบทวนเรื่องนี้
กรรณิการ์ บอกด้วยว่า การเข้าร่วมสนธิสัญญาฯ จะเป็นประโยชน์ก็ต่อเมื่อประเทศไทยมีความพร้อมและโครงสร้างการจัดการที่ชัดเจน แต่หากไม่มีมาตรการรองรับที่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาวโดยเฉพาะต่อเกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญในระบบเศรษฐกิจของไทย อย่างไรก็ตาม สภาผู้บริโภค และคณะนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญพร้อมที่จะให้ข้อคิด ร่วมทำวิจัย และให้ความร่วมมือกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศและสังคมอย่างแท้จริง