ปลดล็อก ม.32 ห้ามโฆษณาจูงใจดื่มแอลกอฮอล์ แต่ให้ความรู้ได้ตามกติกา

หลัง สว.มีมติเห็นชอบ วาระ 2 – 3 เตรียมส่งคืนนายกฯ นำร่างแก้ไขเพิ่มเติมฯ ขึ้นทูลเกล้าฯ หวัง เปิดทางให้ข้อมูลความรู้ได้ แต่ต้องไม่โฆษณาจูงใจ คาดรอออกกฎกระทรวงรองรับ เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 68 ที่ประชุมวุฒิสภา ได้พิจารณา ร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ … พ.ศ. … ก่อนผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาในวาระที่ 2 และ 3 

ลำดับถัดไปนายกรัฐมนตรีจะนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมฯ ดังกล่าว ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ต่อไป จากนั้นจะต้องรอกฎกระทรวง (กฎหมายลูก) ออกมารองรับการบังคับใช้ในรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งการแก้ไขกฎหมายครั้งนี้ เปิดทางให้สามารถสื่อสารเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอร์ฮอลได้มากขึ้น

สำหรับเนื้อหาสำคัญ คือ มาตรา 32 ที่เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญของผู้ประกอบการรายย่อย ที่ระบุว่า ห้ามผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม

สมาคมคราฟท์เบียร์ สรุปสาระสำคัญของหมวด 4/1 เรื่อง “การโฆษณา” ไว้ว่า กฎหมายเดิม (พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551) มาตรา 32 ห้ามมิให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแสดงชื่อ เครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงให้ผู้อื่นดื่ม ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม การประชาสัมพันธ์ทำได้เฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสารและความรู้เชิงสร้างสรรค์ โดย ห้ามแสดงภาพสินค้า หรือบรรจุภัณฑ์ ยกเว้นในกรณีที่เป็นภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มนั้น

ได้ปรับเป็น มาตรา 32/1 ห้ามผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เว้นแต่เป็นการให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ หรือประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เพจสมาคมคราฟท์เบียร์ อธิบายไว้ว่า ห้ามโฆษณาเพื่อจูงใจให้คนอยากดื่ม แต่ให้ข้อมูลความรู้ได้ ถ้าทำตามกติกาที่กำหนด 

สำหรับ มาตรา 32/2 ห้ามผู้ใดใช้ชื่อเสียงเพื่อแสวงหาประโยชน์ส่วนตนสื่อสารข้อมูล ต่อสาธารณชนโดยการแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมุ่งหมายชักจูงใจให้ผู้อื่นบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เว้นแต่เป็นการสื่อสารทางวิชาการให้แก่สมาชิกในวงจำกัด ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุม

คือ ห้ามใช้คนมีชื่อเสียงมาชวนคนดื่มเหล้า เว้นแต่ให้ความรู้เฉพาะกลุ่ม

มาตรา 32/3 ห้ามผู้ใดโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือสิ่งอื่นใดที่ใช้ชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นชื่อหรือเครื่องหมายของผลิตภัณฑ์หรือสิ่งนั้น หรือโฆษณาโดยการนำเอาชื่อ เครื่องหมาย หรือสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาตัด ต่อเติม หรือดัดแปลงข้อความให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของชื่อหรือเครื่องหมายของผลิตภัณฑ์หรือสิ่งนั้น มีลักษณะทำนองทำให้เข้าใจได้ว่าหมายความถึงการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

สมาคมคราฟท์เบียร์ อธิบายไว้ว่า ห้ามโฆษณาสินค้าอื่น โดยใช้ชื่อ โลโก้ หรือสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้คนเข้าใจว่าเป็นการโฆษณาเหล้า เบียร์ หรือแอลกอฮอล์

มาตรา 32/4 ห้ามผู้ใดให้การสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคมหรือเพื่อสาธารณประโยชน์แก่บุคคล กลุ่มบุคคล หน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรเอกชน โดยมีลักษณะเป็นการส่งเสริมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุม

อธิบาย คือ ห้ามสนับสนุนกิจกรรมสาธารณะ (เช่น งานเพื่อสังคมหรือกิจกรรมช่วยเหลือชุมชน) โดยแฝงการส่งเสริมให้คนอยากดื่มแอลกอฮอล์

มาตรา 32/5 ห้ามผู้ใดเผยแพร่กิจกรรมหรือข่าวสารเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมอันมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 32/4

ขณะที่เพจ สุราไทย โพสต์ระบุย้ำ ภายหลังร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผ่านการพิจารณาของ สว. จนไปถึงขั้นตอนการประกาศใช้เป็นกฎหมาย หน้าที่ของทีม “สู้ 32” ในเฟสแก้กฎหมายก็จะเสร็จสิ้นลง โดยเฟสต่อไปคือติดตามการออกกฎหมายลูก บรรดาประกาศต่าง ๆ ที่ พรบ. กำหนดไว้ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี

ผศ.เจริญ เจริญชัย อาจารย์คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี และ แอดมินเพจ สุราไทย ในฐานะนักวิชาการที่ผลักดันและร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระบุ ถึงที่มาของการแก้กฎหมายนี้ เริ่มเมื่อช่วงปี 2563 จากกรณีที่มีประชาชนถูกหมายเรียกไปสอบสวนที่สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นจำนวนมาก หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้คิดกันว่าต้องแก้กฏหมายนี้ และเริ่มร่างแก้ไขเพิ่มเติมฯ ในแบบที่ต้องการ 

ย้ำด้วยว่า ในปี 2563 เริ่มยื่นเอกสารเสนอสภาฯ และเริ่มรวบรวมรายชื่อ ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งให้ครบ 10,000 รายชื่อ โดยอาศัยช่วงที่มีการชุมชุมทางการเมืองหลายครั้ง

“ความสำเร็จของการแก้กฎหมายนี้ จึงมาจากความร่วมมือร่วมใจจากหลายฝ่าย มิใช่คนใดคนหนึ่ง สมาคมใดสมาคมหนึ่ง”

เพจสุราไทย

อีกด้านสังคมไทย ยังคงมีความกังวลเรื่องของการปลดล็อกการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจเป็นเหตุให้เกิดนักดื่มหน้าใหม่เพิ่มขึ้นนั้น พละวัต ตันศิริ โฆษกกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายฉบับนี้เพิ่มเติมว่า ว่า ในอนาคตอาจจำเป็นที่ร้านค้าบางร้าน ต้องใช้ตู้ขายอัตโนมัติ ตู้นั้นควรจะสามารถตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ว่าเมาหรือไม่เมา มีระบบเป่าเพื่อวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ เพราะการที่จะมีเครื่องมือและกติกาแบบนี้เปิดไว้ จะสามารถช่วยได้หลายเรื่อง ทั้งเรื่องของการเพิ่มระบบเศรษฐกิจที่ลดการใช้บุคลากร ส่งเสริมโอกาสให้กับกลุ่ม SME 

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active