PI – EnLAW ร้อง UN-กสม. คุ้มครองนักสิทธิฯ EEC หลังพบมือปืนเคลื่อนไหว ล็อกเป้าชีวิตแกนนำ

สององค์กรสิทธิฯ ร้องสหประชาชาติและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คุ้มครองนักปกป้องสิทธิฯ ภาคตะวันออก หลังพบความเคลื่อนไหวมือปืนมุ่งสังหารแกนนำคัดค้านโรงงานขยะ เผยรัฐและกฎหมายเอื้อทุนใหญ่ ขณะที่ กสม. เตรียมหามาตรการคุ้มครองด่วน

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2568 องค์กร Protection International (PI) ประเทศไทย และมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW) ยื่นหนังสือด่วนต่อ ซินเธีย เวลิโก ผู้แทนภูมิภาคสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรียกร้องคุ้มครอง จร เนาวโอภาส และ สุเมธ เหรียญพงษ์นาม นักปกป้องสิทธิมนุษยชนภาคตะวันออก ที่ถูกข่มขู่และเสี่ยงถูกลอบสังหาร โดย OHCHR ส่ง ดิป มาร์กา หัวหน้าทีมประเทศไทยเข้ารับหนังสือ พร้อมยืนยันจะเร่งติดตามและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ปรานม สมวงศ์ จาก PI ระบุว่า ทั้งสองคนถูกติดตาม ข่มขู่ และขู่ฆ่าอย่างต่อเนื่อง มีข้อมูลน่าเชื่อถือว่ามีการรวมเงินจ้างมือปืนเพื่อสังหาร เหตุจากการตรวจสอบโครงการและโรงงานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐไทยเพิกเฉยมานาน

ชี้ ภัยคุกคาม เป็นการตอบโต้อย่างเป็นระบบต่อประชาชนที่ปกป้องสิทธิ-สิ่งแวดล้อม

ปรานม ชี้ว่า EEC เอื้อต่อการขยายโรงงานรีไซเคิลและกำจัดกากอุตสาหกรรม โดยขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ก่อให้เกิดมลพิษและที่ดินเสื่อมโทรม ขณะที่นักปกป้องสิทธิฯ กลับถูกฟ้อง SLAPP ถูกเสนอสินบน และข่มขู่คุกคาม อย่างกรณีของ “จร” เคยถูกเสนอผลประโยชน์ให้หยุดคัดค้าน แต่ปฏิเสธและล่าสุดถูกเตือนว่ามีการจัดหามือปืนเพื่อสังหาร ขณะที่ “สุเมธ” เคยถูกบริษัทอุตสาหกรรมฟ้องกว่า 50 ล้านบาท แม้จะถอนฟ้องแล้ว แต่ยังถูกเตือนซ้ำว่าถูกหมายหัว

ปรานม เรียกร้องให้ OHCHR กดดันรัฐบาลไทย โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ยุติธรรม และอุตสาหกรรม ให้คุ้มครองนักสิทธิฯ อย่างเร่งด่วน พร้อมเชิญกลไกพิเศษของยูเอ็น เช่น ผู้รายงานพิเศษด้านนักปกป้องสิทธิฯ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงคณะทูตต่างชาติ ร่วมติดตามใกล้ชิดเพื่อสร้างแรงกดดันทางการทูต

ปรานมเตือนว่า ภัยคุกคามครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องโดดเดี่ยว แต่เป็นรูปแบบการตอบโต้ที่เป็นระบบต่อประชาชนที่ลุกขึ้นปกป้องสิ่งแวดล้อมและสิทธิชุมชน หากรัฐไทยยังเพิกเฉย มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการสูญเสียเหมือนกรณี ประจบ เนาวโอภาส นักปกป้องสิทธิที่ถูกลอบสังหารในปี 2556 ซึ่งจนวันนี้ยังไม่สามารถลบล้างวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดได้ ทั้งนี้ Protection International ยังได้หยิบยกโครงการ “แด่นักสู้ผู้จากไป (For Those Who Died Trying)” ที่บันทึกเรื่องราวนักปกป้องสิทธิมนุษยชนกว่า 60 รายที่ถูกลอบสังหารทั่วประเทศ เพื่อย้ำว่า ชีวิตและการต่อสู้ของพวกเขายังไม่ถูกลบเลือน

“อยากเรียกร้องให้สื่อมวลชน นักการทูต และสังคมไทย ร่วมกันจับตาและปกป้องนักปกป้องสิทธิฯ อย่างจริงจัง ไม่ให้ใครต้องสังเวยชีวิตเพียงเพราะยืนหยัดเพื่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และสิทธิชุมชน”

ปรานม สมวงศ์

EnLAW แฉทุนใหญ่กดดันหนัก

ด้าน สุภาภรณ์ มาลัยลอย ผู้จัดการมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW) เผยว่า ปัญหาสะสมมาตั้งแต่ยุคพัฒนาอุตสาหกรรม และรุนแรงขึ้นในช่วงอีอีซี ทำให้ชุมชนต้องเผชิญทั้งมลพิษและภัยคุกคาม นักสิทธิฯ ที่ตรวจสอบธุรกิจจัดการขยะถูกข่มขู่เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะโรงงานลักลอบประกอบกิจการ แม้มีการสั่งปิดหรือดำเนินคดี แต่พื้นที่ยังปนเปื้อนและปัญหาไม่ถูกแก้ไข โดยการตรวจสอบเหล่านี้กระทบผลประโยชน์มหาศาลของกลุ่มทุน จึงถูกข่มขู่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

