ย้ำ โรงงานมีศักยภาพรองรับขยะ นำไปแปรรูปเชื้อเพลิง RDF 2,000 ตัน/วัน เทียบเท่าขยะสด 6,000–7,000 ตัน/วัน ลดปัญหาขยะตกค้างล้นเมือง ชี้ ขยะทุกชิ้นแปรรูปเป็นพลังงานได้หมด ขอแค่คัดแยกอย่างเหมาะสม ขณะที่ ‘War Room ภาคประชาชน’ เสนอ คพ. เพิ่มจุดพักขยะชั่วคราว มั่นใจความร่วมมือรัฐ-เอกชน ช่วยเดินหน้าฟื้นเมืองได้เร็วขึ้น
วันนี้ (1 ธ.ค. 68) ชนะ ภูมี ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารความยั่งยืน บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (SCG) เปิดเผยผ่านรายการพิเศษ มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568 ทาง Thai PBS ถึงแนวทางความร่วมมือจัดการขยะในพื้นที่เกิดน้ำท่วมภาคใต้ โดยเฉพาะกรณีเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า SCG มีความพร้อมทั้งเทคโนโลยีและกำลังการผลิตในการนำ ขยะเทศบาล มาผลิตเป็น เชื้อเพลิงแข็งทดแทน (RDF) ซึ่งจะช่วยลดปริมาณขยะตกค้าง และสามารถใช้ทดแทนเชื้อเพลิงในอุตสาหกรรมซีเมนต์ได้ทันที

ชนะ ยังเผยว่า SCG ใช้เชื้อเพลิงแข็งทดแทนจากขยะเทศบาลกว่า 2,000 ตันต่อวัน อยู่แล้ว ทั้งที่โรงงานในภาคกลาง และโรงงานทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยต้องผ่านกระบวนการสำคัญ 3 ขั้นตอน ได้แก่
- Pretreatment – คัดแยกและแปรรูปขยะทั่วไปให้เป็นเชื้อเพลิง
- ใช้เทคโนโลยีเตาเผาซีเมนต์ ที่ต้องติดตั้งระบบ Chloride Bypass เพื่อให้สามารถใช้เชื้อเพลิงจากขยะได้ในอุณหภูมิสูงระดับ 1,400 องศาเซลเซียส
- ควบคุมคุณภาพและผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพื่อให้การใช้เชื้อเพลิงทดแทนเป็นไปอย่างปลอดภัย
เร่งลงพื้นที่หลังน้ำลด ผนึกกำลัง รัฐ-เอกชน-ภาคประชาชน
สำหรับกรณีน้ำท่วมหาดใหญ่ SCG ทำงานร่วมกับหลายหน่วยงานภาครัฐ ทั้ง มทบ.42, กรมควบคุมมลพิษ และ สำนักงานสิ่งแวดล้อมจังหวัด ภายใต้แนวคิด Public–Private–People Partnership เพื่อช่วยจัดการขยะที่กระจายตัวในชุมชน และพื้นที่สำคัญอย่างโรงพยาบาล ซึ่งมีความเสี่ยงด้านสุขอนามัยสูง
“ภาคเอกชนมีความพร้อมมากกว่าเพราะขั้นตอนสั้นกว่า เราจึงส่งทีมลงไปช่วยเคลียร์พื้นที่โดยเร็ว โดยเฉพาะจุดที่จำเป็นทางสาธารณสุข”
ชนะ ภูมี
นอกจากนี้ SCG ยังเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายผู้ประกอบการที่สามารถแปรรูปขยะเป็นเชื้อเพลิงเพื่อเพิ่มกำลังรองรับ โดยยืนยันว่า ปัจจุบันโรงงานสามารถรับ RDF จากพื้นที่ได้ครบทั้งหมด

