‘War Room ภาคประชาชน’ ตั้งเป้า ‘คริสต์มาส’ เปิดเมืองหาดใหญ่เฟสแรก เดินหน้ารับการสนับสนุนจัดการขยะ เสนอภาครัฐช่วยยื้อเวลาเอกชน อีก 1-2 สัปดาห์ หลังมีกระแสข่าวขอคืนพื้นที่ลานพักขยะชั่วคราวสะพานดำ ตั้งข้อสังเกต รัฐให้ข้อมูลไม่สอดคล้องความจริง อ้างจัดการขยะคืบหน้า ทำหลายฝ่ายถอนกำลัง ทั้งที่ในชุมชนยังมีขยะตกค้างอีกเพียบ
วันนี้ (12 ธ.ค. 68) ณ ศูนย์การศึกษาเพื่อสันติภาพ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองอำนวยการภาคประชาชนส่วนหน้า War Room ภาคประชาชน ได้แถลงข้อเสนอตามแนวทางการฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ ภายใต้การทำงานร่วมกันของ มูลนิธิกระจกเงา ไทยพีบีเอส เครือข่ายภาคประชาสังคม ภาควิชาการ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน

สมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้อำนวยการมูลนิธิกระจกเงา บอกว่า หลังจัดตั้งกองอำนวยการภาคประชาชนส่วนหน้าอย่างเป็นทางการเมื่อ 4 ธ.ค.68 เพื่อช่วยเหลือน้ำท่วมพื้นที่หาดใหญ่ โดยดึงอาสาสมัครจากหลายภาคส่วน พร้อมหาวิธีการเชื่อมทุกองค์กร ร่วมทำงานแก้ไขปัญหา อย่างเป็นระบบ วันนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการแถลงอย่างเป็นการ เพื่อเสนอแนวทางการฟื้นฟูหาดใหญ่ โดยมีประเด็นที่ต้องการสื่อสารต่อสาธารณะ ดังนี้
- การเปิดเมืองและการฟื้นฟู : โดยที่ประชุมมีมติเห็นควรให้เริ่มเปิดเมืองในเฟส 1 ก่อนวันคริสต์มาส 25 ธ.ค. 68
- การจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม : เพื่อให้สอดคล้องกับการเปิดเมือง เสนอให้ใช้กระสอบและ Big Bag ในการรวบรวมขยะที่เกิดจากน้ำท่วมไว้หน้าบ้าน เพื่อให้หน่วยงาน อาสาสมัคร และภาคหน่วยงานท้องถิ่นขนย้ายได้ง่าย และสะอาดเรียบร้อย มีการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา รับปากจัดซื้อ Big Bag จำนวน 10,000 ใบ และกระสอบอีก 100,000 ใบ เพื่อสนับสนุนการจัดการขยะตามแนวทางดังกล่าว
- ปัญหาการปิดลานพักขยะชั่วคราวสะพานดำ : เนื่องจากมีข่าวว่าเอกชนจะขอคืนพื้นที่ลานพักขยะชั่วคราวที่สะพานดำ วันที่ 20 ธ.ค.นี้ และยังไม่มีพื้นที่สำรอง จะยิ่งส่งผลกระทบและอาจทำให้ปฏิบัติการเก็บขยะของภาคประชาชนต้องยุติลง เนื่องจากต้องขนขยะไปทิ้งที่เกาะแต้ว ซึ่งมีระยะทางไกลเกินไปสำหรับการขนส่ง โดยเสนอต่อภาครัฐขอให้ยื้อระยะเวลาออกไปอีก 1-2 สัปดาห์ หรือ จัดหาพื้นที่พักขยะชั่วคราวแห่งใหม่ เพื่อให้ปฏิบัติการเก็บขยะสามารถดำเนินต่อไปได้
- การประชุมร่วมระหว่างภาคประชาชนและภาครัฐ : ขอให้มีการประชุมอย่างเป็นทางการร่วมกันระหว่าง War Room ภาคประชาชน และ War Room ภาครัฐ เนื่องจากที่ผ่านมายังไม่เคยมีการประชุมที่เป็นทางการ เนื่องจากมีข้อสังเกตว่าภาพรวมข้อมูลจากภาครัฐไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง รวมถึงการที่ภาครัฐและภาคเอกชนเริ่มมีการ “ถอนกำลัง” เนื่องจากมองว่างานเก็บขยะคืบหน้าไปมา ซึ่งจาการทำงานของภาคประชาชนพบว่ายังมีขยะในซอย ชุมชนตกค้างอีกเป็นจำนวนมาก การสื่อสารของภาครัฐอาจทำให้ความช่วยเหลือจากภายนอกหยุดลง จึงต้องการพูดคุยเพื่อช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยการทำงานยังคงมีอิสระในการปฏิบัติการ
