โจทย์ ‘วิน โพรเสส’ วัดกึ๋น ว่าที่ นายก อบจ.ระยอง แก้ปมมลพิษอุตสาหกรรม

หอการค้า จ.ระยอง เปิดเวทีชวน 3 ผู้สมัคร นายก อบจ. ประชันวิสัยทัศน์ ยกปัญหา มลพิษโรงงานอุตสาหกรรม ย้อนมองอำนาจในมือ อบจ. แก้ไขให้ดีขึ้นได้ หรือ ทำได้แค่ตามน้ำจากส่วนกลาง

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 68 ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ในวันที่ 1 ก.พ. 68 สภาหอการค้าจังหวัดระยอง จัดเวทีดีเบต หัวข้อ “อนาคตระยอง ฝากไว้…กับใครดี ?” โดยมี 3 ผู้สมัคร ได้แก่ ปิยะ ปิตุเตชะ (ผู้สมัครหมายเลข 1) อดีตนายก อบจ.ระยอง, สุวิท เหล่าฤทธิไกร (ผู้สมัครหมายเลข 2) และ ทรงธรรม สุขสว่าง (ผู้สมัครหมายเลข 3) จากพรรคประชาชน ร่วมแสดงวิสัยทัศน์การพัฒนา จ.ระยอง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับประชาชนในการตัดสินใจ

เทียบ 3 วิสัยทัศน์ 4 ปีเดินหน้าพัฒนา จ.ระยอง 

ช่วงแรกเป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ. แสดงวิสัยทัศน์ สิ่งที่อยากพัฒนาในจังหวัดระยอง คนละ 3 นาที โดย ปิยะ ปิตุเตชะ ผู้สมัครหมายเลข 1 อดีตนายก อบจ. ระยอง กล่าวว่า ตนอยู่ในตำแหน่งมา 3 สมัย ยืนยันว่า รู้จักรู้ปัญหา และสามารถแก้ปัญหาให้กับชาว จ.ระยอง ได้ ภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ที่ทำได้จริง และการใช้งบประมาณดำเนินการนโยบายจะต้องคำนึงถึงยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ และนโยบายของรัฐบาล ที่สำคัญคือนโยบายนายก อบจ. และนโยบายจังหวัดต้องไปพร้อมกัน

“นายกองค์การบริหารส่วน จ.ระยอง ไม่ใช่เทวดา การจะทำงาน การจัดใช้งบประมาณทำนโยบายอะไรก็แล้วแต่ ต้องอยู่ในกรอบอำนาจหน้าที่ ระเบียบที่กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด”

ปิยะ ปิตุเตชะ

ปิยะ ปิตุเตชะ ผู้สมัครนายก อบจ.ระยอง หมายเลข 1

ปิยะ บอกอีกว่า ก่อนหน้าที่จะมาเป็นนายก อบจ. เคยเป็น สส. ในช่วงที่ จ.ระยอง อยู่ในช่วงที่เติบโตอย่างไม่มีระเบียบ ไม่มีเงิน และมาเป็นนายก อบจ. ตั้งแต่สมัยที่งบประมาณ มีเพียง 600-700 ล้านบาท ได้พยายามรณรงค์เรื่องการจัดเก็บภาษี ที่จะนำมาเงินมาพัฒนา เช่น เรื่องการศึกษาที่โรงเรียนไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยนโยบายจะเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งเรื่องการศึกษาต้องทำต่อเนื่อง ตั้งแต่อนุบาลถึงปริญญาตรี ย้ำว่า การทำนโยบายของ อบจ. ต้องฟังเสียงประชาชนทั้งจังหวัด ทุกหมู่บ้านทุกตำบลว่าเขาต้องการอะไร เขาเดือดร้อนอะไร และสิ่งที่ประชาคมมา เขาอยากได้อะไรมากที่สุด

“ท่านรู้ไหมคนระยองต้องการถนนมากที่สุด 90% เพราะช่วงที่เราเป็นนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด หรือ เป็น อีอีซี หรืออะไรก็แล้วแต่ ถนนหนทางเราแย่ แต่ถนนก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกเส้น ถนนที่ อบจ. ทำได้ ต้องเป็นถนนที่ไทยโอนมายัง อบจ. หรือ เป็นถนนที่ท้องถิ่นอื่น ๆ ไม่สามารถทำได้ หรือเกินศักยภาพมาให้ อบจ. ทำ แต่จะเห็นว่าถนนที่ อบจ. ทำสายสำคัญจะมีการจราจรที่หนาแน่นเทียบเท่าถนนของกรมทางหลวง”

