ผู้เชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติ ชี้ โลกร้อนสุดรอบ 80 ปี แต่นโยบายรัฐกลับไม่สอดรับการเปลี่ยนแปลง ต้องเร่งสร้างเครือข่าย ให้องค์ความรู้ไม่รอรัฐ ภาคประชาชน ระบุ ฤดูร้อนปี 67 เอลนีโญ่พีค “อาสาชาวนามหานคร” ท้า หนองจอก-มีนบุรี เย็นกว่าทุกที่ใน กทม. จากรูปธรรม “มหานครป่ากินได้”
12 – 14 ต.ค. 2566 อาสาชาวนามหานคร และอีโค่วิลเลจบึงน้ำรักษ์ จัดกิจกรรมต่อเนื่องในวันมหกรรมดินโลก เปิดให้ประชาชนได้เห็นป่าในเมืองกรุง โดยยังคงจัดบนที่ดิน 133 ไร่ อ.หนองจอก กรุงเทพฯ ของ วรเกียรติ สุจิวโรดม นักธุรกิจด้านส่งออกเคมีภัณฑ์ ที่เริ่มปรับที่ดินบริเวณนี้ตั้งแต่ปี 2560 และเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มอาสาชาวนามหาคร ปัจจุบันยังขยายผลทำงานร่วมกับกลุ่มอาสาออกแบบชีวิต และอาสาปลดหนี้แก้จน โดยยังคงใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ให้กับผู้ที่สนใจได้มาร่วมเรียนรู้เพื่อนำไปปรับใช้กับชีวิตของตัวเอง
และในปี 2567 เจ้าของยังท้าให้ประชาชนมาลองเยือน “มหานครป่ากินได้” ย่านหนองจอก เพื่อวัดความบริสุทธิ์ของอากาศที่ไร้ฝุ่น PM 2.5 และอุณหภูมิพื้นที่ที่เต็มไปด้วย ดิน น้ำ และต้นไม้ ที่อุดมสมบูรณ์ ว่าทำให้พื้นที่เย็นขึ้นได้จริงหรือไม่ในช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงที่สุดช่วงประมาณเดือน เมษายน-พฤษภาคมของปี 2567
ในปีนี้นอกจากกิจกรรมเยี่ยมชมความคืบหน้า ป่าในมหานครแล้ว ภายในงานมีเสวนาเรื่อง “เมื่อโลกเดือด จนลุกเป็นไฟ หนทางของมนุษย์ชาติจะเป็นอย่างไร รอดหรือตาย…“ มีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากหลายด้าน อาทิ รศ.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต, เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ, อาจารย์ยักษ์ – วิวัฒน์ ศัลยกำธร ผู้ก่อตั้งศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง และประธานสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง, ครูบาจ๊อก – พระวีระยุทธ์ อภิวีโร และวรเกียรติ สุจิวโรดม เจ้าของวลี “อย่าเป็นคนจนที่มีแต่เงิน” ผู้ก่อตั้งอาสาชาวนามหานคร
โลกเดือด อุณหภูมิเพิ่มเพียงจุดทศนิยม มีผลกระทบรุนแรง ติงรัฐนโยบายไม่เน้นการให้ประชาชนปรับตัวรับมือ
รศ.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต ระบุ เอลนีโญ่ที่กำลังเกิดขึ้นจะรุนแรงมากขึ้นในมีนาคม-เมษายน ปี 2567 และในอนาคตคาดการณ์ว่า สภาพอากาศจะเริ่มผิดปกติมากขึ้น ขณะที่ภาครัฐกลับไม่เน้นนโยบายที่ทำให้ประชาชนรู้รับปรับตัว ยกตัวอย่างเช่น นโยบายการใช้รถไฟฟ้า หรือ EV ลดพลังงาน แก้ปัญหาโลกร้อนในหลาย ๆ นโยบาย กลับเป็นภาพใหญ่ที่ไม่ได้ทำให้ประชาชนเรียนรู้การปรับตัวที่จะอยู่กับโลกร้อน โลกเดือดได้
ขณะที่ก่อนหน้านี้ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ นาซา ยังได้ออกบทความที่ระบุถึงปัญหาโลกร้อน อุณหภูมิในเดือนกันยายน สูงที่สุดในรอบ 80 ปี ยากที่มนุษย์จะเตรียมความพร้อมในการปรับตัว เพราะเราจะไม่สามารถเลี่ยงเหตุการณ์ความผันผวนได้อีก ยกตัวอย่างในปัจจุบัน ที่แม้ปริมาณฝนสะสมจะน้อยกว่าปกติ แต่น้ำก็ยังท่วมได้เพราะบริบทของพื้นที่ได้เปลี่ยนไปแล้ว ย้ำ ตัวเลขอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเพียงทศนิยม มีผลกระทบที่รุนแรงมากต่อโลก หากไม่มีการกระจายองค์ความรู้ในลักษณะเครือข่าย และรอนโยบายจากรัฐเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถรอดพ้นวิกฤตไปได้
“เกษตรทางเลือก ที่เป็นทางรอด!” ไม่สนองความโลภ และผลประโยชน์ จึงไม่ถูกเลือกผลักดันเป็นวาระสำคัญของประเทศ ?
เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ระบุ สาเหตุโลกร้อนมาจากกว่า 200 ปี ช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม รีบร้อนสร้างอุตสาหกรรม ขุดคาร์บอนใต้ดินให้มาใช้ในอากาศ ทั้งหมดนี้ เกิดจากคน ขณะที่ปัจจุบัน รัฐบาลไม่ให้ความสำคัญ เพราะสนใจผลประโยชน์เฉพาะหน้า จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ เกษตรทางเลือก ไม่ตอบสนองความต้องการ ความโลภ ที่เน้นกระแสรีบด่วนจนละเลิยการรักษาสิ่งที่เป็นมิตรต่อโลก
สอดคล้องกับ วิวัฒน์ ศัลยกำธร ผู้ก่อตั้งศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง มองว่า แผนการจัดการโลกร้อนของรัฐบาลเหมือนจะเป็นแนวทางที่ดี แต่ทำไม่ได้จริงในทางปฏิบัติ เพราะยังคงทำเหมือนเดิม ไม่ได้ให้ความสำคัญกับทางเลือก ทางรอดใหม่ ๆ ที่ผ่านมาโลกให้ความสำคัญกับ ดิน น้ำ ป่า อย่างต่อเนื่อง เอาจริงเอาจังกับการดูแลโลกให้น่าอยู่ โดยมี กลุ่มสมัชชาความร่วมมือทรัพยากรดินโลก (Global Soil Partnership) หรือ GSP ระบุให้
- 2561 แก้ปัญหาสารเคมี สารพิษ
- 2562 หยุดการชะล้าง พังทลายหน้าดิน
- 2563 ความหลากหลายทางชีวภาพ
- 2564 แก้ปัญหาดินเค็ม
โดยมีความคิดเห็นตรงกันว่า การจับมือกันสร้างสิ่งที่อยากเห็นขึ้นเอง โดยไม่รอรัฐบาล และทำเพื่อผู้อื่นไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เป็นสิ่งจำเป็นมากกว่า ในยุคที่เต็มไปด้วยรัฐบาลที่ไม่เข้าใจ และเน้นเพียงแต่จะหาผลประโยชน์ และแจกเงินเพียงอย่างเดียว
ครูบาจ๊อก พระวีระยุทธ์ อภิวีโร พระนักพัฒนา ที่ใช้แนวทางเกษตรผสมผสาน และองค์ความรู้ต่าง ๆ ในการช่วยเหลือชุมชน ให้สามารถพึ่งพาตัวเอง และหลุดพ้นจากความยากจนปัญหาหนี้ ใน อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ระบุว่า โลกเรากำลังสร้างนรกบนดิน หรือ โลกันตนรก จากปัญหาภายในจิตใจของตัวเองที่เต็มไปด้วย “ความโลภ โกรธ หลง” การจะปิดประตูนรกได้อย่างแท้จริง จำเป็นต้องมีขบวนการบุญ และสร้างนโยบายลดกิเลส ลดความอยาก ความต้องการของมนุษยช์ โดยฝากธรรมะทิ้งท้ายไว้ในวงเสวนาให้โลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขตามแนวทางสังคหวัตถุ 4 หรือ “ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตตา” เน้นการช่วยเหลือแบ่งปัน เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข ช่วยกันแก้ปัญหา ด้วยการยกระดับจิตใจจากข้างในสู่ข้างนอกไม่ให้ร้อนใจไปกับโลกภายนอก
ขณะที่ วรเกียรติ สุจิวโรดม ผู้ก่อตั้งอาสาชาวนามหานคร พูดถึงปัญหาหนี้สินคนไทย การระเบิดของหนี้ที่เป็นปัญหาใหญ่แก้ยาก และวิกฤตของทุกครัวเรือนในสังคมไทย ที่ผ่านมาจึงร่วมกันตั้งทีมงานอาสาปลดหนี้-แก้จน และอาสาออกแบบชีวิต โดยรอบล่าสุดจะมีการฝึกอบรม 20-22 ต.ค. 2566 มีขั้นตอนเรื่องวินัยการปลดหนี้ที่เขามองว่า เป็นเรื่องยากที่ไม่มีใครทำ เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ ชอบทำเรื่องยาก และยังคงต้องการขยายผลเพื่อให้พื้นที่ของเขาเป็นตัวอย่างของการรับมือกับวิกฤตในอนาคต โดยผลลัพธ์ที่น่าจะเห็นผลชัดคือในปีหน้า ที่ชวนประชาชนมาเยือน “อาสาชาวนามหาคร” หนองจอก-มีนบุรี มาร่วมกันวัดผลจากรูปธรรมที่พยายามสร้างกันมาจนถึงปีที่ 7 ว่าพื้นที่ 133 ไร่ตรงนี้สามารถเป็นปอด เป็นแหล่งยา แหล่งอาหาร เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ของคนเมืองได้จริงแค่ไหน ในช่วงที่ไทยและโลกเข้าสู่ภาวะโลกเดือด และจะพีคมากที่สุดในช่วงต้นปี 2567
The Active ติดตามการขยายผลต่อเนื่อง ซึ่งเวลานี้ได้ถูกปรับให้คนที่มีแนวคิดเดียวกัน เช่น การสร้างพื้นที่ปอดของเมือง อาหาร และยาสมุนไพร ได้มาร่วมทำ “โคกหนองนาอารยวิถี” ในรูปแบบของ “Eco village”
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- EP1 ปี 2563 โคก หนอง นา มหาเศรษฐี 23 พ.ค. 2020
- EP2 ปี 2564 โคกหนองนา ออกแบบชีวิต 13 ต.ค. 2021