ชี้ มาตรฐานสากล บัตรเสียควรอยู่ที่ ระดับ 3 – 3.5% ย้ำ กกต. ต้องรับผิดชอบ หาสาเหตุอะไรเป็นปัญหา พร้อมปรับบทบาทใหม่ ด้าน กกต. ย้ำตัดสินใจถูกต้อง จัดเลือกตั้งวันเสาร์ เผย เตรียมสั่งเลือกตั้งใหม่ 4 เขต หลังคะแนนน้อยกว่า ‘โหวตโน’
วันนี้ (3 ก.พ. 68) แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงสรุปภาพรวมการเลือกตั้ง นายก อบจ. 47 จังหวัด และ ส.อบจ. 76 จังหวัด และจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
เลขาธิการ กกต. ระบุว่า จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง นายก อบจ. มีจำนวน 27,991,587 คน โดยมีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 16,362,185 คน (58.45%) แบ่งเป็น บัตรดี 14,272,694 ใบ (87.23%) บัตรเสีย 931,290 ใบ (5.69%) เมื่อเปรียบเทียบการเลือกตั้งปี 2563 พบว่า ผู้มาใช้สิทธิ์ลดลง 4% เนื่องจากครั้งก่อนตั้งเป้าออกมาใช้สิทธิที่ 70% แต่ผู้ออกมาใช้สิทธิ์ 62% ส่วนครั้งนี้ตั้งเป้าผู้ออกมาใช้สิทธิ์ 65% มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์จริงเพียง 58% ส่วนบัตรเสีย มีจำนวนเท่ากันกับปี 2563 คือ 5.63% ส่วนปีนี้ พบบัตรเสีย 5.69%

ขณะที่ การเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 47,124,842 คน ผู้มาใช้สิทธิ 26,418,754 (56.06%) แบ่งเป็น บัตรดี 23,131,324 ใบ ( 87.56%) บัตรเสีย 1,488,086 ใบ (5.63%) ซึ่งบัตรเสียถือว่าดีกว่าปี 2563 ซึ่งครั้งก่อนมีบัตรเสีย 7.59%
‘ลำพูน’ ครองแชมป์ ผู้มาใช้สิทธิ์สูงสุด
เลขาฯ กกต. เผยข้อมูล จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.อบจ. และ นายก อบจ. (47 จังหวัด) มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
- ลำพูน 73.43%
- นครนายก 73.00%
- พัทลุง 72.56%
- นราธิวาส 68.42%
- มุกดาหาร 68.03%
จังหวัดที่มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส.อบจ. (29 จังหวัด) มากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
- พะเยา 61.68%
- เลย 58.04%
- เพชรบุรี 57.44%
- ยโสธร 56.72%
- ชัยนาท 56.63%
โดยมีจังหวัดที่ต้องประกาศให้มีการเลือกตั้ง ส.อบจ. ใหม่ จำนวน 4 เขตเลือกตั้ง โดยมีเหตุจาก 2 กรณี คือ คะแนนที่ได้ต่ำกว่าจำนวนผู้โหวตโน ภายใน 7 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง (1 ก.พ. 68) และดำเนินการรับสมัครใหม่ในเขตเลือกตั้ง และกำหนดวันเลือกตั้งไม่เกิน 45 วัน นับแต่วันที่ประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่ ดังนี้
- กรณีที่ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากผู้สมัครมีลักษณะต้องห้าม อยู่ระหว่าง การถูกจำกัดสิทธิ์ เนื่องจากไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ตามมาตรา 50 (20) แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 จำนวน 1 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ จ.ชัยนาท อ.วัดสิงห์ เขตเลือกตั้งที่ 1