ปิยะ ปิตุเตชะ

ทรงธรรม สุขสว่าง ผู้สมัคร นายก อบจ.ระยองหมายเลข 3

ทรงธรรม สุขสว่าง ผู้สมัครนายก อบจ.ระยอง หมายเลข 3 จากพรรคประชาชน บอกว่า ในฐานะเป็นคน จ.ระยอง ซึ่งในอดีตไม่เหมือนกับปัจจุบันนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต ที่นี่เคยมีคำขวัญว่า ยิ้มได้ปลอดภัยแล้ว ชาวระยองขอต้อนรับทุกท่าน แต่วันนี้ระยองที่มีภูเขาทะเลสวยงาม เรามีชายหาด มีป่าชายเลน และมีผลไม้รสล้ำ รวมทั้งประเพณีที่งดงาม แต่ปัจจุบันนี้มีอุตสาหกรรมเข้ามาทำให้จังหวัดระยองมีฐานะดี จีดีพี เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ที่ดินราคาสูง แรงงานมีงานทำ แต่จังหวัดระยองกำลังประสบปัญหาระบบนิเวศที่เปลี่ยนไป ต้องเผชิญทั้งภาวะภัยแล้ง น้ำท่วม น้ำประปาไม่ไหล ปัญหาชุมชนแออัด “พวกเรารวย แต่พวกเราป่วย” คือชุมชนรอบโรงงานประชาชนสุขภาพแย่ มีน้ำมันรั่วไหลลงทะเล มีสารพิษสารเคมีทะลักสู่ชุมชนไม่ได้จะไปโจมตีอุตสาหกรรม เพราะอุตสาหกรรมหล่อเลี้ยงคนระยอง แต่ว่าต่อไปนี้อุตสาหกรรมที่ อบจ. ระยองจะต้องทำคือ อุตสาหกรรมที่มีสิ่งแวดล้อมดี 

โดยชี้ว่า จาการศึกษารายละเอียดในประมาณของ อบจ. 4 ปี ที่ผ่านมาพบว่า ไม่ได้ทำเรื่องเกษตร สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิต แต่งบประมาณจะเติบโตอยู่ใน 3 เรื่อง คือ อุตสาหกรรมและโยธา, การศึกษา, การบริหารทั่วไป ซึ่งพรรคประชาชนตั้งใจจะทำให้คนระยองกินดีอยู่ดี มีสุขภาพดี มีเศรษฐกิจที่ดี มีสิ่งแวดล้อมที่ดี

“เราได้ลงไปในพื้นที่ 8 อำเภอ ของ จ.ระยอง เราจะทำให้คน จ.ระยองเป็น จ.ที่มีความสุขตั้งแต่เกิดจนแก่ เราจะยกระดับขนส่งสาธารณะ ยกระดับน้ำประปาให้ดื่มได้ เราจะมี อบจ.โปร่งใส มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีหลักสูตรส่งเสริมทุกช่วงวัย และมี รพ.สต.ฉับไว ใกล้ชิดประชาชน และเรื่องเล็ก ๆ อย่างสุนัข แมวจรจัด เราก็จะทำด้วย วันนี้นโยบาย 100 วัน นโยบาย 1 ปี นโยบาย 1 สมัย 4 ปี จะทำให้สำเร็จ”

ทรงธรรม สุขสว่าง

สุวิท เหล่าฤทธิไกร ผู้สมัครนายก อบจ.ระยอง หมายเลข 2

ขณะที่ สุวิท เหล่าฤทธิไกร ผู้สมัครนายก อบจ.ระยอง หมายเลข 2 ระบุว่า จ.ระยอง มีทั้งอุตสาหกรรม มีการเกษตร สิ่งที่อยากส่งเสริม คือ

  1. การคมนาคม ต้องราบรื่น เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับระยอง

  2. ส่งเสริมเรื่องการศึกษา โดยเฉพาะภาษาจีนและอังกฤษ เพราะการสื่อสารด้วยภาษาเป็นเรื่องที่สำคัญ ในการติดต่อประสานงาน เพื่อให้ทุกคนมีศักยภาพในการทำงาน

  3. เรื่องสาธารณสุข โดยส่งเสริมให้มีสถานีอนามัยทุกตำบลใน จ.ระยอง การมีโรงพยาบาล ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามารักษา โดยตั้งใจให้ จ.ระยอง เป็นศูนย์กลางเรื่องสุขภาพที่คนทั่วโลกเข้ามาใช้บริการ ผลที่ตามมาคือ ท้องถิ่นจะสามารถนำเงินภาษีจากกิจกรรมเหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนาท้องถิ่นได้

  4. การส่งเสริมการลงทุน โดยให้ระยองเป็นฐานการผลิต เพราะ จ.ระยอง มีนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง หากสามารถดึงนักลงทุนเข้ามาได้ จะทำให้คนระยองมีงานทำ มีรายได้ พัฒนาสิ่งที่จำเป็นต่อคนระยอง

  5. การส่งเสริมอุตสาหกรรม คือ ต้องการทำให้ จีดีพี จ.ระยอง สูงขึ้น

“จ.ระยอง มีคนเก่งมากมาย จะเห็นว่าเศรษฐกิจของ จ.ระยอง ไม่ติดอันดับ 1 ก็ 2 หรือ 3 ทุกปี ถือว่า จ.ระยองมีทรัพยากรธรรมชาติ มีคนที่มีศักยภาพ ที่จะดูแล รักษา บำรุง สร้างรายได้”


สุวิท เหล่าฤทธิไกร

ปม ‘วิน โพรเสส’ วัดกึ๋นโยบาย ‘สิ่งแวดล้อม’ ในมือ อบจ.

