ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพอากาศ เตือนพื้นที่ภาคใต้ เฝ้าระวังฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน ย้ำ แม้ปริมาณฝนโดยรวมอาจไม่เท่าครั้งที่ผ่านมา แต่ความเปราะบางของพื้นที่ได้เพิ่มสูงขึ้นมาก เตือน!! ช่วง 13-18 ธ.ค. ฝนตกระดับปานกลางถึงหนักมากได้ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะสงขลา พัทลุง ปัตตานี นราธิวาส ยะลา
ก่อนหน้านี้ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 10 – 13 ธ.ค. 68 จะมีลมตะวันออกพัดเข้ามาปกคลุม ภาคกลาง และภาคตะวันออก ในขณะที่คลื่นกระแสลมฝ่านตะวันตกจะพัดปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนในช่วงวันที่ 12 – 13 ธ.ค. ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น มีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางแห่ง

แต่ในช่วง 13 – 15 ธ.ค .68 คาดว่า จะมีมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน เมื่อมีลมหนาวแรงขึ้น อาจให้หย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนตัวผ่านภาคใต้ตอนล่างได้ และร่องมรสุม (ITCZ) กลับมาพาดผ่านประเทศมาเลเซีย ต้องเฝ้าระวังฝนที่จะเริ่มตกหนักเพิ่มเติมบริเวณ จ.สงขลา, พัทลุง, ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส ต้องเตรียม เร่งฟื้นฟูก่อนฝนจะกลับมาอีกครั้ง
แนวโน้มฝนตกหนักภาคใต้
ผศ. สมพร ช่วยอารีย์ ประธานโครงการเฝ้าระวังภัยพิบัติลุ่มน้ำปัตตานี (PB Watch) และนักวิชาการด้านสภาพอากาศ เปิดเผยกับ The Active จากการวิเคราะห์สถานการณ์ 15 วันล่วงหน้า (7-21 ธ.ค.) พบช่วงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
- ช่วงแรก ตั้งแต่ 7-11 ธ.ค. 68 โดยช่วงนี้ฝนน้อย แต่ก็ให้ติดตามหย่อมความกดอากาศต่ำจากฟิลิปปินส์ ว่าจะแปลงตนเองเป็นพายุได้มากน้อยแค่ไหน เพราะจะส่งผลต่อการพยากรณ์ในวันที่ 12 ธ.ค. ต่อไป
- ช่วงวันที่ 11 หลังเที่ยงคืน – 12 ธ.ค. 68 ช่วงนี้ฝนจะเน้นภาคใต้ตอนบน หากฝนที่ส่งมาจากหย่อมความกดอากาศต่ำ (หรือจะพัฒนาเป็นพายุ) มีโอกาสเกิดฝนตกหนัก ถึงหนักมากได้ในพื้นที่บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี รวมถึงเกาะพะงันและเกาะสมุย นครศรีธรรมราช

- ช่วงวันที่ 13-18 ธ.ค. 2568 เป็นช่วงที่มีฝนตกตั้งแต่ระดับปานกลางถึงหนักมากได้ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ปัตตานี นราธิวาส ยะลา โดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาสต้องระวังเป็นพิเศษ ในพื้นที่แม่น้ำสุไหงโกลก แม่น้ำบางนรา แม่น้ำสายบุรี ซึ่งก่อนนี้ยังได้รับฝนไม่เยอะมากโดยเฉพาะแม่น้ำสุไหงโกลก หากพิจารณาปริมาณคาดการณ์น้ำฝน จังหวัดนราธิวาสมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลากได้ทั้งจังหวัด (ติดตามอย่างใกล้ชิด)
สำหรับจังหวัดสงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช สตูล และพัทลุง ก็มีฝนตกสะสม ซึ่งก็ต้องติดตามสถานการณ์ด้วยเช่นกัน ยังมีโอกาสปรับเปลี่ยนได้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงจากลมหนาวหรือมวลอากาศเย็นจากจีน ที่จะมีผลต่อการบังคับให้กลุ่มฝนเคลื่อนตัวปกคลุมตอนกลางหรือตอนล่างหรือไปคลุมพื้นที่มาเลเซีย ขึ้นกับความกดอากาศสูงด้วย
- ช่วงวันที่ 19-21 ธ.ค. มีแนวโน้มฝนลดลง ซึ่งนับเป็นข่าวดี ที่มีการตัดช่วงให้ฝนน้อยมาคั่นช่วงของฝนตกต่อเนื่อง อย่างไรก็ต้องติดตามยังมีการเปลี่ยนแปลงได้
สำหรับการพิจารณาความเสี่ยงน้ำท่วม นอกจากปริมาณน้ำฝนที่จะตกลงมาจากฟ้า และน้ำไหลจากพื้นที่ต้นน้ำแล้ว เรื่องน้ำทะเลหนุนที่อาจจะทำให้ระบายลงทะเลได้ลำบาก ก็ยังมีอีกส่วนคือ ปริมาณน้ำที่อิ่มดินอยู่ในพื้นที่สะสมอยู่แล้ว ฝนตกลงมาก็ลงดินไม่ได้ ก็จะเอ่อล้นไหลได้ง่ายขึ้น ต่างจากกับช่วงก่อนนี้ในช่วง 19-27 พ.ย. ที่เป็นฝนช่วงแรก ที่น้ำมีโอกาสเก็บลงดินไว้ได้บ้างในช่วง 1-3 วันแรก
ผศ.สมพร ยังย้ำว่า การเห็นข้อมูลจากการคาดการณ์ในอนาคต มีโอกาสคลาดเคลื่อนได้ แต่ก็เห็นแนวโน้มมาสักระยะ จึงนำออกมาเพื่อการเตรียมความพร้อมระดับพื้นที่ไว้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการลดความเสี่ยงได้ ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่
ปัจจัยเสี่ยงที่น่ากังวล หลังน้ำในดินอิ่มตัวแล้ว!
นักวิชาการ ยังเตือนด้วยว่า แม้ปริมาณฝนจะน้อยกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในเดือนพฤศจิกายน (19-27 พ.ย.) อย่างเช่นหาดใหญ่ แต่ครั้งนี้พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคใต้ “น้ำในดินอิ่มตัวไว้แล้ว”
“ครั้งแรกปริมาณน้ำในดินยังไม่มี แต่ครั้งนี้ฝนตกอิ่มตัวไว้แล้วน้ำในนาอะไรก็ยังมีน้ำอยู่ พร้อมที่จะล้นและท่วมได้ต้องเฝ้าระวัง นั่นหมายความว่า หากมีฝนตกหนักลงมาอีกครั้ง ดินจะไม่มีความสามารถในการดูดซับน้ำได้ทันที ทำให้เกิดน้ำไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันได้ง่ายกว่าเดิม”
ผศ.สมพร ช่วยอารีย์
คำแนะนำเร่งด่วนสำหรับประชาชนภาคใต้
- เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะแม่น้ำสุไหงโกลก จ.นราธิวาส ควรเตรียมยกของขึ้นที่สูงในจุดออนไหว และเตรียมความพร้อมรับมือแบบเต็มรูปแบบ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่โดยปกติจะต้องท่วมทุกปีอยู่แล้ว แต่ก็ต้องดูหลายปัจจัย
- เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำท่วมเพราะฤดูมรสุมยังต่อเนื่องในเดือนธันวาคม และ เดือนมกราคมก็ยังมีฝนอยู่ แต่ไม่มากเท่า พ.ย.-ธ.ค.2568
- ที่สำคัญ“การเตรียมความพร้อมรับมือก่อนที่ภัยจะมา” ขอย้ำประชาชนต้องตัดสินใจด้วยตัวเองในการโยกย้ายหรือยกของขึ้นที่สูง ในขณะที่น้ำยังไม่ท่วมสูง
- ขณะที่หน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่น ต้องเตรียมพร้อมประเมินสถานกาณ์ล่วงหน้า เพื่อเตือนประชาชน
