ผวจ. ปัตตานี ลงนามตั้งศูนย์ป้องกันและยับยั้งภัยพิบัติ ร่วมวางแผนและสนับสนุนภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ ร่วมมือ กับ กองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 เปิดปฏิบัติการ “Eye in the sky“ เฝ้าระวังอุทกภัยทางอากาศ จ.ปัตตานี
วันนี้ (18 ต.ค.67) พาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ชลประทานจังหวัด อุตุนิยมวิทยาจังหวัดปัตตานี และนายอำเภอเมืองปัตตานี ร่วมกับ น.อ.รัชต์ภาคย์ ธรรมธีรศรี ผู้บังคับการกองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 น.อ. นครินทร์ พัชรตระกูลพงศ์ เสนาธิการกองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 นำทีมเจ้าหน้าที่กองกำลังทางอากาศฯ ร่วมปฏิบัติการ “Eye in the sky“ เฝ้าระวังอุทกภัยทางอากาศ จ.ปัตตานี นำอากาศยาน EC725 เฮลิคอปเตอร์ บินสำรวจดูปริมาณน้ำสายหลัก ที่ผ่านจังหวัดปัตตานี ทั้งแม่น้ำปัตตานี และสายบุรี รวมถึงเขื่อนและคลองต่างๆที่สำคัญ
ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน อุทกภัยและดินโคลนถล่ม ได้ส่งผลความเสียหายค่อนข้างรุนแรง ซึ่งปัตตานีเป็นอีกจังหวัด ที่มีพื้นที่เสี่ยงและโอกาสที่จะเกิดภัยพิบัติ จากสถิติที่รวบรวมไว้ การวางแผนเพื่อป้องกันและยับยั้งภัยพิบัติ จึงเป็นหัวใจสำคัญคัญของการรับมือเพื่อลดผลกระทบและความรุนแรงภัยพิบัติได้
ไม่ใช่แค่การติดตามประเมินสถานการณ์น้ำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนเครือข่ายชุมชนให้มีเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ และองค์ความรู้ในการรับมือภัยพิบัติ แต่การใช้ข้อมูลทางอากาศ ซึ่งจะสามารถเห็นสภาวการณ์กับภูมิศาสตร์ ทั้ง ปริมาณน้ำ การไหลของน้ำ ความชันของน้ำ จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ทำให้สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ เพื่อวางแผนป้องกันยับยั้ง และแจ้งเตือนภัยพิบัติให้กับประชาชนได้ และความร่วมมือกับทางกองทัพอากาศครั้งนี้ จึงเป็นปฏิบัติการสำคัญส่วนหนึ่งของการยับยั้งป้องกันภัยพิบัติ
ด้าน น.อ.รัชต์ภาคย์ ธรรมธีรศรี ผู้บังคับการกองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่ 9 เปิดเผยว่า ตามนโยบายผู้บัญชาการทหารอากาศ ต้องการใช้ขีดความสามารถของกองทัพอากาศ ช่วยประชาชน ซึ่งมีขีดความสามารถ ในการใช้กล้องในการตรวจจับวิดีโอดาวน์ลิ้ง DA42 หรือเรียกว่า Diamond DA42 ลิ้งสัญญานมาที่ศูนย์ปฏิบัติการกองกำลังทางอากาศเฉพาะกิจที่9 เพื่อจะดูว่า ณ เวลานั้นอุทกภัยถึงไหน น้ำถึงไหนแล้ว
ส่วนที่ 2 เราสามารถใช้เทคโนโลยีเรื่องการถ่ายภาพด้วยกล้อง Lidar ซึ่งสามารถบินไปที่จุดพิกัดที่เราต้องการถ่าย และเมื่อนำมา generate แล้ว จะมีความชัดเจนถึงชั้นความสูงของพื้นที่นั้น สสามารถจำลองได้ว่า น้ำสูง 1 เมตร จะท่วมถึงไหน ถ้าท่วม 2 เมตร ท่วมถึงไหน 0.5 เมตร ท่วมถึงไหน อันนี้เป็นการวางแผนเชิงรุก เพื่อป้องกันบรรเทาสาธารณภัยของจังหวัด ที่เราสามารถป้องกันเขตพื้นที่ต่างๆได้ สามารถที่จะพยากรณ์ได้ว่า ท่วมถึงไหนอย่างไร ความรุนแรงแค่ไหน
“อีกส่วนสำคัญ คือ การวิเคราะห์การไหลของน้ำ ทิศทางน้ำ เพราะมีชั้นความสูง น้ำไหลจากที่สูงลงมาที่ต่ำเสมอ สามารถจะพยากรณ์ได้ว่าน้ำจะไปตรงไหนบ้าง เนื่องจากตอนนี้ภูมิประเทศต่าง ๆ ได้เปลี่ยนไป เพราะเรามีการสร้างถนน สร้างทางรถไฟ สร้างหมู่บ้าน การถมที่ต่าง ๆ ภูมิประเทศได้เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นความสูงของพื้นที่ในแผนที่อาจจะล้าสมัย หรือไม่ใช่ภาพ ณ ปัจจุบัน เมื่อเราถ่ายภาพที่อัปเดตปัจจุบัน ก็จะสามารถคำนวณได้ว่า ทิศทางการไหลของน้ำไปทิศทางไหน และจะสามารถที่จะป้องกันบริเวณจุดนั้นได้“
สุดท้ายคือ อากาศยาน ec725 เฮลิคอปเตอร์ที่ใช้วันนี้ คือแบบเดียวกับที่ใช้ในภารกิจภัยพิบัติอุทกภัยที่ที่เชียงราย และเชียงใหม่ ในการหย่อนอาหาร หย่อนยาไปที่พื้นที่น้ำท่วมสูง ที่ไม่มีหน่วยพื้นดินเข้าถึงได้ อันนี้เราก็จะเข้าถึง สามารถส่งน้ำ อาหาร ยา เบื้องต้นไปก่อน หรือแม้กระทั่ง คนเจ็บสามารถที่จะนำเปลสนามช่วยผู้ป่วย ผู้ประสบภัย ขึ้นมาบนอากาศยานได้ อันนี้เป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยทางจังหวัดได้ รวมถึงเรื่องของการวางแผนการอำนวยการ เราใช้ห้องศูนย์ปฏิบัติการให้ทางจังหวัด เรามีกล้องให้เห็น มีกล้องอย่างที่เชียงใหม่ เราใช้กล้องไออาร์ถ่ายภาพเห็นช้าง อันนี้จะเห็นว่าถ้าเราใช้อันนี้ กรณีที่สภาพน้ำเยอะสูงมากเป็นเวลากลางคืน เราใช้กล้องเห็นผู้ประสบภัย อยู่ในป่าเขาอะไร เราสามารถช่วยผู้ประสบภัยได้