ประชาชนแจ้งผ่าน Traffy fondue พบรอยแตกร้าวกว่า 2,000 รายการ ระดมวิศวกรอาสา ชี้มีอาคารกว่า 700 แห่งที่ต้องลงไปดูรายละเอียดในวันนี้ โดยเขตที่พบการแจ้งเข้ามามากที่สุดอยู่แถบชั้นใน เหตุมีตึกสูง ขณะที่กระทรวงมหาดไทย เปิดศูนย์รับคำร้องจากประชาชน พร้อมเข้าไปตรวจสอบ อาคารทุกแห่งที่มีความเสี่ยงโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
วันนี้ (29 มี.ค.2568) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า วันนี้มีภารกิจเร่งด่วน 2 เรื่อง คือ 1.การกู้ภัยอาคารถล่มที่เขตจตุจักร สั่งการเดินหน้าเต็มที่ และมีการปรับยุทธวิธีให้สอดคล้องกับสถานการณ์คือ มีการนำเครื่องมือหนักเข้าไปเพื่อนำชั้นที่ถล่มลงออกมาเข้าไปหาคนที่รอดชีวิตอยู่ด้านใน ทั้งนี้ เมื่อคืนมีการใช้เครื่องมือของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในการสแกนพบสัญญาณชีพอยู่ 15 ราย ย้ำว่าเดินหน้าเต็มที่ ห้ามหยุด ห้ามช้า เพื่อช่วยชีวิตคนให้ได้มากที่สุด ส่วนภารกิจที่ 2 คือ อาคารส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯ ที่ประชาชนอาจจะยังกังวล หน้าที่ กทม.คือต้องสร้างความมั่นใจว่าอาคารมีความปลอดภัย

ซึ่งวันนี้จะส่งวิศวกรอาสาประมาณ 130 คน เข้าไปตรวจอาคารเหล่านี้ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ถ้าเป็นของอาคารภาครัฐ อาคารหน่วยงานราชการ ทางอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองจะเป็นผู้รับผิดชอบในการส่งเจ้าหน้าที่ไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ส่วน อาคารเอกชน กทม. กับวิศวกรอาสาจะเข้าไปดูแล โดยเมื่อคืนใน Traffy fondue มีประชาชนแจ้งเรื่องรอยแตกร้าว ประมาณ 2,000 ราย มีหน่วยวิศวกรนั่งตรวจสอบ ซึ่งมีอาคารประมาณ 700 แห่ง ที่ต้องลงไปดูละเอียดในวันนี้ เขตที่แจ้งเข้ามามากที่สุดจะเป็นแถวในชั้นในเนื่องจากมีตึกสูง ส่วนเขตรอบนอกแทบไม่มีเลย ทั้งนี้คาดว่าสถานการณ์น่าจะค่อย ๆ คลี่คลายลง
สำหรับประชาชนที่ยังมีความกังวลกับการทำงานในตึกสูงวันจันทร์นี้ ต้องเร่งตรวจสอบให้มั่นใจว่าปลอดภัยแล้วค่อยเปิด ซึ่ง 2 วันนี้เป็นช่วงเวลาที่จะต้องเร่งดำเนินการ จากนี้จะออกคำสั่งให้อาคารสูงขนาดใหญ่ซึ่งต้องมีผู้ตรวจสอบอาคารออกมาตรวจสอบอาคารอีกครั้ง แต่เชื่อว่าทุกคนต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก โดย 2 วันนี้จะมีการระดมสรรพกําลังลงไปตรวจสอบให้มากที่สุด โดยวิศวกรอาสาประมาณ 100 คน กับเคสที่มีการคัดกรองกว่า 700 เคสอาคาร ก็จะเดินหน้าตรวจโดยจัดลำดับความสำคัญ พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนตามหลักวิทยาศาสตร์และให้ตั้งสติ เพราะภาพตึกที่พังถล่มเป็นเพียงตึกเดียวและเป็นตึกที่มีการก่อสร้างซึ่งมีหลายปัจจัยให้มีการถล่ม แต่ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดี เพราะนอกจากนี้อาคารทั้งหมดไม่มีการพังทลาย และกฎหมายควบคุมอาคารเราก็มีการกําหนดให้ออกแบบรับแผ่นดินไหวอยู่แล้ว
