แนะ ลด ละ เลิก หวย-พนัน สร้างภูมิคุ้มกันให้เยาวชน หยุดนักพนันหน้าใหม่ ย้ำ การพนันร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อครอบครัว-งาน-รายได้-หนี้สิน
ศรีสุวรรณ ควรขจร กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ร่วมกับ ศูนย์ศึกษาปัญหาการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน และภาคีเครือข่าย ดำเนินงานลดปัญหาจากการพนัน เสริมภูมิคุ้มกัน และสภาพแวดล้อมที่ปกป้องเด็กและเยาวชน สนับสนุนนโยบายสาธารณะไม่เพิ่มพื้นที่พนัน สื่อสารรณรงค์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเด็กและเยาวชน ใช้ชุดการเรียนรู้ที่เหมาะสม รวมถึงสร้างแกนนำคนเลิกพนัน จากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการพนัน พัฒนาศักยภาพให้เป็นแกนนำนักรณรงค์ จนเกิดเป็นเครือข่ายเฝ้าระวัง และสื่อสารสร้างความรู้เท่าทันการพนันได้ในระดับชุมชน
“ปัญหาการเล่นพนันมีความร้ายแรง ไม่ต่างจากบุหรี่ที่อันตรายทั้งสุขภาพคนสูบ คนในครอบครัว คนรอบข้าง หรือสุราที่อาจทำให้กลายเป็นผู้พิการได้ จากพฤติกรรมดื่มแล้วขับ ส่วนการพนันนั้น ถือเป็นสิ่งเสพติดชนิดหนึ่ง ที่ส่งผลกระทบทำให้ถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว นำไปสู่ความล้มเหลวด้านครอบครัว หน้าที่การงาน ความเชื่อถือ และส่งผลต่อรายได้ลดน้อยลง จนเกิดปัญหาหนี้สินตามมา หาก ลด ละ เลิก พนันทุกชนิดได้ คุณภาพชีวิตจะกลับมามีความสุข ขอให้กำลังใจคนที่ยืนหยัด ตั้งใจ ลด ละ เลิก พนัน เปลี่ยนเงินซื้อหวยเป็นเงินออม เพื่อตนเองและคนรอบข้าง”
ธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยกว่า 30 ล้านคน ในหนึ่งปีหมดเงินไปกับการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยกว่า 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมหาศาลที่รั่วไหลไปจากครัวเรือน ที่แทบไม่ได้ผลตอบแทนอะไรกลับมา เพราะโอกาสถูกรางวัลมีแค่ 1.4% เท่านั้น
ทางโครงการใช้วิธีการจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างมีส่วนร่วม จัดกิจกรรมให้ประชาชนได้เข้าใจโอกาสที่จะถูกรางวัลจากการซื้อหวยที่เป็นไปได้ยาก สร้าง ‘พลังความรัก’ ที่มีในทุกครอบครัว อาศัย ‘พลังความดี’ ที่มีอยู่ในชุมชน ร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเปลี่ยนแปลง สร้างการระเบิดจากข้างใน ทำให้คน ลด ละ เลิก การเล่นหวยได้
“หากทำให้ชาวบ้านเรียนรู้ผลกระทบจากการพนันผ่านเรื่องหวยได้ การรณรงค์หยุดพนันตัวอื่นก็ไม่ยาก สิ่งสำคัญคือเมื่อพ่อแม่ไม่เล่นหวย จะกลายเป็นแบบอย่างต่อเด็กและเยาวชน ก็เท่ากับเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันการพนัน และช่วยกันเฝ้าระวังไม่ให้เกิดนักพนันหน้าใหม่ได้”