ต่อมาในการดีเบต หัวข้อ สิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นประเด็นที่ จ.ระยอง กำลังเผชิญปัญหา โดยเฉพาะผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากโรงงานอุตสาหกรรม เช่น กรณี บริษัท วิน โพรเสส จำกัด

โดย ทรงธรรม ผู้สมัครหมายเลข 3 อธิบายว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมใน จ.ระยอง เป็นปัญหาหนักมากในเวลานี้ โดยฉพาะปัญหาที่มาจากภาคอุตสาหกรรม และภาคเกษตร ซึ่งภาคเกษตรอาจจะเป็นส่วนน้อย โดยจะขอเน้นไปที่ภาคอุตสาหกรรมที่ต้องหาแนวทางแก้ไข เพราะคนระยองต้องอยู่กับอุตสาหกรรมให้ได้ ดังนั้น การแก้ปัญหา คือ ต้องร่วมมือกับภาคเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม ที่จะเข้าไปจัดการสิ่งแวดล้อม

เมื่อถามว่าอำนาจของ อบจ. มีหรือไม่ ทรงธรรม ชี้ว่า อำนาจของ อบจ. อาจจะไม่ได้มีอย่างเต็มที่ แต่ก็มีโอกาสที่จะทำข้อบัญญัติ หรือทำสิ่งต่าง ๆ ที่สามารถไปช่วยเหลือประชาชนได้ เห็นได้จากการที่ไม่มีข้อบัญญัติมีอำนาจของ อบจ. ในช่วงเวลาที่ผ่านมา อย่างกรณีของ วิน โพรเสส ต้องรอส่วนกลางแก้ปัญหาเพียงอย่างเดียว ซึ่งขณะนี้ สส. ของพรรคประชาชน ที่อยู่ใน จ. ระยอง 5 คน พยายามผลักดันเรื่องกฎหมายปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ หรือ PRTR ที่ต้องมีกฎเกณฑ์กติกา การรายงานการเคลื่อนย้ายขยะอุตสาหกรรม ออกจากพื้นที่โรงงาน และรายงานว่าขยะเหล่านั้นไปจัดการที่ไหน 

ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่ อบจ. ระยอง จะต้องเข้าไป ร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์สารเคมีรั่วไหล หรือ เหตุการณ์ที่ถังเคมีระเบิด ที่สำคัญต้องมีระบบ Warning Center หรือ ระบบเตือนภัยเมื่อเกิดเหตุในโรงงานอุตสาหกรรม จะต้องมีการเตือนภัยให้กับประชาชน ให้รู้ทันทันที เพื่อจะได้รู้ทางหนีทีไล่ และให้มีการฝึกซ้อมเมื่อเกิดการระเบิดของสารเคมี หรือน้ำมัน คนระยองต้องได้รู้ และต้องมีแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที โดยทาง อบจ. จะเข้าไป ช่วยเหลือ ทั้งเรื่องการชดเชย เรื่องสิ่งแวดล้อม ที่ไม่สามารถฟื้นฟูกลับไปได้ หรือถ้ามีสารพิษ ไปอยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง อบจ. ต้องขนออกไปทันทีเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าการที่เรามีเงินมากมากมายมหาศาลจากการได้อาชีพ”

ทรงธรรม สุขสว่าง

ขณะที่ ปิยะ ผู้สมัครหมายเลข 1 กล่าวแย้งว่า เข้าใจว่า ทรงธรรมหวังดีในการจะทำ แต่สิ่งที่พูดไปนั้น “ทำไม่ได้” เพราะต้องแก้กฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ สส. และรัฐบาล อย่าง กรณีของ วินโพรเสส ที่อยู่ใกล้บ้าน ชาวบ้านเดือดร้อน อบจ. นำอุปกรณ์เข้าไประงับเหตุ ยังต้องขออนุญาตก่อน หรือ หากจะรื้อหรือทำต้องขออนุญาต เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับพื้นที่หรือสารเคมีในถังไหลออกมาจะทำให้เกิดความวุ่นวาย 

