ก.อุตสาหกรรม ยก “นิคมศูนย์เหรียญ” เป็นวาระเร่งด่วน ประเดิมกวาดล้าง 3 บริษัท จ.ระยอง สั่งหยุดกิจการทันที

พบบริษัทเดียวถือหลายใบอนุญาต ด้าน ปชน. ชี้ เป็นผลกระทบจากนโยบายฟรีวีซ่า สิทธิพิเศษทางภาษี ทำลายอุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจของไทย

วันนี้ (17 พ.ค.68) เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ “ทีมสุดซอย” พร้อมด้วย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ลงพื้นที่ ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง หลังได้รับการประสานงานจาก ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ให้เข้าตรวจสอบกลุ่มโรงงาน และโกดังต้องสงสัยที่อาจเข้าข่ายตั้งเป็นนิคมจีนศูนย์เหรียญ รวมทั้งยังมีประชาชนบริเวณใกล้เคียงร้องเรียนว่า ได้รับผลกระทบด้านมลภาวะจากกลุ่มโรงงานดังกล่าวด้วย

“นิคมศูนย์เหรียญ เป็นวาระสำคัญ กระทรวงอุตสาหกรรมต้องเร่งปราบปราม แก้ไขอย่างเร่งด่วน เป็นโมเดลธุรกิจ ที่เอารัดเอาเปรียบ ไม่ก่อให้เกิดมูลค่า ทำลายสิ่งแวดล้อม ทำร้ายชีวิตคน ทำร้ายธุรกิจไทย ไร้ความรับผิดชอบ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจไทยอย่างร้ายแรง”

เอกนัฏ พร้อมพันธุ์

ด้าน ฐิติภัสร์ กล่าวเสริมถึงผลการลงพื้นที่ตรวจสอบกลุ่มโรงงานดังกล่าว ว่า ในพื้นที่มีอาคารลักษณะโกดังจำนวน 4 หลังเป็นของ บริษัท ซีเอสเค เอสเตรท จำกัด ประกอบกิจการให้เช่าพื้นที่โรงงานและโกดัง มี หว่าน ชิว เฉิน รับเป็นเจ้าของโครงการบริหารจัดการดูแลพื้นที่ทั้งหมด โดยมีข้อเสนอพิเศษให้ผู้เช่าว่า สามารถขอใบอนุญาตโรงงาน (รง.4) ให้ได้ด้วย

โดยพบว่า 4 โกดังในพื้นที่มี 5 บริษัทที่มีกรรมการบริษัทเป็นชาวจีนทั้งหมดตั้งประกอบกิจการโรงงานอยู่ ตรวจสอบใบอนุญาตโรงงานพบข้อพิรุธว่า เกือบทุกบริษัทได้รับโอนใบอนุญาตจาก บริษัท ซีเอสเค เอสเตรท จำกัด และประเภทของใบอนุญาตก็จะมีลักษณะคล้ายหรือใกล้เคียงกัน แต่ในข้อเท็จจริงแต่ละโรงงานผลิตสินค้าที่แตกต่างกัน

“กรณีของบริษัท ซีเอสเคฯ ในฐานะผู้ให้เช่าโกดังมีใบอนุญาตประเภทเดียวกันจำนวน 3-4 ใบ และยังสามารถโอนไปยังผู้เช่าโกดังในห้วงเวลาเดียวกัน ต้องไปไล่ดูว่า มีช่องโหว่ในกระบวนการขออนุญาตของ กรอ. หรือมีเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ เอื้อประโยชน์ หรือสนับสนุนผู้ประกอบการกระทำความผิดหรือไม่ด้วย”

ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์

สำหรับผลการตรวจสอบโรงงานทั้งหมด 3 แห่ง ประกอบด้วย

  • บริษัท ซานเซน อิเล็คทริคอล (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งประกอบกิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ปลั๊กไฟ ปลั๊กราง และสายไฟ  โดยไม่แจ้งขออนุญาตเริ่มประกอบกิจการ เจ้าหน้าที่จึงสั่งหยุดประกอบกิจการทั้งหมด พร้อมดำเนินคดีฐานประกอบกิจการโดยไม่แจ้ง และฐานทำผลิตภัณฑ์ โดยไม่มีใบอนุญาต รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์โดยไม่มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) กับบริษัทและกรรมการ รวมทั้งยึดอายัดผลิตภัณฑ์ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
  • บริษัท ชุนเล่ย (ไทยแลนด์) จำกัด แจ้งประกอบกิจการโรงงานผลิต นำเข้า ส่งออก เชือกรัด สายรัด สลิง เชือกยกของหัวเข็มขัด ตัวล็อกและชิ้นส่วนอุปกรณ์ ซึ่งเป็นกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 ที่จะต้องได้รับใบอนุญาตก่อนจึงจะดำเนินกิจการได้ แต่ตรวจพบว่า ประกอบกิจการผลิตสายรัดของ ซึ่งไม่ตรงกับประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ได้รับอนุญาต จึงสั่งให้หยุดประกอบกิจการ พร้อมดำเนินคดีกับบริษัทและกรรมการ ฐานประกอบกิจการไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาต
  • บริษัท จินต๋า พรีซิชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แต่พบว่ามีการแบ่งพื้นที่ให้ บริษัท แฮนด์ดีแจ็ค อีควิปเมนท์ จำกัด ประกอบกิจการผลิตแม่แรงไฮดรอลิก แต่ตั้งประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ด้วย จึงได้สั่งหยุดประกอบกิจการทั้งหมด พร้อมผูกมัดประทับตรายึดอายัดเครื่องจักร และควบคุมตัว นายยู่ เจียงหัว อายุ 36 ปี สัญชาติจีน ที่รับเป็นผู้จัดการผู้ควบคุมงานของบริษัทไปดำเนินคดีข้อหาตั้งประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต

ปชน. ชี้ นิคมจีนศูนย์เหรียญ ผลกระทบรุนแรงที่ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ

ปัญหาทุนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจแบบผิดกฎหมายในประเทศไทย หรือ “ทุนจีนเทา” หนึ่งในพื้นที่ที่มีปัญหาหนักสุดคือภาคตะวันออก โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีอุตสาหกรรม ที่ สส.พรรคประชาชน จ.ระยอง พบว่าปัจจุบันเต็มไปด้วยโรงงานจีนเข้ามาตั้ง จ้างคนงานจีนมาทำงานในอาชีพสงวนสำหรับคนไทย ตั้งร้านค้า ตั้งอพาร์ตเมนต์ปล่อยเช่ากันเอง เรียกว่าทำธุรกิจแบบศูนย์เหรียญ

เช่น กฤช ศิลปชัย สส.ระยอง (เขตเมืองระยอง) พรรคประชาชน หนึ่งในผู้ลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานรัฐใน จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี ตรวจพบการทำธุรกิจผิดกฎหมายโดยกลุ่มทุนจีนจำนวนมากทั้งใน อ.ปลวกแดง จ.ระยอง และ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นำไปสู่การจับกุมกลุ่มชาวจีนและชาวเมียนมาที่เกี่ยวข้อง

“จากการลงพื้นที่ในหลายพื้นที่ภาคตะวันออก ยังพบว่าทุนจีนเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาแค่ลักลอบทำอาชีพสงวนสำหรับคนไทย แต่ยังสร้างปัญหาไม่ว่าจะเป็น การไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานของไทย ทั้งหักเงิน ไม่มีเวลาพัก ทำโอทีจ่ายไม่ครบ ใช้อารมณ์และความรุนแรงต่อแรงงานไทย ใครต่อต้านร้องเรียนก็จะถูกบีบให้ออกโดยไม่มีการจ่ายชดเชยตามที่กฎหมายคุ้มครองแรงงานกำหนด”

กฤช ศิลปชัย

นอกจากนี้ยังมีปัญหาทุนจีนลักลอบนำขยะอิเล็กทรอนิกส์ทั้งจากเอเชียและจากยุโรปเข้ามาแปรรูป สกัดทองแดงและโลหะมีค่าส่งกลับไปขายยังประเทศจีน ทิ้งมลพิษและกากอุตสาหกรรมลงสู่ธรรมชาติ ความน่ากังวลคือโรงหลอมและโรงงานคัดแยกขยะรีไซเคิลเหล่านี้กำลังกระจายตัวไปทั่วภาคตะวันออกของไทย โดยที่กฎหมายเปิดช่องให้ตั้งโรงงานลักษณะนี้ในเขตชุมชนได้

