6 วาระที่คนเชียงใหม่เสนอ อยากเห็นนายก อบจ.คนใหม่เดินหน้าร่วมพัฒนาจังหวัด

ภาคประชาสังคมเชียงใหม่ จัด 6 เวทีระดมความเห็น ก่อนเสนอ 6 วาระเชียงใหม่ ครอบคลุม คุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ ปัญหาฝุ่นควัน การศึกษา สิทธิการเดินทาง และการกระจายอำนาจ พร้อมรับฟังนโยบายผู้สมัคร เพื่อนำไปสู่ทิศทางเชียงใหม่ ที่ร่วมกันกำหนดและออกแบบได้

“อยากมีชีวิตดี ๆ เริ่มได้ที่ อบจ.”

“องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เป็นกลไกระดับจังหวัดที่สำคัญ มีงบประมาณ และบทบาทหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาไปพร้อมกับการพัฒนาจังหวัด  ดังนั้นถ้า อบจ.ดี บ้านของเราอาจดีตาม”

เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2568 The ActivePolicy Watch ไทยพีบีเอส ร่วมกับภาคีเครือข่ายเปิดพื้นที่สื่อสาร ความสำคัญของการเลือกตั้งท้องถิ่น การกระจายอำนาจ และการใช้งบประมาณระดับท้องถิ่น พร้อมไปกับการเปิดพื้นที่ฟังเสียงสะท้อนความต้องการ และความคาดหวังต่อการเลือกตั้ง อบจ.ผ่าน “Policy Forum ครั้งที่ 29 : เลือก อบจ. เลือกอนาคตท้องถิ่น จ.เชียงใหม่” ณ หอประชุม 80 พรรษา อบจ.เชียงใหม่

“เชียงใหม่” เป็นเมืองท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ และมีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้มากถึง 42 คน การเลือกตั้ง อบจ.ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องท้องถิ่น แต่เกี่ยวโยงไปถึงการเมืองระดับประเทศ

“เชียงใหม่” มีงบฯ อบจ. 2,160 ล้าน มากสุดในภาคเหนือ

จากการรวบรวมข้อมูลในหลายมิติของ อบจ.ภาคเหนือ ของ Rocket Media Lab, สถาบันพระปกเกล้า และคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

สันติชัย อาภรณ์ศรี บรรณาธิการบริหาร Rocket Media Lab พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า “เชียงใหม่” เป็นจังหวัดที่มีงบประมาณ อบจ. มากที่สุดของภาคเหนือ รวมปีละ 2,160.87 ล้านบาท โดยมีที่มาจาก 3 ส่วน ได้แก่ รัฐจัดสรร 1,555.19 ล้านบาท เงินอุดหนุน 397.22 ล้านบาท และจัดเก็บเอง 208.45 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นท้องถิ่นที่จัดเก็บงบประมาณเองได้มากที่สุดของภูมิภาค

ที่น่าสนใจคือ อบจ.เชียงใหม่ หาเงินได้จาก ภาษี (ยาสูบ น้ำมัน อากรรังนกอีแอ่น) มากที่สุด 81.79 ล้านบาท คิดเป็น 39.24% รองลงมาคือ รายได้จากทรัพย์สิน 64.88 ล้านบาท คิดเป็น 31.13% และค่าธรรมเนียม ค่าปรับ ใบอนุญาต 60.37 ล้านบาท คิดเป็น 28.96%

แต่เมื่อเปรียบเทียบกับ อบจ.อื่น ๆ ทั่วประเทศ พบเชียงใหม่ติดท็อป 5 อบจ.ที่จัดเก็บรายได้จากค่าธรรมเนียมบำรุงท้องถิ่นจากโรงแรมได้สูงที่สุดเพียงอย่างเดียว ขณะที่การจัดเก็บรายได้จากภาษียาสูบ และภาษีน้ำมัน ไม่ติดอันดับ 1 ใน 5