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องการจราจรขณะนี้ยังเป็นปัญหาอยู่ย่านดินแดงทั้งขาเข้า-ขาออก ซึ่งเป็นการจัดการของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ต้องไปคุยกับทางผู้รับเหมาของอาคาร ก็ต้องขอเร่งรัดผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย เพราะ กทม.เราจัดการเองไม่ได้ ส่วนเรื่องรถไฟฟ้าใต้ดิน BTS เปิดให้บริการตามปกติเรียบร้อยแล้ว การจราจรน่าจะบรรเทาลงไปได้

สำหรับสวนสาธารณะที่เปิดให้เข้าใช้ได้ตลอดเมื่อคืน มีผู้ใช้บริการประมาณ 700 คน ซึ่งเป็นผู้ที่กังวลจากเหตุการณ์ต่าง ๆ โดย กทม. และภาคเอกชนได้ร่วมจัดน้ำและอาหารแจก นี่คือจุดแข็งของคนไทยเมือเกิดวิกฤติเราจะช่วยเหลือกัน โดยวันนี้ยังเปิดสวนต่อตลอด 24 ชม.เพื่อให้คนที่ยังไม่สบายใจมาใช้บริการได้ โดย 2 วันนี้ จะจัดให้มีดนตรีในสวนเพิ่มเติมให้ประชาชนที่อยากอยู่ในที่โล่งมีความสบายใจและผ่อนคลายจิตใจมากยิ่งขึ้น รายละเอียดจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
“ต้องบอกว่าสถานการณ์ทั่วไปเริ่มคลี่คลายขึ้นแล้ว เป็นหน้าที่ของเราพยายามนำความเชื่อมั่นกลับมา ต้องยืนยันว่าเมื่อวานแผ่นดินไหวรุนแรงมาก ในรอบหลาย 10 ปีที่ผ่านมา แต่ว่าอาคารที่พังทลายมีอยู่แค่ 1 อาคาร และเป็นอาคารที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ อาคารที่เหลือ 100% ไม่มีการพังทลาย ขอให้ทุกคนอย่าตื่นตระหนก สถานการณ์จะค่อย ๆ คลี่คลาย”
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ระบุด้วยว่า อาฟเตอร์ช็อกมีจำนวนน้อยและเบาลง สภาพการจราจรเช้านี้ก็ยังดีอยู่ คนเริ่มปรับการเรื่องเดินทางและเป็นวันเสาร์ – อาทิตย์ ด้วย ขณะนี้จุดกังวลอย่างเดียวคือเร่งเปิดทางด่วน โดยพยายามประสานกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทยให้เสร็จสิ้นทันวันจันทร์ที่จะถึงแน่นอน
ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ระบุว่า หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว และมีอาคารที่อยู่ระหว่างก่อสร้างถล่ม 1 แห่ง และหลายแห่งตึกร้าว ทำให้ขณะนี้เกิดความกังวลว่าอาคารที่พักอาศัย หรือทำงานอยู่นั้นมีความมั่นคง สามารถรองรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้หรือไม่ เพียงใด
จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานภายใต้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาความกังวลใจของประชาชน โดยให้กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เปิดศูนย์รับคำร้องจากประชาชน พร้อมจะเข้าไปตรวจสอบ อาคารทุกแห่งที่มีความเสี่ยงจะได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
หากพบว่ามีปัญหา มีความเสี่ยง มีข้อจำกัดที่จะรองรับการเกิดแผ่นดินไหว จะมีคำสั่งให้ผู้ประกอบการอาคารชุด อาคารสำนักงาน ดำเนินการการแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้เกิดความมั่นคง ปลอดภัยทันที ในกรณีที่พบว่าอาคารมีความไม่ปลอดภัยและไม่ดำเนินการแก้ไข จะต้องดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย อย่างเด็ดขาด