ปฏิรูปขนส่ง หยุดตรวจสภาพรถทิพย์

องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน มอง ป.ป.ช. ชี้มูลอดีตนายช่างตรวจสภาพรถ จากกรณีไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษารวดเร็ว เป็นนิมิตหมายที่ดี แต่ยังสาวไม่ถึงข้าราชการระดับสูง ย้ำมีผู้เกี่ยวข้องอีกมาก จี้ ปฏิรูปกรมการขนส่ง ยุติคอร์รัปชันให้เป็นวาระแห่งชาติ

จากเหตุการณ์ เพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษานักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2567 จนต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชนหลายคน ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด

มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) ประเทศไทย กล่าวว่า การที่ ป.ป.ช. มีมติตัดสินอย่างรวดเร็ว ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะปรกติจะใช้ระยะเวลาในการไต่สวนขั้นต้นกินเวลาประมาณสัก 3 ปี แต่ตอนนี้เราเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับระดับล่าง เป็นข้าราชการระดับปฏิบัติการ C3-C5 เท่านั้นเองที่ถูกดำเนินคดี เพียงไม่กี่คน ไม่ได้ดำเนินคดีไปถึงข้าราชการระดับสูงหรืออธิบดีที่ต้องรับผิดรับชอบด้วย และเรื่องนี้ยังมีผู้ส่วนเกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก เช่น เอกชนเจ้าของบริษัทรถอีก

อย่างไรก็ตาม คนไทยรู้กันมานานเกี่ยวกับการคอร์รัปชันในกรมการขนส่งทางบก ที่มีหลากหลายรูปแบบในกระบวนการตรวจสภาพรถยนต์ รวมถึงการ “ตรวจสภาพรถทิพย์” ซึ่งทำให้มีรถที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยเต็มไปทั่วท้องถนน ทั้งรถทัวร์ รถแท็กซี่ รถเมล์ รถบรรทุก รถลากพ่วง รถกระบะ รถเก๋ง รวมไปถึงการสวมทะเบียนรถเกินอายุใช้งาน รถหนีไฟแนนซ์และรถขโมย แม้ไม่สามารถระบุจำนวนได้ว่ามีกี่คัน แต่มักปรากฏข่าวอยู่ตลอดเวลาต่อเนื่อง แทบทุกสัปดาห์ ซึ่งตามข่าวบอกว่าเจ้าหน้าที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่ว่าหน่วยงานก็ปล่อยปะละเลยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้

ทุกวันนี้ บริเวณกรมการขนส่งทางบก บริเวณถนนวิภาวดี หรือสำนักงานขนส่งจังหวัด ยังคงมีพวก “หน้าม้า” ที่มาเคาะกระจกถามว่ามากรมขนส่งฯ มาต่อทะเบียนใช่ไหม แล้วอาสาเป็นตัวแทนไปจัดการให้และเรียกเก็บเงิน หรือการตรวจสภาพรถเป็นการตรวจจากเอกสาร ที่บางบริษัทรถประจำทางและรถไม่ประจำทางตกลงราคากันไว้แล้วล่วงหน้า

มานะ กล่าวอีกว่า กรมการขนส่งทางบก พัฒนาตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ในการให้บริการ ซึ่งเป็นที่ชื่นชมมากในเรื่องการต่อทะเบียนรถ การทำใบขับขี่ที่รวดเร็วขึ้น แต่ยังมีเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ทุจริต ซึ่งการทุจริตจากเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่คน กระบวนการขั้นตอนให้บริการที่ไม่โปร่งใส การปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่ นำไปสู่การสวมทะเบียน นำป้ายทะเบียนของรถคันหนึ่งไปติดกับรถอีกคัน อาจเป็นป้ายทะเบียนปลอมหรือป้ายจริงจากรถที่ถูกขโมย มันส่งผลเสียหายในระดับกว้าง เพราะไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังทำให้รัฐเสียรายได้และความมั่นคงในหมู่ผู้ประกอบการค้าขายรถยนต์ด้วย

ในกรณีรถบัส กรมการขนส่งทางบกได้สั่งยกเลิกจดทะเบียนรถโดยสารสองชั้นตั้งแต่ปี 2559 แล้ว เนื่องจากเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุมากกว่ารถโดยสารชั้นเดียว ในปี 2560 ได้กำหนดมาตรการให้รถโดยสารขนาดใหญ่ที่มาจดทะเบียนใหม่จะต้องมีความสูงไม่เกิน 4.00 เมตร จากเดิมที่กำหนดไว้ 4.30 เมตร เพื่อไม่ให้มีการจดทะเบียนรถโดยสารสองชั้นเพิ่มใหม่ ซึ่งยังเป็นการควบคุมรถที่จดทะเบียนใหม่ แต่ไม่มีแนวทางที่เป็นรูปธรรมกับกลุ่มรถเก่าที่ยังมีจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีรถโดยสารสองชั้นให้บริการทั่วประเทศมากกว่า 6,300 คัน

สำหรับคดีรถบัสทัศนศึกษาเกิดเพลิงไหม้ส่วนอื่น ๆ ที่ยังไม่คืบหน้า มานะ ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้จนมีคนเจ็บคนตายจำนวนมาก จำเป็นอย่างยิ่งที่กระทรวงคมนาคม และรัฐบาลจะต้องทำเรื่องปฏิรูปกรมการขนส่ง ยุติคอร์รัปชันให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้อีกในอนาคต ถึงเวลาที่จะต้องแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้ได้ ไม่เฉพาะเรื่องการตรวจทะเบียนรถทิพย์ แต่รวมถึงปฏิรูปกลไกให้รอบคอบโปร่งใส ไม่มีการคอร์รัปชัน ทุกอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งจะเป็นการปกป้องสาธารณประโยชน์ และทำให้การการเดินทางบนท้องถนนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active