ขณะที่การใช้งบประมาณของ อบจ.ภาคเหนือ พบว่า ใช้ในอุตสาหกรรมโยธามากที่สุด 33.06% รองลงมาคือ บริหารงานทั่วไป 19.06% สาธารณสุข 12.74% และการศึกษา 11.66% เป็นไปในทิศทางใกล้เคียงกับ อบจ.เชียงใหม่ ที่ใช้ในอุตสาหกรรมและโยธา มากที่สุด 37.49% รองลงมาคือ บริหารงานทั่วไป 13.74% การศึกษา 11.20% งบกลาง 10.34% และสาธารณสุข 9.38%

โดย งบฯ ก่อสร้างของ อบจ.เชียงใหม่ ไปอยู่ที่ถนนมากสุด 898.64 ล้าน รองลงมาคือ อาคารและสิ่งปลูกสร้าง 47.31 ล้านบาท  การระบายน้ำและป้องกันน้ำท่วม 25.43 ล้านบาท และสะพาน 28.41 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่า อบจ.ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม แต่อีกปัญหาใหญ่อย่างฝุ่นควันกลับยังน้อย อีกทั้งจากสถิติการลดไฟป่า ในปี 2567 แม้จะลดลงแต่ก็น้อยนิด ไม่ถึง KPI ซึ่งอยู่ที่ 50% นั่นหมายความว่าเชียงใหม่อาจต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นควันต่อเนื่องไปอีก

“อยากให้ชวนกันคิดต่อจากข้อมูลนี้ ว่าเราต้องการให้ นายก อบจ. หรือ ส.อบจ. ทำอะไรต่อในอนาคตเกี่ยวกับจังหวัดและภาคของเรา และควรจะโยกงบฯ จากส่วนที่ปัญหาน้อยแต่งบฯ มาก มาเพิ่มให้กับส่วนที่มีปัญหาใหญ่จริง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาได้อยากตรงจุดมากขึ้น”

สันติชัย อาภรณ์ศรี 

ข้อเสนอ 6 วาระที่คนเชียงใหม่อยากเห็น นายก อบจ.ใหม่ทำ

ภาคประชาสังคมเชียงใหม่ได้รวบรวมความคิดเห็นของประชาชนจาก 6 เวที ตลอดปีที่ผ่านมา เพื่อนำเสนอ 6 วาระสำคัญที่อยากให้นายก อบจ.คนใหม่ดำเนินการ โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

วาระที่ 1 : คุณภาพชีวิต ความหลากหลาย ชาติพันธุ์ สังคมสูงวัย สุขภาพ และแรงงาน

วิไลลักษณ์ เยอเบาะ เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย บอกว่า คนเชียงใหม่เกือบ 2 ล้านคน มีกลุ่มคนมากมาย ที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย ทั้งภาษา วัฒนธรรม เช่น กลุ่มแรงงาน ผู้พิการ คนไร้บ้าน และอีกมากมาย แต่สิ่งที่มีเหมือนกันคือความเหลื่อมล้ำในคุณภาพชีวิต

ศุภลักษณ์ บำรุงกิจ สหภาพแรงงานบาริสต้าและเครือข่ายแรงงานภาคเหนือ บอกเสริมว่า แม้ส่วนกลาง หรือ อบจ.จะมีข้อจำกัดจากระบบราชการ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำได้เลยคือ “อบจ.สามารถแสดงความจริงใจที่จะยกระดับการจ้างงาน” ให้ทุกคนมีสวัสดิการอย่างทั่วถึง เช่น ประกันสังคม มีสมดุลชีวิตการทำงาน (Work Life Balance) ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ และมีโอกาสที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะขั้นสูงอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญต้องส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ให้ทั้งพ่อและแม่ สามารถลาคลอดได้ 180 วัน