- กรณีได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งไม่มากกว่าคะแนนเสียงที่ไม่เลือกผู้ใด จำนวน 3 เขตเลือกตั้ง ได้แก่ จ.สุพรรณบุรี อ.เมืองสุพรรณบุรี เขตเลือกตั้งที่ 1, จ.ตรัง อ.เมืองตรัง เขตเลือกตั้งที่ 2 และ จ.ชุมพร อ.สวี เขตเลือกตั้งที่ 4 ซึ่งการเลือกตั้งใหม่จะต้องประกาศให้มีการเลือกตั้งภายใน 7 วันและต้องกำหนดวันเลือกตั้งไม่เกิน 45 วันนับแต่วันที่ประกาศให้มีการเลือกตั้งใหม่

ยันเลือกตั้ง ‘วันเสาร์’ ตัดสินใจถูกต้อง
เลขาฯ กกต. ยังชี้แจงถึง ปัญหาการใช้สิทธิ์ของประชาชน เช่น เรื่องการเลือกตั้งวันเสาร์ ตามข้อกฎหมายที่ต้องดำเนินการจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน ซึ่งพบว่าในข้อเท็จจริงในการเลือกตั้งครั้งนี้มี 6 จังหวัด ส่งข้อมูลเลือกตั้งเกินในเวลา 24.00 น. เนื่องจากมีปัจจัยเรื่องเส้นทางเดินทางที่ทุรกันดาร และเป็นเกาะ โดยยืนยันการเลือกดังกล่าวเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว
“ปัญหาเชิงข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่กล่าวไปแล้ว คือ การดูแลรักษาความปลอดภัยของ กรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) การรายงานและบัตรทุกครั้งด้วยเส้นทางที่ธุรกันดาร ระยะทางไกลทุกครั้งมีอุบัติเหตุทุกครั้ง และ ครั้งนี้มี กปน. เสียชีวิตระหว่างทางการส่งบัตร เราให้ความสำคัญกับชีวิตคน กปน. เสียสละมาทำงานให้เราและต้องมากำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ไม่ต้องไปกดดัน กปน. ที่ต้องรีบส่งหีบบัตรหลังจากนับคะแนนภายใน 3-4 ชั่วโมง ที่ทุรกันดาร เราขอแสดงความเสียใจและพร้อมที่ดูแล กปน. ตามสิทธิตามกฏหมาย”
แสวง บุญมี
เลขาฯ กกต. บอกด้วยว่า การจัดการเลือกตั้ง อบจ. ในวันเสาร์ได้คำนึงถึงความเที่ยงธรรมในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งได้ใช้กติกาเดียวกัน บัญชีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเดียวกัน และหาเสียงในเวลาเดียวกัน จึงถือว่าเป็นธรรมกับผู้สมัครทุกคน แม้ว่าจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจะน้อยกว่าปี 2563 ถึง 4% แต่ก็ยังสูงกว่าเมื่อเทียบกับการเลือกตั้ง นายก อบจ. ในวันอาทิตย์ ช่วง เดือน ธ.ค. 67 จำนวน 29 จังหวัด ตัวเลขผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งประมาณ 53% ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 1 ก.พ. น้อยลงกว่าคราวที่แล้ว เพราะครั้งนี้มีการจัดการเลือกตั้ง อบจ. ไปก่อนแล้ว 29 จังหวัด
กกต. ชี้ บัตรเสียเยอะ เพราะ ประชาชนสับสนหมายเลข
เลขาฯ กกต. ยังระบุถึงจำนวนบัตรเสียที่มากถึง 5.6% จากการวิเคราะห์ พบว่า มาจากตัวผู้เลือกเอง ที่สับสนระหว่างหมายเลขของนายกฯอบจ. และหมายเลขของ ส.อบจ. ซึ่งมีจำนวนผู้สมัครไม่เท่ากัน ทำให้ประชาชนการลงในช่องที่ไม่มีผู้สมัคร แต่ทำเครื่องหมายกากบาทถูกต้อง จึงกลายเป็นบัตรเสีย ไม่ใช่การตั้งใจทำให้บัตรเสีย ในขณะที่บางเขตมีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ก็อาจจะให้เกิดความสับสนในการเลือก ส่วนการทำเครื่องหมายผิด และการตั้งใจทำให้บัตรเสียก็มี ซึ่งหลังจากนี้ ก็จะไปพิจารณาว่าจะหาทางแก้ไขอย่างไร เพราะก็เป็นปัญหาในเชิงระบบด้วย
