ย้ำ แผนกู้ถนนยุบ คืบหน้า น้ำตามท่อในหลุมหยุดไหล แผนใช้ถุงทรายอุดช่องว่าง เป็นแผนที่ดีที่สุดในขณะนี้ ชี้ ตึก สน.สามเสน มีโอกาสทรุด รอเจ้าของ ผู้รับเหมา ประเมินรื้อหรือไม่
ผศ.ธเนศ วีระศิริ อดีตนายกสภาวิศวกร ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสถานการณ์และวางแนวทางแก้ไขปัญหาจุดเกิดเหตุถนนทรุดตัว บริเวณถนนสามเสน ด้านหน้าวชิรพยาบาล โดยเปิดเผยความคืบหน้าการทำงาน ว่า แผนงานขณะนี้คือ การพยายามปิดช่องโดยการนำถุงทรายถมลงไปในหลุม เบื้องต้นพบว่าน้ำที่ไหลตามท่อภายในหลุมแห้งแล้ว ตั้งแต่เวลาประมาณ 02:00 น. ที่ผ่านมา ขั้นตอนต่อไป คือ การพยายามขยับช่องเพื่อนำฝาปิดท่อขึ้นมาปิด ส่วนจะมีการเพิ่มเติมกระสอบทรายลงไปในหลุมหรือไม่ อยู่ที่การพิจารณาของทีมงาน ยืนยันขณะนี้ไม่มีการทรุดตัวเพิ่มเติม และเสถียรภาพในหลุมยังคงเดิมอยู่

สำหรับการนำกระสอบทรายลงไปอุดในหลุมจะช่วยยับยั้งการไหลของดินได้ และถือเป็นแผนที่ดีกว่าการใช้แผ่นเหล็กชีทไพล์ เนื่องจากถุงทรายมีการปรับตัวตามรูปร่างของสถานที่ได้ และสามารถไหลไปกับน้ำได้ เมื่อทรายอยู่ในถุงจะทำให้เป็นลักษณะกำแพง ซึ่งที่ผ่านมาแม้แต่เหตุแผ่นดินไหว ก็ใช้กระสอบทราย ซึ่งการใช้แผนกู้ภัยขณะนี้ส่วนตัวมองว่า เป็นการเริ่มต้นที่ถูกทางและเป็นการตัดสินใจที่รวดเร็วของผู้บัญชาการเหตุการณ์
ส่วนแนวโน้มการทรุดตัวของสถานีตำรวจนครบาลสามเสนนั้น ผศ.ธเนศ ย้ำว่า จากการวิเคราะห์ถือว่ามีโอกาส เมื่อคำนวณตามหลักการ แต่จากหลายเหตุการณ์ที่เคยผ่านมา เช่น กรณีรถตู้คอนเทนเนอร์ชนอาคารโดนเสาเข็มขาด แต่เมื่อเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ออกไปอาคารก็ยังสามารถตั้งอยู่ เพราะมีการถ่ายเทน้ำหนักไปที่เสาเข็มอื่น ขณะนี้รูปการณ์ของอาคารสถานีตำรวจนครบาลสามเสน อยู่ในลักษณะคล้ายกัน แต่ท้ายที่สุดก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของอาคาร และผู้รับเหมาก่อสร้างว่าจะรื้ออาคารหรือไม่ ส่วนอาคารอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกันยังไม่พบว่าเข้าเกณฑ์เสี่ยงภัย
ที่ปรึกษาสภาวิศวกรรมฯ ยังระบุถึงกรณีที่ประชาชนมีความกังวลด้านความปลอดภัยในหลายพื้นที่ที่มีการก่อสร้างรถไฟฟ้า โดยระบุว่า การจะยืนยันความปลอดภัยสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อการก่อสร้างสิ้นสุดแล้ว ซึ่งหลังจากก่อสร้างก็จะต้องมีการทดสอบความปลอดภัยอีกครั้ง

ขณะที่ สุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ล่าสุด กทม. ได้นำกระสอบทรายกว่า 50,000 ลูก หรือประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตร มาอุดช่องว่างใต้ดิน เพื่อเพิ่มความเสถียรมั่นคง และลดการสไลด์ ทรุดตัวของดิน แต่หลังดำเนินการพบว่า การอุดช่องว่างไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ โดยได้หยุดภารกิจชั่วคราวตั้งแต่ช่วงเย็นที่ผ่านมา เนื่องจากแท่นปูนขนาดใหญ่ ที่เคยเป็นจุดจอดรถกระบะได้ทรุดตัวถล่มลงมา ทำให้มีแผ่นปูนขนาด 30 ตัน ขวางช่องอุโมงค์ ส่งผลให้กระสอบทรายที่ทิ้งลงไปปิดได้ไม่สนิท
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้ประชุมกัน และวางแผนจะใช้รถเครนขนาด 200 ตันมายกแผ่นปูนออก แต่เนื่องจากตัวรถเครนมีน้ำหนักมาก จึงต้องมีตัวเสริมค้ำยันด้านใต้ เพื่อรองรับน้ำหนักตัวรถ ส่วนปัญหาเรื่องน้ำค้างท่อประปา เมื่อช่วงประมาณ 03.00 น. การประปานครหลวงได้มาซ่อมท่อจนน้ำหยุดไหล และไม่มีดินสไลด์ทรุดตัวเพิ่มเติมแล้ว