ด้าน ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง (วังจันทร์ บ้านค่าย ปลวกแดง) พรรคประชาชน ที่ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีกลุ่มโกดังใน ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง ส่งเสียงดังและกลิ่นเหม็น ชุติพงศ์ จึงประสานทีมของกระทรวงอุตสาหกรรมเข้าตรวจสอบทันทีเมื่อ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

มองว่า ยังมีอีกเรื่องที่น่ากังวลคือท่อน้ำทิ้งจากโรงงานที่ทอดยาวไปถึงที่ดินรอบข้างของประชาชน แม้โรงงานอ้างว่าเป็นท่อน้ำฝน แต่เป็นไปได้ยากที่เมื่อฝนตกแล้วจะมีแต่น้ำฝนไหลลงท่อ ในเมื่อรอบโรงงานมีสารเคมีและเครื่องจักรเต็มไปหมด ซึ่งหลังจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมจะดำเนินคดีกับทุกโรงงานที่กระทำผิดกฎหมาย รวมถึง อบต.ตาสิทธิ์ ได้กำชับให้เจ้าของโกดังจัดการท่อน้ำทิ้งให้เรียบร้อยภายใน 2 วัน  ส่วนอีกเรื่องที่น่าสงสัยคือการตั้งโรงงานในพื้นที่ที่ไม่สามารถตั้งได้ตามผังการใช้ประโยชน์ที่ดินของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งชุติพงศ์กำลังเร่งติดตามข้อมูลส่วนนี้

พร้อมวิเคราะห์ว่า ด้านหนึ่งที่ทุนจีนทำเช่นนี้ได้ เป็นผลมาจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาลที่เปิดช่องให้ชาวจีนเข้ามาโดยง่าย เมื่อวีซ่าหมดอายุก็จะเดินทางออกไปและกลับเข้ามาใหม่ ไม่ได้ตรวจสอบติดตามว่าคนเหล่านี้เข้ามาทำอะไร สร้างประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวของประเทศจริงหรือไม่

อีกด้านหนึ่งคือการที่ทุนต่างชาติได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีมากมายจากรัฐบาลไทย ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนผ่านกฎหมายอีอีซี งดเว้นภาษีนิติบุคคล และถ้าเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษก็สามารถนำผู้บริหารหรือผู้เชี่ยวชาญเข้ามาได้อีก อีกทั้งยังงดเว้นภาษีเงินได้ส่วนบุคคล งดเว้นภาษีเครื่องจักร และมีพื้นที่งดเว้นภาษีนำเข้าส่งออกอีกด้วย

“การลงทุนที่เข้ามาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เราย่อมยินดีตอบรับและสนับสนุน แต่การเข้ามาทำธุรกิจแบบศูนย์เหรียญ ตั้งแต่นำเข้า แปรรูปวัตถุดิบ ผลิตสินค้า ไปจนถึงรีไซเคิลขยะ มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านตัดผม หอพัก คอนโดของจีนเอง ไม่มีเงินสักบาทกระเด็นถึงคนไทยในพื้นที่ แถมยังทำผิดกฎหมายไทยนานัปการ ไม่สมควรยอมรับได้ และการปล่อยให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นโดยไม่จัดการอะไร ก็ย่อมเป็นการสะท้อนน้ำยาของรัฐบาลเองได้พอสมควร”

ก.อุตสาหากรรม ประกาศสงครามนิคมจีนศูนย์เหรียญ เป็นวาระเร่งด่วน

จากปัญหาที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง จนถึงกรณีล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรมจึงประกาศให้การปราบปรามนิคมจีนศูนย์เหรียญ เป็นวาระเร่งด่วน และนโยบายสำคัญของกระทรวงอุตสาหกรรม จึงต้องเร่งจัดการให้หมดไปโดยเร็ว และจะดำเนินคดีลงโทษกับผู้กระทำความผิดอย่างถึงที่สุด

ซึ่งทีมสุดซอยจะรวบรวมข้อมูลเป็นรายสรุปนำเสนอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ไปถึงผู้บริหารกระทรวงฯ ถึงพฤติกรรม และรูปแบบดำเนินกิจการของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เพื่อนำไปสู่การปรับระเบียบ หลักเกณฑ์การพิจารณาออกใบอนุญาตต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยปัจจุบันและสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active