“แต่สำหรับการลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์ เลือกผู้สมัครผู้ใดที่มีจำนวนมากนั้น คงจะไม่สามารถตอบแทนประชาชนหรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ เพราะน่าจะเป็นการแสดงออกทางความรู้สึกของประชาชนต่อการเลือกตั้ง หรือต่อผู้สมัคร ซึ่งจากคะแนนในช่องนี้ส่งผลให้ ผู้ที่ได้รับเลือก 3 คนไม่ผ่านเกณฑ์ และจะต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ รวมกับ เขตที่ไม่มีผู้สมัครอีก 1 เขต ซึ่งผู้อำนวยการการเลือกตั้งในเขตนั้นจะต้องมีการประกาศภายใน 7 วัน และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน”
แสวง บุญมี
ส่วนกรณีการนับคะเเนนที่มีรายงานว่า บางหน่วยมีจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกับจำนวนบัตรเลือกตั้งไม่เท่ากัน ประมาณ 4-5 จังหวัด ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการตามระเบียบ ซึ่งจังหวัดจะเป็นผู้เสนอขึ้นมาให้ กกต. พิจารณา ว่าจะมีการลงคะแนนใหม่หรือนับคะแนนใหม่หรือไม่
ขณะที่กรณีของ จ.สมุทรปราการ มีบัตรเสียเป็นจำนวนมาก และ สส.ฝ่ายค้าน ขอให้มีการนับคะแนนใหม่นั้น เลขาฯ กกต. กล่าวว่า การขอนับคะแนนใหม่จะมีหลักเกณฑ์และวิธีการ ซึ่งต้องดูว่าในระหว่างการนับคะแนน มีการทักท้วงหรือไม่
ส่วนข้อร้องเรียนการเลือกตั้ง มีเรื่องร้องเรียนส่งมายังสำนักงานกกต. จนถึงเมื่อวาน จำนวน 180 เรื่อง ทั้งประเด็นการจัดการเลือกตั้ง และประเด็นการทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของ กกต.

We Watch ชี้ ผู้มาใช้สิทธิ – บัตรเสีย ถึงเวลา กกต. ต้องปรับ
ด้าน พงษ์ศักดิ์ จันทร์อ่อน ผู้อำนวยการ We Watch ให้สัมภาษณ์ในรายการ ตรงประเด็น ไทยพีบีเอส ว่า จากตัวเลขที่ กกต. รายงานจากการเลือกตั้ง อบจ. จำนวนผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ถือว่าเป็นปัญหาในเชิงหลักการ และ กกต. ที่เป็นองค์กรอิสระต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ โดยอธิบายว่า ภาระหน้าที่ของ กกต. มี 3 เรื่อง คือ
- ภาระหน้าที่ในการเตรียมพร้อมจัดการเลือกตั้ง ให้ความรู้ความเข้าใจ เชิญชวนให้คนมาใช้สิทธิเลือกตั้ง
- อำนวยความสะดวกและทำให้คนที่มาใช้สิทธิเข้าถึงสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือคนที่ไม่สะดวก ซึ่งการประกาศเป็นวันที่ 1 ก.พ. ที่ตรงกับวันเสาร์ หลายคนไม่สะดวกมาใช้สิทธิ ตรงนี้ขัดแย้งกันกับหลักการ
- เมื่อเขาใช้สิทธิ์แล้ว สิทธิ์ต้องถูกนับ
“ผมกำลังจะบอกว่า จริง ๆ เรื่องนี้ กกต. รู้มาตั้งแต่ไหนเพราะว่ามันเป็นระเบียบเรื่องระยะเวลา มันประเมินได้ คำนวณได้ แต่ว่าพอเขามาประกาศแบบนี้ผมรู้สึกว่า ผิดหวัง ถึงขั้นต้องดมยาดม ว่าพัฒนาการแบบนี้ออกมาได้อย่างไร ผมคิดว่าคำอธิบายของ กกต. ยังมีคำโต้แย้ง นักวิชาการก็พูด ฝ่ายกฎหมายก็พูด แม้กระทั่งคนที่สังเกตการณ์อย่างพวกผมก็อธิบายไปแล้ว”