“ขอเรียนเลยว่าสิ่งแวดล้อมเอาเรื่องง่าย ๆ อุตสาหกรรมบ้านเราเราก็ไม่มีทางไปแก้ไขได้เพราะ รัฐบาลเป็นคนกำหนด เขตอุตสาหกรรม เขตประกอบการนิคมอุตสาหกรรม อบจ. จะไปทำอะไรได้ รัฐบาลสั่งมา เรามีหน้าที่แค่อะไรรู้ไหม ขยะ อำนาจหน้าที่ อบจ. ทำได้เลย ขยะชุมชนที่มีทุกครัวเรือน วันละ 1,000 กว่าตัน จะทำอย่างไร นอกจากขยะชุมชนยังมีขยะอุตสาหกรรมไม่อันตราย ขยะอุตสาหกรรมอันตราย แต่ที่ว่าเป็นขยะอุตสาหกรรมอันตรายไม่ใช่หน้าที่ของเราเลย ไม่มีทางไปแตะได้เลย อบจ. ไม่มีกฎหมายที่จะไปทำ ผมบอกเลยว่าอย่าไปเพ้อฝัน เอาเรื่องที่ทำได้จริงคือขยะทุกครัวเรือน ทำอย่างไรให้ขยะเข้าระบบ ไม่มีขยะเปียก คัดแยกให้ได้ ขยะอันตรายบอกรัฐบาลมาทำ สิ่งที่เราจะพูดว่าเราจะทำนั้นมันต้องทำได้ ยืนยันว่าสิ่งที่ทำคือการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทำได้และเป็นประโยชน์สูงสุด ในการใช้งบประมาณที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน”

ปิยะ ปิตุเตชะ

ทรงธรรม อธิบายย้ำว่า ก่อนหน้านี้ ทำงานอยู่ที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาก่อน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบอำนาจให้ท้องถิ่นดูแลเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และที่ อดีต นายก อบจ.ระยอง กล่าวถึง อาจจะมองว่า อบจ. ไม่มีขอบเขตอำนาจ ในการที่จะไปดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ อบต. เทศบาล หรือ อบจ. เรื่องนี้อยู่ในขอบเขตอำนาจหนึ่งของ อบจ. ด้วย และหากอยากจะมีอำนาจในการดำเนินการ อบจ. จะต้องขอมอบอำนาจมาจาก อุตสาหกรรมจังหวัด หรือ กระทรวงอุตสาหกรรม ให้ อบจ. สามารถที่จะแก้กฎหมายในเรื่องของการมอบอำนาจในการจัดการ

“เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องอยู่เคียงข้างประชาชน สารพิษเวลาอยู่คือ 3 ปี 5 ปี ประชาชนของเราได้รับความเดือดร้อน ถ้าท้องถิ่นไม่มีบทบาท ผมคิดว่าคงไม่อยากเป็น นายก อบจ. เรื่องต่อมาคือ ถ้าจะแก้กฎหมาย เรามีทีม สส. แม้ สส.ในสภาฯ จะเป็นฝ่ายค้าน ไม่ใช่เสียงข้างมาก แต่วันนี้กฎหมาย PRTR เกี่ยวกับเรื่องสารพิษได้เสนอเข้าไปแล้ว และสิ่งสำคัญที่สุดคือ มี MOU อะไรบางอย่างที่อบจ. ไปเซ็นกับจีนผมอยากขอฟังรายละเอียดเรื่องนี้เหมือนกัน”

ทรงธรรม สุขสว่าง

ด้าน สุวิท ผู้สมัครหมายเลข 2 ย้ำถึงนโยบาย เรื่องสิ่งแวดล้อมว่า จ.ระยอง เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ผู้คนมาอยู่อาศัยจำนวนมาก ทำให้ชุมชนขยายตัว สิ่งที่ตามมาคือ ปัญหาขยะ ปัญหาน้ำเสีย เป็นโจทย์ที่ต้องมาคิดว่าจะแก้อย่างไร อาจจะต้องเก็บขยะไปเผา หรือ หากเป็นขยะเปียกเคยมีคนบอกว่า ถ้าเรานำขยะเปียกแต่ละบ้าน มาฝังกลบใต้ดินเป็นปุ๋ย เพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นเหม็น ส่วนขยะแห้งก็ใช้วิธีการฝังกลบ ส่วนปัญหาน้ำเสียต้องมีการบำบัดน้ำเสียโดยใช้เครื่องมือ กล่าวคือ ต้องมีการจัดระบบระเบียบและแผน นอกจากนี้ยังมีเรื่องการจำกัดทะเบียนรถยนต์ เพื่อลดปัญหาการเผาผลาญพลังงานเชื้อเพลิง ที่เป็นผลกระทบต่อมลพิษทางอากาศ พร้อมเสนอว่า ควรมีบทลงโทษ กรณีการ เผาอ้อย ฟางข้าว ข้าวโพด ที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศอย่างฝุ่น PM 2.5 ด้วย


Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active