เรือน้ำมันที่จอดซ่อมทำที่ท่าอู่ซ่อมเรือรวมมิตร อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ระเบิด ส่งผลให้บ้านและพื้นที่ใกล้เคียงกระจกแตก มีผู้สูญหายและบาดเจ็บหลายคน เร่งตั้งศูนย์เฉพาะกิจ ประสานความร่วมมือคุมสถานการณ์ เวลา 11.05 น. ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
วันนี้ (17 ม.ค.66) เวลาประมาณ 09.20 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ smooth see 22 และต่อมาได้เกิดการระเบิด ภายในอู่ซ่อมเรือบริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุ ในเขตพื้นที่ อบต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม เป็นผลให้บ้านเรือนและพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกระจกแตกจากแรงสั่นสะเทือนมีผู้บาดเจ็บและสูญหาย
โดยช่วงเวลา 09.30 น. สมนึก พรหมเขียว ผวจ.สมุทรสงคราม พร้อมด้วย ภราดล รุ่งโรจน์ธีระ หน.สนง.ปภ.สมุทรสงคราม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งอำนวยการสั่งการเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ บริเวณสำนักงาน รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด เพื่ออำนวยการสั่งการฯ โดยมีหน่วยงานร่วมปฏิบัติงานประกอบด้วย เทศบาลเมืองสมุทรสงคราม รถดับเพลิง 2 คัน เรือดับเพลิง 1 คัน อบต.บางแก้ว รถดับเพลิง 1 คัน เทศบาลตำบลอัมพวา รถดับเพลิง 1 คัน เจ้าท่าภูมิภาคฯ ส่งเรือดับเพลิง 1 ลำ หน่วยกู้ภัยสว่างเบ็ญจธรรม เบญจธรรม นำรถกู้ภัย 2 คัน โรงพยาบาลมหาชัย รถพยาบาล 2 คัน
ล่าสุดอยู่ระหว่างการประสานขอรับรถดับเพลิงโฟมจาก อบต.บางแก้ว เทศบาลเมืองเขาย้อย บริษัทเชลล์ จำกัด บริษัทน้ำมันพีที จำกัด บริษัทก๊าซ ศูนย์เฉพาะกิจบรรเทาภัย นอกจากนี้ กทม. ยังได้นำโฟม 200 ลิตร มาช่วยทำการดับเพลิง พร้อมประสานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสงครามจะนำเรือไปบรรทุกโฟมฯ
โดยข้อมูลเบื้องต้นจาก ปภ. จังหวัดสมุทรสงคราม เรือสมูทซี 22 น้ำหนักเรือ 2,996 ตันกรอสส์ แจ้งเข้าซ่อมอู่เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 ในเรือมีน้ำมันเตาและดีเซล จำนวน 20,000 ลิตร มีลูกเรือ 16 คน ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 5 คน นำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯพบศพผู้เสียชีวิต 1 คน ยังไม่ทราบรายละเอียด
ในขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังทำการดับเพลิงบนเรือ ยังคงมีควันลุกไหม้บนเรืออย่างต่อเนื่อง มีการระเบิดประทุบนเรือล่าสุดครั้งที่ 5 เมื่อเวลา 11.05 น. ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
ข้อมูลจากกรมเจ้าท่า ระบุว่า SMOOTH SEA 22 ได้เริ่มใบอนุญาตใช้เรือ ในวันที่ 09 มิ.ย.2566 และหมดอายุใบอนุญาตใช้เรือ วันที่ 30 พ.ค.2566 โดยระบุประเภทการใช้บรรทุกผลิตภัณฑ์น้ำมัน ที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส
ด้าน ภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ระบุว่าจากข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าเรืองดังกล่าวเป็นเรือเปล่าที่เทียบท่าจอดซ่อม เตรียมพร้อมก่อนเข้าวงรอบข้อบังคับการตรวจเรือของกรมเจ้าท่า ซึ่งทราบว่ามีลูกเรือ 6 คน ปลอดภัยครบหมด ส่วนในอู่ซ่อมเรือมีคนหายไป 7-8 คน แรงระเบิดรับรู้ได้ไกลประมาณ 7 กม.
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ยังไม่รู้สาเหตุการระเบิด แต่สำหรับเรือที่จอดซ่อมก็มีโอกาสระเบิดมีการอยู่แล้วเวลาซ่อมแล้วเกิดประกายไฟ โดยเชื่อว่าเรือมีประกัน ไม่น่ามีปัญหาเรื่องการชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุว่าอู่นี้ขึ้ทะเบียนถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งเรื่องมาตรการกำกับดูแล เป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องเข้ามาช่วยกัน