ผู้กำกับซีรีย์ ยอมรับมีการวางยาสลบแมว เพื่อถ่ายทำจริง ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ขณะโลกออนไลน์ตั้งคำถาม ผู้เชี่ยวชาญ ใช่สัตวแพทย์หรือไม่ และหากดำเนินการไม่ถูกต้อง มีบทลงโทษอย่างไร โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิภาพสัตว์ชี้กรณีนี้อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย
วันนี้ (10 พ.ย.2567) #แบนแม่หยัว ยังคงติดเทรนด์ขึ้นเป็นอับดับหนึ่งใน X ผู้คนในโลกออนไลน์ ยังคงแสดงความไม่เห็นด้วย กับกรณีที่ ซีรีย์ดัง นำแมวมาถ่ายทำ โดยมีการวางยาสลบ ซึ่งในฉากดังกล่าวปรากฏภาพแมว มีอาการกระตุก
โดยโลกออนไลน์มีการตั้งหลายคำถามสำคัญ เช่น การวางยาสลบแมวเพื่อจุดประสงค์ของความบันเทิงได้หรือไม่ เพราะการวางยาสลบต้องเป็นไปเพื่อการวินิจฉัยหรือรักษาโรค หรือ เพื่อจับสัตว์ดุร้ายเท่านั้นไม่ใช่? หรือ จะทำอะไรกับสัตว์โดยที่สัตว์ไม่สามารถพูดหรือโต้ตอบได้หรือไม่ ทำไมระหว่างถ่ายทำจึงไม่มีใครเตือนหรือบอกว่า เป็นเรื่องไม่ดี และกรณีนี้ สะท้อนถึงความไม่เป็นมืออาชีพของทีมงาน และเป็นการทารุณกรรมสัตว์
ขณะที่ สันต์ ศรีแก้วหล่อ ผู้กำกับซีรีส์ โพสต์คลิปภาพ “แมวดำ” ในเฟซบุ๊ก โดยยืนยันว่า เป็นแมวที่เข้าฉากในวันนั้น และปัจจุบันปกติดี โดยยอมรับว่า มีการวางยาสลบแมวจริง แต่ได้รับการดูแลจากเจ้าของและผู้เชี่ยวชาญในทุกขั้นตอน หลังการถ่ายทำ แมวฟื้นขึ้นมา และใช้ชีวิตเป็นปกติ หลังมีประเด็น ได้ติดต่อให้โมเดลลิงสัตว์ที่รับผิดชอบ นำแมวไปตรวจสุขภาพ โดยจะนำใบรับรองมาเปิดเผยอีกครั้ง
แต่ก็ยังคงมีคำถามตามมาว่า ผู้เชี่ยวชาญที่กล่าวอ้าง เป็นสัตวแพทย์จริงหรือไม่ เพราะหากใช่ อาจเข้าข่ายกระทำผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิภาพสัตว์ ได้ออกมาตั้งข้อสังเกตเรื่องการใช้ยาสลบกับแมว มีเหตุอันควรหรือไม่ เพราะหากทำไปเพื่อประโยชน์ด้านการแสดง แต่เกิดความเสี่ยงต่อตัวสัตว์ ก็อาจเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมาย รวมถึงเจ้าของสัตว์ที่อนุญาต ขณะที่ผู้วางยาสลบ หากเป็นสัตวแพทย์ ก็อาจเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ วางยาสลบโดยไม่มีความจำเป็น และหากผู้ที่วางยาสลบที่อ้างถึง ไม่ใช่สัตวแพทย์ ก็จะเข้าข่ายความผิดฐานประกอบวิชาชีพสัตวแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย
นายสัตวแพทย์ ธราธร ปฐมวานิช ให้ข้อมูลกับ รายการชั่วโมงข่าวเสาร์อาทิตย์ ไทยพีบีเอส พร้อมกับโพสบน TIKTOK อธิบายถึงกระบวนการวางยาสลบแมวที่ต้องมีการตรวจร่างกายอย่างละเอียด งดน้ำ งดอาหาร การให้ยาสลบไม่มีการสอดท่อช่วยหายใจอาจทำให้แมวเสี่ยงเกิดการสำลัก หรือ สำรอกอาหาร ซึ่งดูจากคลิปแล้ว มีโอกาสเกิดความเสี่ยงได้
“คลิปที่ส่งมาให้ดู น้องแมวค่อนข้างมีความเสี่ยง เพราะไม่มีการสอดท่อช่วยหายใจ ฉะนั้นเวลาที่เขาอาเจียน หรือ สำรอกอาหารออกมา มีโอกาสที่อาหารจะเข้าไปในปอด และปอดอักเสบ หรือ ปอดติดเชื้อได้ และถ้ากรณีที่เขาให้ยาเกิน หรือ น้องแมวไวกับยาสลบ ก็อาจทำให้เขาหยุดหายใจกะทันหัน และอันตรายถึงแก่ชีวิตได้เลย”
ขณะที่สัตวแพทยสภา ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์และจรรยาบรรณ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่าได้รับทราบข้อกังวลที่มีภาพของแมวปรากฏในสื่อโซเชียลมีเดีย และมีการกล่าวอ้างถึงว่า อาจมีการใช้ยาสลบในการถ่ายทำละคร โดยทางสัตวแพทยสภา จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อยื่นร้องต่อ อธิบดีกรมปศุสัตว์ในสัปดาห์นี้ ในฐานะผู้มีอำนาจตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ปี 2557 เพื่อให้มีการตรวจสอบอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะเทคนิคการผลิตละครที่มีการนำสัตว์มาร่วมแสดง
แต่จะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ปี 2557 ต้องตีความว่า แมวที่นำมาประกอบฉาก เป็นสัตว์บ้าน สัตว์เลี้ยงหรือไม่ และการวางยาสลบเพื่อถ่ายทำเป็นการทารุณกรรมหรือไม่ ซึ่งต้องให้ผู้เชี่ยวชาญ สัตวแพทย์เป็นผู้ให้ข้อมูลต่อศาล หากมีความผิดจริง มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