ขณะเดียวกันต้องทำหน้าที่เชื่อมโยงกับสำนักงานจัดหางาน เพื่อจับคู่แรงงานและตำแหน่งงานที่เปิดรับเข้าด้วยกัน แก้ปัญหาคนตกงาน และเปิดพื้นที่ส่วนร่วมให้ประชาชนสามารถออกแบบโครงการต่าง ๆ ของ อบจ.ได้ เช่น โครงการอุดหนุนการจ้างงาน โครงการฝึกงาน

ส่วนคุณภาพชีวิตดี ๆ ที่คนเชียงใหม่ต้องการ คือ น้ำประปาดื่มได้, บริการสุขภาพที่ทั่วถึงและเป็นธรรม พร้อมกับสิทธิใหม่ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปอด และสุขภาพจิต, การศูนย์กีฬาแก้ปัญหายาเสพติด และสวนสาธารณะที่ตอบโจทย์การใช้งานของผู้หญิงมากขึ้น, แจกผ้าอนามัยฟรี, สร้างศูนย์เด็กเล็ก ที่จะเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก คืนแม่เข้าตลาดแรงงาน และสร้างศูนย์สร้างเสริมพหุวัฒนธรรม

วาระที่ 2 : เศรษฐกิจสีเขียวท่องเที่ยวสร้างสรรค์

วารุณี คำเมรุ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ บอกด้วยว่า การท่องเที่ยวเป็นรายได้ให้กับเชียงใหม่มากถึง 70% แต่ยังมีปัญหาจัดเก็บภาษีได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย การแก้ไขปัญหาอย่างฝุ่นควัน น้ำท่วม ที่ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก อย่างน้อย 3 เดือนในแต่ละปี รวมถึงขนาดสนามบินที่เล็ก ส่งผลให้นักเดินทางมาได้จำกัด จึงเป็นเรื่องด่วนที่ต้องเร่งจัดการ

ส่วนเรื่องที่ส่งเสริมต่อนั้น ต้องสร้างการรับรู้ว่าเชียงใหม่เป็น “เมืองแห่งเทศกาล” ที่ทุกคนสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี, เป็นเมือง “World Class Adventure Sport” ที่จัดวิ่งเทรล ปีนผาระดับโลก และเป็นเมืองสุขภาพดีและสมุนไพรโลก ขณะเดียวกันก็ต้องยกระดับสินค้าท้องถิ่นให้มีความเป็นสากลรองรับความต้องการนักท่องเที่ยว และสามารถส่งออกไปยังหลายประเทศทั่วโลก

แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าไม่เริ่มแก้ผังเมือง ให้ที่พักและโรงแรมขนาดเล็กสามารถประกอบการได้ เพราะเมื่อไรที่ผู้ประกอบการโรงแรมที่กำลังมากพอ อาจทำให้ อบจ.จัดเก็บภาษีได้มากขึ้น และสามารถแบ่งเงินจากภาษีโรงแรม 30% มาทำการตลาดให้การท่องเที่ยวเชียงใหม่ยิ่งเป็นที่นิยม

วาระที่ 3 : การแก้ปัญหาฝุ่นควัน

ปริศนา พรหมมา ตัวแทนสภาลมหายใจเชียงใหม่ บอกเพิ่มเติมว่า ปัญหาฝุ่นคลุมเชียงใหม่เกิดขึ้นทุกปี ซึ่งมาจากทั้งยานพาหนะ การเผาไหม้ในพื้นที่ป่า ฝุ่นควันข้ามจังหวัด และฝุ่นควันข้ามแดน จึงอยากให้ นายก อบจ.คนใหม่สนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทำข้อบัญญัติสิ่งแวดล้อม งบประมาณ การจัดการไฟป่าร่วมกับกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เนื่องจากพบข้อจำกัดด้านงบประมาณและกำลังคนที่รับผิดชอบในการจัดการไฟป่า โดยมีตัวเลขว่าเจ้าหน้าที่ 1 คน ต้องดูแลป่า 5,000 ไร่ จึงเป็นไปได้ยากที่จะจัดการไฟป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รวมถึงเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยอาจเพิ่มพื้นที่การเกษตรสีเขียวปีละ 1,000 ไร่ เพื่อลดการเผาไหม้พืชล้มลุก และนำร่องคัดกรองมะเร็งปอดในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในการกำกับดูแลของ อบจ.

