รับฟังความเห็น ร่าง กม. SEC ไม่ระบุตัวตน หวั่น “ความเห็นจัดตั้ง”

กลุ่ม “รักษ์พะโต๊ะ” ตั้งข้อสังเกต การแสดงความเห็นร่าง พ.ร.บ. SEC ไม่มีให้ระบุตัวตนผ่านเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ลงความเห็นกี่ครั้งก็ได้ หวั่น จะมีการลงความเห็นซ้ำหลายรอบหรือไม่ ? เชื่อ เข้าสภาฯ พร้อมกัน 4 ฉบับ ตอกย้ำ รัฐบาลเดินหน้า ลุย “แลนด์บริดจ์” ชัดเจน เตรียมอภิปรายนอกสภา 24 มี.ค. นี้

วันนี้ (22 มี.ค. 2568) หลังจากเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย ลงประกาศ การรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ พ.ศ. … หรือ ร่าง พ.ร.บ. SEC โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เพื่อให้ประชาชนเข้าแสดงความคิดเห็น ตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค. – 30 มี.ค. 2568 ด้าน เครือข่ายรักษ์พะโต๊ะถามหาความโปร่งใส หลังได้อ่านรายละเอียดและพบว่ารูปแบบการแสดงความเห็นไม่ต้องลงทะเบียนและยืนยันตัวตนอาจทำให้มีการลงความเห็นคนเดียวหลายรอบ หรือ มีกลุ่มที่ต้องการให้มีกฎหมายนี้จัดตั้งคนมาแสดงความเห็นหรือไม่ ?

สมโชค จุงจาตุรันต์ เครือข่ายกลุ่มรักษ์พะโต๊ะ เปิดเผยกับ The Active ว่า การเปิดรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ. SEC ดูเหมือนเป็นการเล่นตลก จากการอ่านรายละเอียดของร่างกฎหมาย พบว่า เหมือนร่างฉบับที่มีอยู่แล้วทั้งหมด ยกเว้นเพียง กรณีให้ต่างชาติสามารถเช่าที่ดินและอาคารสถานที่ได้ 99 ปี เท่านั้น แต่เชื่อว่าจุดมุ่งหมายยังเหมือนกันคือ ต้องการให้มีนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ภาคใต้ และเมื่อถึงเวลาที่ร่างกฎหมายทุกฉบับเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ทุกมาตราจะนำมาหลอมรวมกัน และเพิ่มกรณีให้ต่างชาติสามารถเช่าที่ดินและอาคารสถานที่ได้ 99 ปี เข้าไปอยู่ดี

สมโชค จุงจาตุรันต์ เครือข่ายกลุ่มรักษ์พะโต๊ะ

อีกประเด็นที่เป็นข้อสังเกตสำคัญคือ วิธีการแสดงความเห็น สมโชค เผยว่า ผู้ที่เข้าไปแสดงความเห็นครั้งนี้ ไม่มีให้กรอกยืนยันตัวตนผ่านหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ทำให้หนึ่งคน ลงความเห็นได้หลายรอบ ทำให้มีความกังวลเรื่องการจัดตั้งผู้แสดงความเห็นหรือไม่ 

“เขาอาจจะได้บทเรียนจากร่างกฎหมายของ นายอนุชา บูรพชัยศรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่พบว่า 82% คนไม่เห็นด้วย เพราะรอบนั้นมีการให้ยืนยันตัวตน รอบนี้จึงเลือกใช้วิธีไม่ยืนยันตัวตน หรือ แบบนี้ IO ก็ทำงานกันได้”

สมโชค จุงจาตุรันต์

สมโชค ยังกล่าวถึง กรณีที่กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เตรียมจัดเวที ประชุมเสนอแนวคิดการกำหนดรูปแบบทางเลือกการพัฒนาเบื้องต้น โครงการทางหลวงพิเศษ (ค.1) ในวันที่ 26 มี.ค. นี้ ซึ่งได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือที่ศาลากลางจังหวัดชุมพรเมื่อ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่า เป็นการจัดเวทีระบบออนไลน์ ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานที่ไม่ถูกต้อง ผิดขั้นตอน ผิดระเบียบกฎหมาย ไม่เคารพความคิดเห็นและข้อทักท้วงของประชาชนในพื้นที่ โดยมีเหตุผล 3 ข้อ คือ

  1. กรมทางหลวง ไม่ควรยอมรับวิธีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ด้วยการจัดเวทีระบบออนไลน์ ด้วยเพราะโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแลนด์บริดจ์ ซึ่งถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่จะส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างหนักในอนาคต แต่กลับเอาง่ายและประหยัดเข้าว่า ทั้งที่ไม่อยู่ในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคอะไรทั้งสิ้น
  2. บริษัทที่ปรึกษาโครงการฯ ทำผิดตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งเคยมีการทำบันทึกความเข้าใจร่วมกันเมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2567 ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชุมพร โดยมีรองผู้ว่าราชาการจังหวัดชุมพรในขณะนั้นร่วมเป็นสักขีพยานและร่วมลงนามในบันทึกดังกล่าว ซึ่งทางบริษัทยอมรับว่าทำผิดขั้นตอนของโครงการจริง และจะแก้ไขด้วยการรื้อถอนหลักหมุดที่เคยวางไว้ให้หมด ก่อนที่จะดำเนินการอื่นใด แต่ทางบริษัทกลับไม่มีการดำเนินตามนั้น และยังจัดเวทีเรื่อยมาโดยไม่สนใจต่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในพื้นที่
  3. การจัดเวทีผ่านระบบออนไลน์ เลือกจัดเฉพาะ ต.พระรักษ์ กับ ต.ปังหวาน ทั้งที่โครงการดังกล่าวต้องผ่านพื้นที่ ต.พะโต๊ะ และ ต.ปากทรง ด้วย จึงถือเป็นการเลือกจัดเฉพาะที่แบบไม่ครอบคลุมทั่วถึง เสมือนต้องการหลบเลี่ยงอะไรบางอย่าง

“การจัดเวทีดังกล่าวอาจจะเข้าข่ายผิดระเบียบการรับฟังความคิดเห็นประชาชนของสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำหนดว่าจะต้องประกาศให้ประชาชนในพื้นที่ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 15 วัน และต้องระบุสถานที่จัดอย่างชัดเจนเจาะจง เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน”

สมโชค กล่าวทิ้งท้าย

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active