จับตาคืบหน้าแก้ปัญหาข้อพิพาทที่ดินเกาะหลีเป๊ะ เตรียมเดินหน้าเพิกถอนที่ดิน นส. 3 ก เลขที่ 11

พร้อมเดินหน้าการบังคับใช้กฎหมาย และแผนพื้นฟูพัฒนาการท่องเที่ยวและคุณภาพชีวิตเพื่อความยั่งยืน หนึ่งในกรรมการตรวจสอบข้อมูล ย้ำ หัวใจสำคัญการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้คือความต่อเนื่อง ขอบคุณรัฐบาล ที่เห็นถึงเป้าหมาย และเห็นผลลัพธ์ การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ ไว้วางใจให้ทำงานต่อ 

วันนี้ (11 พ.ย. 66) ธนพร ศรียางกูล กรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบและความขัดแย้งที่เรื้อรังมายาวนาน 

โดยภายหลัง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล ที่มี พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธาน เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกรรมการชุดที่ต่อเนื่องจากรัฐบาลที่แล้ว  ถือเป็นหัวใจสำคัญในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้มีความต่อเนื่อง  จึงขอขอบคุณรัฐบาล ที่เห็นถึงเป้าหมาย และเห็นผลลัพธ์ การทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ และไว้วางใจให้ทำงานต่อ 

“ต้องเรียนว่างานนี้เป็นเรื่องที่ต้องทำกันต่อเนื่อง เพราะว่าคณะกรรมการชุดนี้ ที่ พล.อ. ประยุทธ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรีตั้งขึ้น ก็ทำงานคืบหน้าถึงขั้นที่ให้กรมที่ดินตั้งกรรมการตามมาตรา 61 เพื่อเพิกถอนแล้วแล้วมีการประชุมกรรมการตามมาตรา 61  เรียกได้ว่ามีความคืบหน้าจนถึงจุดที่เรียกว่ากำลังจะสุดทางแล้วด้วยดังนั้นในการที่จะขับเคลื่อนต่อ ต้องมีแผนงาน และก็มีการจัดระบบบนเกาะที่เป็นการปฏิบัติการ เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้จึงต้องทำต่อเนื่อง“ 

ธนพร ยังเปิดเผยว่า  ในส่วนของคณะกรรมการตามมาตรา 61 เอง ยังมีประเด็นในข้อกฎหมายบางอย่าง ที่ต้องหารือกัน ซึ่งในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ โดยวางเป้าหมายการประชุมให้มีความคืบหน้าใน 3 ประเด็นหลัก

ประเด็นที่ 1 ในแปลง นส.3 ก. แปลงที่ 11 ซึ่งเป็นแปลงสำคัญ ที่เกิดข้อพิพาท ระหว่างโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะกับเอกชน ซึ่งตนทราบมาว่า คณะกรรมการตามมาตรา 61 ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นในระดับพื้นที่แล้ว ดังนั้นผลการดำเนินการก็จะถูกนำมาพิจารณากันในคณะกรรมการชุดใหญ่ แต่ในการลงมติของคณะกรรมการตามมาตรา 61 อาจจะมีประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย  ซึ่งเรื่องนี้ต้องนำมาพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องจำนวนเสียงในการลงมติต่างๆ  แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่าเรื่องนี้ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็พยายามเดินหน้ากัน 

2.เรื่องของการบังคับใช้กฎหมายที่ยังต้องเดินหน้า เพราะว่าในเกาะหลีเป๊ะเอง นอกจากเรื่องอุทยานแห่งชาติ เรื่องปัญหาการบุกรุกพื้นที่ที่เกินกว่า สค.1 หรือแนวเขตเดิมแล้วนั้น ก็ยังมีเรื่องของการทำผิดกฎหมายอื่น เช่นพ.ร.บ.โรงแรม พรบ.อาคาร ต่าง ๆ อันนี้ต้องเดินหน้าต่อไป เป็นสิ่งที่คณะกรรมการชุดนี้ ก็จะต้องรีบเข้าไปจัดการ เพราะแน่นอนปฏิเสธไม่ได้เลยว่า มันมีคนเข้าไปลงทุนทำธุรกิจตรงนั้น แต่ในเมื่อมันผิดกฏหมาย ก็ต้องดำเนินการ ส่วนไหนถ้าผิดแล้วต้องรื้อ ก็ต้องรื้อ  แล้วก็ปรับระบบใหม่  ส่วนที่ต้องมาคุยกันว่า แล้วธุรกิจบริการที่อยู่บนเกาะ ต้องปรับรูปแบบอย่างไร เพื่อให้มันเกื้อกูลความยั่งยืน ไม่ใช่ก่อสร้าง แบบต่างคนต่างสร้าง ปิดทางทำให้เกาะน้ำท่วม มีปัญหาน้ำเสีย ขนขยะไม่ได้ อย่างนี้ก็ไม่ใช่ไม่ควรทำ

3.เรื่องของคุณภาพชีวิต ซึ่งหมายถึงการจัดระบบการใช้ทรัพยากรในพื้นที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา แน่นอนว่าวิถีชาวเล แม้ว่าส่วนหนึ่งจะทำอาชีพในภาคบริการที่อยู่บนเกาะหลีเป๊ะ แต่วิถีชีวิตดั้งเดิม ยังคงอยู่ คือ การจับปลา ซึ่งพื้นที่ตรงนั้น เป็นพื้นที่ ที่มีความอุดมสมบูรณ์  แต่ยังมีปัญหาเรือประมงของนายทุนที่เข้ามา  ส่งผลกระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ดั้งเดิมและทรัพยากร ซึ่งแม้ว่าจะมีการจับกุมไปแล้ว ยังมีความพยายามที่จะเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ ในการที่จะเข้ามาทำการประมงในพื้นที่นั้นได้อีกครั้ง อันนี้คือสิ่งที่ต้องไปกำหนดกติกา กำหนดหลักเกณฑ์ร่วมกัน เพื่อให้พื้นที่ตรงนั้น มันเป็นพื้นที่ การดำรงชีวิตได้อย่างยั่งยืนของทุกฝ่าย 

“เรื่องการทำแผนการใช้ทรัพยากร แน่นอนว่าเครื่องมือประมงที่ทำลายล้าง  เราจะไม่ยอมให้เข้ามาใช้ทรัพยากรบริเวณนั้นเด็ดขาด     แต่ว่าในส่วนพี่น้องชาวเล กฎข้อบังคับบางอย่างของกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่อาจไม่ได้ทำให้วิถีชีวิตของพี่น้องดำรงไปอย่างปกติสุข อันนี้ต้องมาหารือกัน เช่น เรื่องพื้นที่บาฆัดหรือจุดพักค้างแรม เพื่อวิถีชีวิตจอดเรือหลบมรสุม อันนี้ต้องนำมาพิจารณาด้วย รวมทั้งแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของชุมชนดั้งเดิม หรือชาติพันธุ์ชาวเลในพื้นที่ด้วย“ 

ธนพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ว่ามาทั้งหมด จะมีความคืหน้าในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ และต้องย้ำขอบคุณรัฐบาลที่เห็นถึงความตั้งใจในการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้ มองถึงผลลัพธ์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นหลักสำคัญ 

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active