วาระที่ 4 : การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และการเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม

เสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง ตัวแทนเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ ตั้งคำถามชวนให้คิดว่า หลายครั้งที่เชียงใหม่มีคอนเสิร์ต จากศิลปินระดับโลก เช่น แบมแบม GOT7 มาแล้ว ทำไมถึงไม่ค่อยเห็นคอนเสิร์ตที่เป็นของคนเชียงใหม่เอง ถ้าเป็นไปได้จึงอยากให้ นายก อบจ.คนใหม่ ยกระดับศิลปินท้องถิ่น รวมถึงดูแลสวัสดิการพ่อครูแม่ครู ที่เป็นต้นทุนทางวัฒนธรรมประเพณี ให้พวกเขาสามารถส่งต่ออาชีพนี้ให้กับลูกหลาน

อย่างไรก็ตามต้องส่งเสริมการศึกษาในพื้นที่ห่างไกล โดยเพิ่มวิชาที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ และเป็นประโยชน์กับการประกอบอาชีพในอนาคตด้วย เนื่องจากถ้าสมมติเก่งแต่ทอผ้าเพียงอย่างเดียว ถ้าไม่ทอผ้าแล้ว เขาจะทำอะไรต่อไป

อีกสิ่งสำคัญคือต้องทำให้ “8 แหล่งมรดกทางวัฒนธรรม” ไปสู่ “มรดกโลกให้ได้” เพราะเชื่อว่านี่อาจทำให้เกิดความเจริญ การจัดทำพื้นที่รองรับ ไปจนถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (น้ำ ไฟ ระบบขนส่ง) และมีคุณภาพชีวิตที่ดี แต่การจะไปถึงจุดนั้น ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ และงบประมาณในการจัดทำข้อมูล รวมถึงการประชาพิจารณ์ ซึ่งต้องพึ่งพากำลังของ อบจ.

วาระ 5 : สิทธิการเดินทาง เมืองที่เป็นธรรมสำหรับทุกคน

จิรกร สุวงษ์ ผู้ประกอบการกลุ่ม We Green บอกว่า เชียงใหม่ต้องมีระบบการจราจรอัจฉริยะที่ทุกคนเข้าถึงได้ (Smart Mobility for All) โดยต้องพัฒนาเส้นทางให้ครอบคลุม ปรับรถขนส่งสาธารณะให้เป็นรถโลว์คาร์บอน เช่น EV Bus ส่งเสริมให้เกิดการเดินรอบเมืองและขี่รถจักรยานได้สะดวก พร้อมเพิ่มบทบาทให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของพวกเขาอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ เนื่องจากกลุ่มไรเดอร์มีปริมาณมากขึ้น และหลายคนใช้บริการอยู่เป็นประจำ จึงควรมีจุดพักรถ โดยอาจติดแอร์ หรือมีที่นั่งที่มากพอให้รอ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ต้องแออัดอยู่หน้าร้านอาหาร

วาระ 6 : การกระจายอำนาจ จังหวัดจัดการตนเอง

อภิบาล สมหวัง คณะก่อการล้านนาใหม่ บอกอีกว่า อำนาจอยู่ในมือคนเชียงใหม่ทุกคน อบจ.ชุดใหม่ที่กำลังเข้าไปทำหน้าที่จึงควรจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการรวมตัวและการรวมกลุ่มทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นแรงงานบริการ พี่น้องชาติพันธุ์ และผู้ต่อสู้เรื่องสิ่งแวดล้อม พร้อมเปิดพื้นที่ให้กลุ่มต่าง ๆ ได้ร่วมกำหนดวาระและแสดงความเห็นในการทำงานของ อบจ. ตลอดจนมีสิทธินั่งเป็นกรรมการชุดต่าง ๆ ที่ อบจ.มีอยู่ในขณะนี้