- งบประมาณและการช่วยเหลือพื้นฐาน : เนื่องจากยังมีประชาชนจำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะประชากรแฝงที่ยังต้องการความช่วยเหลือด้านอาหาร และปัจจัยพื้นฐาน จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าเพิ่งหยุดให้การสนับสนุน ในเรื่องพื้นฐานเหล่านี้
- การระดมอาสาสมัครเพื่อทำความสะอาด : มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะระดมอาสาสมัครจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ 2,000 คน เข้ามาปูพรมทำความสะอาด นอกจากนี้ยังมีการประสานงานจากจังหวัดรอบนอกโดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีอาสาสมัครเข้าร่วมแล้วกว่า 400 คน คาดว่าจะมีจำนวนมากเข้าร่วมในวันที่ 13-14 ธ.ค.68 ขณะที่กระทรวงคมนาคม สนับสนุนรถบัสจาก บขส. เพื่อรับ-ส่งอาสาสมัครจากกรุงเทพฯ เข้ามาในพื้นที่
- สถานการณ์สุขภาพและโรคระบาด : ปัจจุบันมีการระบาดของโรคฉี่หนู และไข้หวัดใหญ่ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตใน อ.หาดใหญ่ 3 คน และผู้ป่วยหนักจำนวนมากที่ใช้เครื่องช่วยหายใจส่งผลทำให้เตียงในโรงพยาบาลเต็ม จึงฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ที่ยังมีความเสี่ยงจากการสัมผัสน้ำที่ท่วมขัง ควรเข้ารับยาเพื่อป้องกันโรค เนื่องจากระบบสุขภาพกำลังฟื้นตัว สามารถรับยาป้องกันได้ฟรีที่โรงพยาบาล สถานีอนามัย ศูนย์สาธารณสุขของเทศบาล หรือร้านยาในพื้นที่ ส่วนสถานการณ์ PM 2.5 มีการตรวจพบปริมาณส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคระยะยาว หรือการติดเชื้อในผู้ที่แพ้ฝุ่น จึงควรป้องกันด้วยการใส่หน้ากากอนามัย
- การฟื้นฟูจิตใจในระยะยาว : สำนัก 11 สสส.จะเข้ามาปฏิบัติการฟื้นฟูจิตใจในระยะยาว เช่น กิจกรรมช่วงวันเด็ก มีกลุ่มมานีมานะ ซึ่งเป็นกลุ่มละครในพื้นที่หาดใหญ่ นำละครมาช่วยในการฟื้นฟู โดยมีโจทย์ให้ตีความประสบการณ์น้ำท่วม จากเรื่องของความโชคร้ายให้เป็นเรื่องของความเข้มแข็งของผู้รอดชีวิต
- การทำความสะอาดโรงเรียนเพื่อการกลับมาเปิดตามปกติ : แม้จะมีการล้างโรงเรียนไปแล้ว แต่ยังมีโรงเรียนจำนวนหนึ่งติดต่อมาว่าโต๊ะนักเรียนยังมีฝุ่นและสิ่งสกปรกอยู่มาก ซึ่งการทำความสะอาดโรงเรียนเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากโรงเรียนฟื้นตัวได้ เด็ก ๆ จะได้กลับไปเรียน และผู้ปกครองก็จะสามารถดำเนินชีวิตและฟื้นฟูตัวเองได้ง่าย โดยมูลนิธิกระจกเงาจะนำอาสาสมัครจำนวนมากเข้าปฏิบัติการทำความสะอาดโรงเรียนในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์

ขณะที่ขั้นตอนหลังการจัดการขยะ ทำความสะอาดฉีดน้ำลดฝุ่น ยังพบว่าเวลานี้มีประชาชนในพื้นที่เริ่มทยอยกลับเข้าบ้านของตนเองแม้จะยังไม่สมบูรณ์ เรื่องนี้ภาคประชาชนมีความกังวลด้วยเช่นกัน ทั้งเรื่องของความปลอดภัย สุขอนามัย แต่เนื่องจากวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซม และช่างในพื้นที่ยังมีจำนวนจำกัด หลังจากนี้ War Room ภาคประชาชน จะระดมอาสาสมัครช่างจากภายนอก รวมถึงกลุ่มผู้ต้องขังชั้นดีที่มีทักษะในการซ่อมแซมบ้านจากกรมราชทัณฑ์ เข้ามาช่วยสนับสนุนเช่นเดียวกับเหตุน้ำท่วมแม่สายก่อนหน้านี้
เมื่อถามถึงความกังวลต่อรัฐบาลภายหลังการยุบสภา ผอ.มูลนิธิกระจกเงา คาดหวังว่าจะไม่กระทบกับแนวทางในการฟื้นฟูเมืองที่กำลังดำเนินงานมาด้วยดี แต่ในส่วนของการฟื้นฟูภาคธุรกิจ ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ยังต้องรอความชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปเพราะจะเชื่อมโยงต่อการเปิดเมืองในเฟสแรก