พงษ์ศักดิ์ จันทร์อ่อน
พงษ์ศักดิ์ บอกอีกว่า บทบาทของ กกต. ในการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น We Watch เคยตั้งคำถามว่าทำไม กกต. ไม่เป็นคนดำเนินการเอง เพราะท้องถิ่น อย่าง กระทรวงมหาดไทย เป็นคนจัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควร เพราะเมื่อให้ท้องถิ่นจัดการเองจึงกลายเป็นช่องว่าง และกลายเป็นคำถามว่าท้องถิ่นที่ดำเนินการ อย่างที่สูงสุด เช่น ปลัด อบจ. ขณะที่ นายก อบจ. ที่มาลงสมัคร เคยทำงานร่วมกันอาจจะมีปฏิสัมพันธ์กัน ทำให้สามารถตั้งคำถามถึงประเด็นความสัมพันธ์ หรือเกิดความเคลือบแคลง หรือมีความยุติธรรมหรือไม่ หรือหากมีข้อร้องเรียนจะตัดสินอย่างไร

พงษ์ศักดิ์ บอกด้วยว่า จากการจับตาการเลือกตั้ง อบจ. ที่ผ่านมา มีข้อสังเกตที่น่าสนใจ 2 ประเด็นหลักที่ร้องเรียนไปยัง กกต. คือ กรณีที่ จ.สมุทรปราการ มีผู้เสียหายรายหนึ่งไปเลือกตั้ง แต่พอไปแสดงตัวเพื่อขอใช้สิทธิ์ปรากฏว่ามีคนลงชื่อในรายชื่อของเขา ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการเจตนาแสดงตัวว่าเขาคือคนในรายชื่อนี้ ซึ่งมีการเขียนทั้งในรายชื่อและต้นขั้ว 2 ใบ เจ้าตัวจึงท้วงว่ายังไม่ได้ใช้สิทธิ ปัญหาคือ ประชาชนไม่ได้รับความสะดวก หรือพยายามที่จะช่วยให้เขาได้ใช้สิทธิ เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่า “หรือมีคนใช้สิทธิแทนคุณไปแล้ว อาจจะต้องไปร้องเรียนหรือฟ้องร้องเอง”
“ผมต้องขอบคุณจิตสำนึกในเรื่องการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของผู้หญิงคนนี้ เขายืนยันว่าเขาไม่ได้ผิดอะไร เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถผลักภาระรับผิดชอบได้ เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมายและทุจริต สุดท้ายการโต้เถียงจบลงโดยการเชิญเจ้าหน้าที่ กกต. มา ก็ยินยอมให้เขาได้ใช้สิทธิ แต่ก็ไม่ได้เซ็นอะไรในใบรายชื่อ ตรงนี้ผมคิดว่าตรงนี้มี 2 นัย คือถ้าเกิดกับเขามันก็เกิดกับคนอื่นได้ และในเชิงเทคโนโลยีหรือสิ่งที่จะเป็นไปได้มันเป็นไปได้หลายรูปแบบมาก แต่เค้ายืนยันว่าถึงขั้นให้ตรวจกล้องวงจรปิดได้เลยว่ายังไม่ได้ใช้สิทธิ”
พงษ์ศักดิ์ จันทร์อ่อน
จากกรณีดังกล่าว We Watch มีข้อเสนอว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องทุจริตต้องดำเนินคดี จึงเรียกร้อง กกต. 2 ประเด็น คือ 1. กกต. ต้องตรวจสอบ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่อาจจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้ ซึ่งผู้เสียหายรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย จากการถูกนำบัตรประชาชนไปใช้ 2. กกต. ต้องหาทางป้องกัน โดยหากจะป้องกันเรื่องนี้ให้ปลอดภัย ให้เจ้าหน้าที่รู้สึกว่าเมื่อเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะโกง เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัวอะไร โดยการติดตั้งกล้องวงจรปิด ซึ่งตอนนี้แทบไม่มีกล้องวงจรปิดอยู่ในหน่วยเลือกตั้งเพราะไม่ได้อยู่ในระเบียบ กำหนดมาจาก กกต.