ขยะน้ำท่วม 3 ประเภท ต้องคัดแยกอย่างเป็นระบบ
ชนะ อธิบายด้วยว่า ขยะจากน้ำท่วมมี 3 ประเภท ซึ่งการคัดแยกเป็นเรื่องสำคัญมากเพื่อให้จัดการได้เร็วที่สุด ได้แก่
1. ขยะชุมชนทั่วไป เช่น ถุงพลาสติก เศษอาหาร สามารถนำไปแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงได้
2. ขยะชิ้นใหญ่ เช่น โซฟา เฟอร์นิเจอร์ หลังน้ำท่วมปริมาณขยะประเภทนี้เพิ่มขึ้นจากประมาณ 5–10% เป็น กว่า 50%
• ขยะชิ้นใหญ่ไม่สามารถนำไปทำเชื้อเพลิงได้โดยตรง ต้องแยกวัสดุ เช่น สปริงเหล็ก
3. ขยะอุตสาหกรรม ซึ่งต้องใช้กระบวนการจัดการพิเศษ
จากข้อมูลการลงพื้นที่ เมืองหาดใหญ่มีขยะสดประมาณ 500 ตันต่อวัน และช่วงน้ำท่วมกว่า 10 วัน ทำให้เกิดขยะตกค้างราว 5,000 ตัน ขณะที่ขยะใหม่ยังคงเพิ่มต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเร่งขนย้ายและแยกประเภทอย่างมีระบบ
SCG ประเมินว่า โรงงานทุ่งสงมีศักยภาพใช้เชื้อเพลิงแข็งทดแทนได้ถึง 2,000 ตันต่อวัน เทียบเท่าขยะสดประมาณ 6,000–7,000 ตันต่อวัน ทำให้สามารถรองรับและช่วยลดปัญหาขยะล้นเมืองได้
ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ การบริหารความยั่งยืน SCG ยังบอกด้วยว่า หลังน้ำท่วมที่หาดใหญ่ ปริมาณขยะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างเช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และวัสดุชิ้นใหญ่ที่เสียหายจากน้ำท่วม จึงเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องจัดการ เพื่อแก้ปัญหานี้ ทาง SCG จึงนำระบบ คัดแยกและแปรรูปขยะเป็นเชื้อเพลิง RDF ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่บริษัทพัฒนามานานกว่า 20 ปี เข้ามาช่วยพื้นที่หาดใหญ่ เมื่อขยะถูกนำไปผลิตเป็น เชื้อเพลิงขยะ RDF (Refuse-Derived Fuel) สามารถนำไปใช้แทนถ่านหิน และน้ำมันเตาในหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ
- ใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้า
- ใช้ในเตาปูนซีเมนต์
- ลดต้นทุนพลังงานของประเทศ เพราะช่วยลดการนำเข้าถ่านหิน–เชื้อเพลิงจากต่างประเทศ

นอกจากนี้ SCG ได้นำโมเดล สระบุรี Sandbox ที่ได้รับการยอมรับจาก World Economic Forum มาประยุกต์ใช้ นั่นคือความร่วมมือแบบ รัฐ–เอกชน–ชุมชน คัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ก่อนส่งเข้ากระบวนผลิตพลังงาน ซึ่งสามารถนำไปใช้ในโรงงานปูนซีเมนต์และโรงงานพลังงาน โดยใช้แรงงานชุมชน และนักศึกษาช่างอาชีวะในการถอดชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์ แยกเหล็ก–ไม้–โฟม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเชื้อเพลิง และเนื่องจากปริมาณขยะหลังน้ำท่วม 10 วัน สามารถพุ่งขึ้นหลายพันตัน การแปรรูปเป็นพลังงานจึงช่วยลดภาระของระบบฝังกลบที่รองรับไม่ไหว และยังช่วยเมืองกลับมาฟื้นตัวได้เร็วกว่าปกติ การเปลี่ยนขยะหลังน้ำท่วมให้เป็นพลังงาน ไม่เพียงลดมลพิษและความเสี่ยงต่อสุขภาพ แต่ยังช่วยให้เมืองฟื้นฟูหลังภัยพิบัติได้เร็วขึ้นด้วย
“ทั้งที่นอน ชั้นวาง เตียงไม้ ใช้ประโยชน์ได้หมด เพียงแค่ต้องแยกชิ้นส่วนให้ถูกต้อง ส่วนสิ่งที่นำไปขายได้ อย่างเหล็ก ก็เอาเงินส่วนนี้ไปเป็นกองทุนช่วยคนทำงาน วัสดุอื่นก็ทำเป็นเชื้อเพลิง ซึ่ง SCG มีเทคโนโลยีรองรับอยู่แล้ว ขณะที่การทำงานร่วมกับเครือข่ายฯ ก็เน้นการประสานกับหน่วยงานรัฐในพื้นที่ เพื่อไม่ให้การช่วยเหลือซ้ำซ้อน หรือไม่ทั่วถึง พร้อมชวนภาคเอกชน รวมถึงอาชีวะ และชุมชนในพื้นที่เข้าร่วมด้วย ยิ่งคนช่วยเยอะก็จะสามารถเดินหน้าได้เร็วขึ้น”
ชนะ ภูมี

ขณะที่ ธีรภัทร์ มีเดช อาสาสมัคร War Room ภาคประชาชน ทีมจัดการขยะ เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้จากการประสานเรื่องจัดการขยะในพื้นที่หาดใหญ่ พบข้อจำกัดสำคัญ 2 ประเด็นหลัก คือ
- จำนวนรถดัมพ์เพื่อขนย้ายขยะไม่เพียงพอ
- จุดพักขยะชั่วคราวยังน้อยเกินไป ทำให้เกิดข้อจำกัดสำหรับการขนถ่ายขยะออกมาจากถนน และชุมชน จึงจำเป็นต้องประสานกับกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เพื่อจัดหาพื้นที่พักขยะเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมามีเพียงแค่ 2 จุดถือว่าไม่เพียงพอ
ส่วนความร่วมมือการจัดการขขยะน้ำท่วมนั้น ถือว่า War Room ภาคประชาชน ได้มีส่วนประสานงานกับ คพ.ในฐานะเจ้าภาพหลักการจัดการขยะน้ำท่วม พร้อมด้วยการมีส่วนเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับ SCG ในฐานะของเอกชน ที่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการขยะ เชื่อว่าจะทำให้การทำงานส่วนนี้มีประสิทธิภาพ และช่วยแก้ปัญหาขยะล้นเมืองหลังน้ำท่วมได้รวดเร็วมากขึ้น
