ย้ำ สถานการณ์วิกฤตสุดในรอบหลายปี เหตุ ฝนตกหนักทั่วฟ้า ประกอบน้ำทะเลหนุน แนะ การช่วยเหลือ ขนย้าย ต้องประเมินแผนที่ร่องน้ำ ย้ายประชาชนขึ้นที่สูง ด้านกรมทรัพยากรธรณีแจ้งเฝ้าระวังแผ่นดินถล่ม
วันนี้ (24 พ.ย. 2568) สถานการณ์น้ำท่วม จ.สงขลา ยังวิกฤตหนัก โดยเฉพาะ อ.หาดใหญ่ ทำให้ผู้ว่าฯ ประกาศทั้ง 16 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว ขณะที่ ประชาชนจำนวนมาก ร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากยังติดอยู่ภายในที่พักอาศัยและหวั่นสถานการณ์รุนแรงขึ้น The Active คุยกับ มิตรเอิร์ธ – mitrearth วิเคราะห์พื้นที่อ่อนไหว การเฝ้าระวังหลังจากนี้ และพื้นที่อพยพที่ปลอดภัยควรอยู่บริเวณไหน กับ ศ.สันติ ภัยหลบลี้ อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของเพจ มิตรเอิร์ธ – mitrearth

ศ.สันติ กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์จะเห็นว่าในแผนที่ของ คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ รายงานว่า ในพื้นที่ จ.สงขลา รวมถึง 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นสีแดง หมายความว่า มีฝนตกหนักมาก และหนักเกิน 100 มิลลิเมตรทุกพื้นที่ ประกอบกับช่วงเดือน พ.ย. – ก.พ. เป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง เพราะโลกอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากกว่าปกติ เป็นผลให้น้ำทะเลหนุนสูง โดยเฉพาะใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากปัจจัยที่เกิดขึ้นข้างต้นเมื่อฝนตกทั่วถึงทุกพื้นที่ ทำให้น้ำไหลมารวมกันและมีร่องน้ำจากที่ราบไหลมารวมกันที่ตัวอำเภอจำนวนมาก
“นี่คือสถานการณ์เลวร้ายที่โหดกว่าปีอื่น ๆ ที่หาดใหญ่เคยเจอ ทำให้ผลกระทบเป็นอย่างที่เห็นสถานการณ์ตอนนี้มิติการตั้งรับกับภัยไม่สามารถทำได้แล้ว แต่การจัดการจะต้องเน้นไปที่การอพยพ ไม่ใช่ ป้องกัน”
ศ.สันติ ภัยหลบลี้
ศ.สันติ ชี้ว่า จุดที่น่ากังวลที่สุด คือ พื้นที่ราบระหว่าง คลองอู่ตะเภา กับ ทางรถไฟ เพราะเมื่อน้ำล้นตลิ่งมา ประกอบกับมีทางรถไฟกั้นอยู่ ทำให้บริเวณนั้นเปรียบเสมือน “อ่างเก็บน้ำ” และการเข้าช่วยเหลือจำเป็นต้องดูเส้นทางการเข้าไปอย่างปลอดภัย โดยทางมิตรเอิร์ธจะทำข้อมูลภูมิประเทศไว้ ว่าจุดไหนที่เข้าไปแล้วปลอดภัย และจากการทำข้อมูล (ในภาพ) จะเห็นว่าเส้นสีฟ้าที่เป็นเส้นตรงถี่ ๆ นั้นถือว่าอันตรายมาก เพราะทั้งราบ เรียบ ลุ่มต่ำ ซึ่งน่ากลัวมากเพราะน้ำจะท่วมขังได้ ซึ่งเป็นพื้นที่เหมาะกับการทำนามากกว่าเป็นพื้นที่อยู่อาศัย

“ผลการคำนวณเมื่อนำไหลเป็นเส้นตรง อย่างที่ จ.สุโขทัย จะมีเส้นแบบนี้เป็นระยะ ๆ ทุกที่จะขุดเป็นแก้มลิงหมดเลย หมายความว่าเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่ง อ.หาดใหญ่ พบหลายเวิ้งที่อยู่ระหว่างคลองอู่ตะเภา กับรางรถไฟ ซึ่งหากเป็นที่พักอาศัยจะอันตรายมาก”
ศ.สันติ ภัยหลบลี้
ชี้จุดอพยพไปไหน ยอมรับครั้งนี้ “หนักเกินคาด”
ศ.สันติ กล่าวว่า จากข้อมูลภูมิประเทศ ในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จะพบว่ามีพื้นที่สูงอยู่หลายจุด เหมาะแก่การอพยพ พร้อมเปิดภาพประกอบ เพื่อให้พื้นที่ใช้ในการพิจารณา โดยสามารถย้ายไปยังจุดที่เป็นสีเหลือง สีส้มได้ “อาจจะไม่สามารถบอกได้ว่า บ้านไหน วัดไหน อยู่ได้ไม่ได้ แต่ข้อมูลนี้สามารถนำไปใช้ได้เลย”