“หลายครั้งชาวบ้านต้องลงไปดักจับรถบรรทุกขยะอันตรายด้วยตนเอง เพราะหน่วยงานรัฐไม่สามารถจัดการต้นตอได้ เมื่อมีการร้องเรียนก็ไม่เห็นผล ทำให้ชุมชนต้องเสี่ยงชีวิตตรวจสอบเอง”

สุภาภรณ์ มาลัยลอย

เธอย้ำว่า เรายังขาดมาตรการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิฯ ให้มั่นใจว่าจะสามารถทำงานต่อได้โดยปลอดภัย นี่คือเหตุผลที่ต้องยื่นหนังสือต่อสหประชาชาติ ให้เข้ามาช่วยกดดันและสร้างกลไกปกป้องที่จริงจัง ความพยายามติดตามตรวจสอบเหล่านี้กระทบต่อผลประโยชน์มหาศาลของกลุ่มทุน ทำให้เกิดการข่มขู่คุกคามอย่างต่อเนื่อง ทั้งการโทรศัพท์มาสั่งหยุด การส่งสารผ่านเครือข่าย และคำเตือนที่มีน้ำหนักว่าอาจรุนแรงมากขึ้น หากรัฐบาลชุดใหม่ยังคงปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปเช่นเดิม

นักสิทธิฯ ผวา กลุ่มมือปืนเคลื่อนไหว

ด้าน จร นวโอภาส นักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ตนและชุมชนต่อสู้ปกป้องสิทธิในพื้นที่มากว่า 20 ปี แต่ที่ผ่านมาหน่วยงานรัฐยังไม่สามารถคุ้มครองได้จริง ไม่ว่าจะกรณีการคุกคาม การปองร้าย การฆาตกรรม หรือการอุ้มหาย ล้วนไม่สามารถติดตามหาผู้กระทำผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ตอนนี้เราทราบข้อมูลว่ามีกลุ่มมือปืนเคลื่อนไหวในพื้นที่ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และปราจีนบุรี เป้าหมายคือเครือข่ายนักสิทธิที่ขับเคลื่อนเรื่องโรงงาน บ่อกลบขยะ และโรงงานรีไซเคิล เรากังวลว่าสถานการณ์นี้อาจซ้ำรอยคดีผู้ใหญ่ประจบ”

จร นวโอภาส

ขณะที่ สุเมธ เหรียญพงษ์นาม นักปกป้องสิทธิมนุษยชนจากปราจีนบุรี ระบุว่า ปัญหานี้ไม่ใช่เพียงแกนนำ แต่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกชุมชนที่จะลุกขึ้นมาต่อสู้ หากประชาชนถูกข่มขู่จนไม่กล้าเคลื่อนไหว สิทธิการปกป้องบ้านเกิดจะหายไป

สุเมธ ชี้ว่า ปัจจุบันจังหวัดปราจีนบุรีเต็มไปด้วยโรงงานจีนเกือบทั้งหมด เชื่อมโยงกับการขยายพื้นที่เขตพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีทั้งกระบวนการซื้อขายที่ดิน การตั้งโรงงานไฟฟ้า การจัดการกากขยะ โดยมีกลุ่มผู้มีอิทธิพลและระบบใต้ดินรับผลประโยชน์ จนเมื่อภาคประชาชนตรวจสอบกลับถูกข่มขู่หรือถูกชักชวนให้ “ร่วมผลประโยชน์”

“การคุกคามที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน แต่เป็นการปิดปากชุมชนทั้งชุมชน สิ่งที่เราต้องการคือรัฐบาลต้องลงมาจริงจัง ให้หลักประกันว่าประชาชนสามารถลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิ์ได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงชีวิต”

สุเมธ เหรียญพงษ์นาม

กสม. เตรียมมาตรการคุ้มครอง

ภายหลังยื่นหนังสือที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทั้งหมดได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ ศยามล ไกยูรวงศ์ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดยศยามลกล่าวภายหลังจากรับหนังสือของสองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนภาคตะวันออก ว่า กสม. จะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงอุตสาหกรรม และ “ทีมสุดซอย” ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมตั้งขึ้น เพื่อติดตามปัญหาการจัดตั้งโรงงานและการทิ้งขยะเถื่อนและจะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานระดับจังหวัดและกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ เพื่อจัดทำมาตรการคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ตามหลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นภารกิจที่หน่วยงานของรัฐไทยต้องดำเนินการ

“เราคิดว่า กสม. จะชวนกระทรวงอุตสาหกรรม กรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ รวมถึงผู้ร้อง เข้าร่วมประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางการปกป้องและคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นระบบ”

ศยามล ไกยูรวงศ์

Author

Alternative Text
AUTHOR

The Active

กองบรรณาธิการ The Active