ยอมรับไม่ได้ บัตรเสีย 5.69%
พงษ์ศักดิ์ บอกอีกว่า จากตัวเลขบัตรเสียที่เกิดขึ้น 5.69% ในระดับองค์กรสังเกตการเลือกตั้งที่เป็นสากล ยอมรับไม่ได้ เพราะเสียมากเกินไป เพราะปกติมาตรฐานจะอยู่ที่ระดับ 3-3.5% ซึ่งเราต้องมานั่งดูแลว่าเกิดจากอะไรมีปัญหาอะไร ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่เป็นความรับผิดชอบของ กกต. เพราะกกต. มีหน้าที่ ทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเข้าใจ และรู้ว่าต้องกาอย่างไร ตัวเลขนี้สะท้อนว่า กกต. จะพัฒนาปรับปรุงแก้ไขอย่างไร
“ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่า เสาที่พูดถึง คือ สิทธิของเขาต้องถูกนับ อย่างไรก็ไม่สามารถเอาทางเทคนิคมาอยู่เหนือหลักการได้ เหมือนเรานั่งกันอยู่ 20 คน ด้วยวิธีใดก็ตามถ้าอยากจะให้เราได้ใช้สิทธิ จะใช้วิธียกมือ หรืออย่างไรก็ตามขอให้สิทธิเราได้ถูกนับ นี่เป็นสากลที่ทุกประเทศเขาเปลี่ยนกฎหมาย โดยให้บัตรที่ทำเครื่องหมายเป็นเครื่องหมายใด ๆ ก็ได้ แต่แสดงให้เห็นว่าเจตนารมย์ต้องการที่จะเลือกผู้สมัครคนนั้น”
พงษ์ศักดิ์ จันทร์อ่อน
We Watch ได้จัดเตรียมทำส่งข้อเสนอให้กับกรรมาธิการที่อยู่ในสภาฯ และเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ ที่จะเสนอ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยหลังจากนี้จะเป็นเรื่องการติดตามตรวจสอบ เนื่องจาก อบจ. ครั้งนี้ แข่งกันด้วยนโยบายและมีสีสันจากผู้มีชื่อเสียง ทำให้ประชาชนได้ตื่นตัว ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาในระดับท้องถิ่น เสนอว่า ถ้ามีการเปิด สภา อบจ. ประชาชนควรสามารถเข้าไปดู ไปตรวจสอบ ได้ว่ามีการนำนโยบายที่หาเสียงไว้ไปใส่ไว้ในทำงานอีก 4 ปีข้างหน้าหรือไม่
อีกเรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่ คือ โครงสร้างทางกฎหมาย อยากจะขอเชิญชวนประชาชนให้ติดตามเรื่องการแก้ไขกฎหมาย และการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งตอนนี้กำลังพูดคุยกันอยู่ในสภฯา และท้ายที่สุดคือ การมีส่วนร่วมทางการเมือง คือ ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการออกแบบกำหนดกติกา เช่น กกต. เราควรได้มีส่วนกำหนดว่าที่มาที่ไปของ กกต. มาอย่างไร