คำตอบรับจาก “ผู้สมัคร นายก อบจ.” ถึงคนเชียงใหม่

ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่ทั้ง 3 คน รับฟังข้อเสนอ 6 วาระจากตัวแทนภาคประชาสังคม และให้ความเห็น การตอบรับ ดังนี้

“เชียงใหม่ในอนาคตจะสวยงาม ไม่มีใครถูกลืม พร้อมดูแลทุกอย่าง และทำงานอย่างเป็นรูปธรรม”

พิชัย เลิศพงศ์อดิศร

พิชัย เลิศพงศ์อดิสร เห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะผลักดันเชียงใหม่เป็น “เมืองมรดกโลก” และ “เมืองแห่งเทศกาล” เพราะรายได้หลักของจังหวัดคือการท่องเที่ยว ส่วนการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลก เช่น วิ่งเทรล ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเสนอมา ก็พร้อมที่จะสนับสนุน

ด้านความหลากหลายทางพหุวัฒนธรรมและสังคมชาติพันธุ์ พร้อมจะดูแลในทุก ๆ ด้านเช่นเดียวกัน โดยทุกคนสามารถมานำเสนอได้ แต่ในเรื่องชุมชนเป็นเจ้าของป่า ตัวเองอยากทำให้เกิดพื้นที่ “หมู่บ้านแฝด” ให้ชุมชนที่มีพื้นที่ป่าเข้ามาเติมความรู้ ความเข้าใจในการดูแลป่าและการทำเกษตรกรรมกับพื้นที่ที่ไม่มีป่า

ไม่เพียงเท่านั้นยังรวมถึงการเพิ่มงบประมาณจัดการฝุ่น จัดตั้งวอลลูมโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดดูแล เพิ่มพื้นที่ปอดกลางเมือง ขยายเส้นทางจราจรใหม่เพื่อลดความหนาแน่นของรถบนท้องถนน ซึ่งเบื้องต้นได้ออกแบบพื้นที่ไว้หลายเส้นแล้ว รอสานต่อหากได้รับการเลือกตั้งเป็น นายก อบจ.อีกครั้ง พร้อมให้ความเชื่อมั่นว่าการอยู่พรรคเพื่อไทย อาจทำให้การประสานงานกับส่วนกลางและหน่วยงานราชการอื่น ๆ ของรัฐเป็นไปได้ง่าย

คนเชียงใหม่ต้องสุขภาพแข็งแรง มีอากาศสะอาด และมีความสามารถที่จะเติบโตได้ทุกคน ทั้ง 25 อำเภอ

พันธุ์อาจ ชัยรัตน์

พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ บอกว่า ชีวิตดี ๆ ในเชียงใหม่เกิดขึ้นได้ เพราะหลาย ๆ ข้อบัญญัติสามารถออกได้โดย สภา อบจ.ดังนั้นเรื่อง “จังหวัดจัดการตนเอง” สามารถทำได้เลย ไม่ต้องรอให้ปรับกฎหมายใด ๆ เพราะเป็นสิทธิการดูแลคนเชียงใหม่ทั้งหมด

เชียงใหม่มีความหลากหลาย ทั้งทางเพศ พหุวัฒนธรรม และชีวมวล การดูแลคนเชียงใหม่จึงต้องครอบคลุมทั้ง 3 ประเด็นนี้ ส่งเสริมให้พี่น้องชาติพันธุ์มีวิชาชีพต่อยอดไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน รับเอาความสร้างสรรค์จากทุกคนแบบไม่จำกัดเพศมาทำให้วัฒนธรรมเชียงใหม่รุ่มรวยงดงาม พร้อมเปิดให้เกิดธุรกิจและการจ้างงานกลุ่ม LGBTQIAN+ ด้วย โดยเน้นให้เกิดการจ้างงานคนในพื้นที่ก่อน ชาวต่างชาติ