ศ.สันติ เผยว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลข้างต้นได้พยายามโพสต์ผ่านเพจ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้ทราบข้อมูลโดยตรง รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เช่นเดียวกับภัยพิบัติครั้งที่ผ่าน ๆ มา เพื่อให้เกิดการส่งต่อข้อมูล รวมถึงการช่วยทำข้อมูลให้หากมีหน่วยงานเข้ามาร้องขอ ส่วนการรับมือภัยพิบัติครั้งนี้ ศ.สันติ ชี้ว่า หากพูดให้เป็นกลาง คือ โลกเราโหลดร้ายได้มากกว่าที่คาดคิด ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องน้ำท่วม แต่รวมภัยพิบัติทั้งหมด และการที่น้ำท่วมหนักครั้งนี้เกินคาด ฝนก็เยอะเกินคาด
“เมื่อไหร่ที่ฝนเกินคาด อย่างว่าแต่หาดใหญ่เลย ที่อื่นทุก ๆ ที่ ชัยภูมิ สูงยังท่วมเลย เพราะฝนจองกฐิน เวลาฝนตกเยอะ ๆ ในที่แคบ ๆ เป็นแบบนี้เลย ในมุมของอุตุนิยมวิทยา ก็บอกได้ว่าตกหนักมาก ในฝั่งภูมิประเทศก็จะบอกว่าพื้นที่ไหนอ่อนไหวกว่า และอ่อนไหวกับอะไร (susceptibility area) คือ ไม่รู้ว่าฝนจะตกหนักแค่ไหน แต่รู้ว่าจุดไหนจะท่วมก่อน ท่วมมาก ท่วมน้อย”
ศ.สันติ ย้ำ
ศ.สันติ บอกอีกว่า ในแง่ของการจัดการหาดใหญ่โดนมาหลายรอบ และไม่ใช่ครั้งแรก ซึ่งเขามีการพัฒนาเมืองในมิติเศรษฐกิจ และประชาชนรู้ดีว่าพื้นที่อ่อนไหวต่อน้ำท่วม เชื่อว่าเหตุการณ์นี้ ได้ใช้สรรพกำลังทางด้านมนุษย์อย่างเต็มศักยภาพแล้ว และครั้งนี้ต้องทำการอพยพ

ชี้ต้องระวัง โคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก
ศ.สันติ เปิดข้อมูลด้วยว่า จ.สงขลา บริเวณพื้นที่เชิงเขามีหลายจุด แต่ไม่ค่อยมีประชาชนไปอยู่มากนัก และเขาภาคใต้ไม่ได้สูงชันเมื่อเทียบกับภาคเหนือ โดยเฉพาะคนหาดใหญ่ไม่ได้อยู่บนภูเขาที่สูงชันมากนัก แต่ต้องยอมรับว่าฝนตกหนักขนาดนี้ มีโอกาสที่ดินจะสไลด์ได้ แต่หากเป็น “ดินโคลนไหลหลาก” คือการที่ฝนตกบนภูเขาแล้วควักเอาดินบนภูเขาลงมาสู่พื้นที่ราบ ที่มีประชาชนอยู่ จะอันตราย และยิ่งหากฝนตกแช่บริเวณร่องน้ำ (เส้นสีฟ้า) จุดเดียวก็จะหนัก เช่นเดียวกับ บ้านหินลาดใน เส้นสีฟ้าทับบ้านใครต้องคอยดู เพราะหากย้อนกลับไปดูข้อคลังข้อมูลน้ำแห่งชาติ พื้นที่ฝนตกหนักถือว่าโหลดร้ายมาก และไม่ใช่เรื่องปกติ
“ตอนนี้ชาวบ้านทำอะไรลำบากมาก จะย้ายตัวเองออกมาก็ไม่ได้ คนที่ทำได้คือหน่วยที่จะใช้การช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่อาสา เจ้าหน้าที่กู้ภัย และต้องดูข้อมูลด้วยว่าจะเข้าไปอย่างไรที่ไม่อันตราย เพราะบางซอยน้ำไหลเชี่ยว บางจุดอาจต้องบอกว่ารอน้ำแห้งถึงจะเข้าไปได้”
ศ.สันติ ภัยหลบลี้
กรมทรัพยากรธรณี เตือน ภาคใต้ เสี่ยงดินถล่ม-น้ำป่าไหลหลาก
ขณะที่ กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศขอให้อาสาสมัครเครือข่ายในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช กระบี่ ตรัง พัทลุง สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เฝ้าระวังภัยแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ในระหว่างวันที่ 24-26 พฤศจิกายน 2568 และขอให้เครือข่ายฯ ทธ. วัดปริมาณน้ำฝนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยมีข้อแนะนำ ดังนี้
- ติดตามข้อมูลสภาพอากาศและปริมาณน้ำฝน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักมากกว่า 100 มม./24 ชั่วโมง
- พื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำท่วมถึง ควรเก็บข้าวของ/สัตว์/สิ่งของต่างๆ ขนย้ายขึ้นที่สูง หรือที่ปลอดภัย
- สังเกตสิ่งบอกเหตุต่างๆ เช่น สีของน้ำขุ่นข้น มีเศษซากไม้ลอยตามน้ำมา ฯลฯ
- หลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามทางน้ำ/เดินลัดลำน้ำ หรือลงน้ำหาปลา/สัตว์น้ำอื่นๆ
- ควรจัดเวรยามเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
- มีการแจ้งเตือนภัยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และท้ายน้ำ
- เตรียมไฟฉายหรืออุปกรณ์ส่องสว่างไว้ให้พร้อม
- ตื่นตัวและเตรียมพร้อมไปยังจุดปลอดภัยอยู่เสมอ