นอกจากนี้ยังต้องส่งเสริมให้เกิด “เศรษฐกิจส้มเขียวหวาน” ให้คนอยู่กับป่าได้ แล้วป่าจะอุดมสมบูรณ์ เกิดการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ พร้อมสนับสนุนให้เกิดการยกระดับสินค้าท้องถิ่น ร้านอาหารปลอดภัย และ EV Bus ขนส่งนักท่องเที่ยว ซึ่งจะกระจายความเจริญและโอกาสให้คนทั่วทั้ง 25 อำเภอไปพร้อมกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันต้องสร้างสตอรี่ให้ชุมชนท้องถิ่น เพื่อดึงคนรุ่นใหม่ให้อยากกลับทำงานที่บ้านเกิดด้วย 

คนเชียงใหม่จะยิ้มได้อย่างมีความสุข หัวเราะได้ดัง ๆ ด้วยความมั่นคงและมีคุณภาพชีวิตที่ดี

พลตรีพนม ศรีเผือด 

พลตรีพนม ศรีเผือด มองเห็นว่าเชียงใหม่มีพื้นที่ป่าภูเขา 80% เพราะฉะนั้นความหลากหลายทางวัฒนธรรม กลุ่มชาติพันธ์ในเชียงใหม่จึงเยอะ แต่พวกเขากลับไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร ตัวเองจึงอยากให้พี่น้องชาติพันธุ์มีที่ยืนในสังคมได้สง่างาม พร้อมขับเคลื่อนเชียงใหม่ไปสู่มรดกโลก ขณะเดียวกันผู้สูงอายุก็ไม่ทิ้ง จะจัดกิจกรรมเฉพาะผู้สูงอายุ รวมถึงเปิดโอกาสให้เขาได้เป็น “ชราจารย์” เล่าประสบการณ์เรื่องราวชีวิตให้เด็ก ๆ ฟัง ส่วนแรงงานก็ต้องพัฒนาให้มีทักษะขั้นสูง เพื่อให้พวกเขาสามารถตั้งหลักและยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง

ด้านสุขภาพ นอกจากจะยกระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้ทุกคนสามารถพบแพทย์ได้ครบจบ โดยไม่ต้องเดินทางไกลไปถึงโรงพยาบาลในตัวเมือง ยังจะเพิ่มพื้นที่ออกกำลัง และโปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะกับช่วงวัย

ส่วนปัญหาไฟป่า ซึ่งสูญเสียเจ้าหน้าที่ทุกปี จึงมองว่า ต้องทำงานร่วมกับชุมชน เพิ่มการลาดตระเวน ตั้งจุดสกัด เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ต้องรอตั้งรับดับไฟป่า

สำหรับการขนส่งสาธารณะ ต้องปรับปรุงให้เป็น EV BUS ติดแอร์ และมีความปลอดภัยสูง พ่อและแม่จะได้ไม่จำเป็นต้องไปส่งลูก และใช้ประโยชน์จากลำน้ำปิง โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ให้เกิดการขนส่งทางน้ำ ควบคู่ไปกับทางบก

ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่าประชาชนคนในพื้นที่คือคนที่รู้ดีที่สุด แต่โจทย์สำคัญในการเลือกตั้ง อบจ.ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ คือ ผู้สมัคร นายก อบจ.คนใด ที่จะจริงจัง และตอบรับความต้องการ ความคาดหวังของพี่น้องได้ เพราะเขาจะเป็นคนที่เข้ามาทำงาน บริหารจัดการงบประมาณของจังหวัดแทนเราต่อไป

ภาพจาก : Lanner

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active